FOREVER รักนิรันดร์ 7

1524 Words
FOREVER รักนิรันดร์ 7 มื้อเย็นของเราพี่แอนช่วยติดต่อโรงแรมให้ช่วยเตรียมสถานที่ไว้ให้แล้ว ส่วนแม่และพ่อเองก็มาช่วยพี่แอนระหว่างที่เราออกไปซื้อของ เมื่อได้อาหารมาพนักงานก็นำอาหารไปจัดใส่จานให้ ส่วนเครื่องดื่มเราขอซื้อน้ำแข็งจากที่พักแล้วล่ะเมื่อแบ่งที่นั่งกันเสร็จเรียบร้อยฉันก็ขอตัววิ่งไปเรียกหนุ่ม ๆ ที่ไม่รู้ว่าทำงานเสร็จหรือยังมากินข้าวพร้อมกัน ซึ่งได้คำตอบว่าอีกสามสิบนาทีจะตามมา เพราะว่าพี่ ๆ ทำงานอยู่เลยไม่ได้งอแง เดินกลับไปตามทางเดินที่วิ่งมา ไม่คิดที่จะกลับไปเปลี่ยนชุดด้วย เสื้อคลุมที่สวมอยู่ก็สามารถพรางสายตาได้ดีไม่ได้ดูโป๊อะไรมาก แต่ในระหว่างที่เดินกลับไปที่โต๊ะก็เริ่มรับรู้ถึงสายลมที่พัดวูบผ่านหน้าไปอยู่เสียหลายครั้ง หอมจัง อยากชิมจังเลยจะหวานเหมือนกลิ่นไหม อย่าคิดจะเล่นเชียว เจ้าของเขาตามติดขนาดนั้น อยากใช้ชีวิตแบบนี้ ถ้าฉันได้เข้าไปอยู่แทนจิตผู้หญิงคนนี้คงจะดีไม่น้อย... เสียงสนทนาเหล่านั้นฉันได้ยินอย่างชัดเจน อยากจะคิดว่าเป็นพนักงานคุยกันเรื่องละคร แต่ฉันก็หลอกตัวเองไม่ได้จริง ๆ เมื่อรอบ ๆ ข้างฉันนั้นมีเพียงแสงสลัวจากหลอดไฟและต้นไม้พุ่มไม้ที่ถูกปลูกไว้เพื่อความสวยงาม ฉันรีบเดินด้วยความเร็วหวังจะกลับไปถึงจุดที่ทุกคนนั่งอยู่ แต่ยิ่งเดินเร็วเท่าไหร่ก็รู้สึกว่าข้อเท้าตัวเองนั้นมีแรงรัดแรงขึ้นเท่านั้น ฉันพยายามฝืนแรงรั้งก้าวเดินต่อ แต่ก็ยังฝืนแรงไม่ไหว จึงหยุดเดินแล้วเรียกกำลังใจให้ตัวเองก่อนจะตัดสินใจก้มมองที่ข้อเท้า เงาสีเทาแผ่คลุมบริเวณพื้นทางเดินด้านหน้าที่ปูด้วยอิฐสีขาว สองมือที่ซีดเซียวกอบกุมที่ข้อเท้าฉันทั้งสองข้าง เส้นผมสีดำที่ตกลงสูงพื้นทำให้ฉันถึงกับตกใจยืนตัวแข็งค้าง ยิ่งจ้องสิ่งนั้นภาพตรงหน้ายิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ จากเพียงแค่เงาสีดำก็เริ่มมองชัดเจนเป็นรูปร่างของผู้หญิงที่สวมใส่ชุดสีขาวเก่า ๆ นิ้วที่กำรอบข้อเท้าก็มีเล็บยาวแหลมสีดำ ครูดอยู่กับผิวเนื้อ “ฮึก” จังหวะที่เจ้าของร่างนั้นค่อย ๆ แหงนหน้าขึ้นมองฉันแล้วแสยะยิ้มฉันถึงกับสะอึกน้ำตาไหลด้วยความตกใจกลัว “...” ร่างตรงหน้าค่อย ๆ ฉีกยิ้มกว้างแลบลิ้นจะเลียที่เท้าฉันแต่ดวงตาสีแดงเข้มนั้นยังเหลือบจ้องมองฉันอยู่ไม่ยอมมองไปทางอื่น ราวกับว่าเธอกำลังสนุกที่แตะตัวฉันได้แบบนี้ ยามที่ปลายลิ้นสีดำเคลือบไปด้วยหยาดน้ำหนองแตะลงบนหลังเท้าจู่ ๆ ก็มีสายลมพัดวูบเข้ามาพร้อมกับร่างฉันที่ลอยเหนือพื้น สายตาที่จ้องมองร่างนั้นเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่ามีเปลวเพลิงลุกโชนคลุมร่างนั้นพร้อมกับร่างนั้นที่ค่อย ๆ ถูกดูดลงไปใต้พื้นดิน และทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะเงียบสงบ “...” “...” ฉันมองเจ้าของท่อนแขนที่โอบกอดตัวเองไว้อย่างตกใจ เขาเข้ามาอุ้มฉันให้หนีพ้นจากสิ่งที่ร่างนั้นกำลังกระทำกับฉันพร้อม ๆ กับเงานั้นที่ถูกดึงลงสู่ใต้ผิวดิน ฉันมองหน้าคนที่อุ้มฉันอยู่อย่างตกใจและไม่รู้จริง ๆ ว่าตอนนี้ฉันควรจะรู้สึกยังไงหรือควรจะถามอะไรอีกฝ่ายออกไป “มีแผล นั่งรอ...” คนที่อุ้มฉันอยู่บอกแค่นั้นก่อนจะอุ้มฉันเดินไปยังจุดบริการลูกค้าของโรงแรม ฉันนั่งนิ่งบนเก้าอี้ราวกับคนเสียสติ และภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ยังชัดเจนในความทรงจำของฉัน “เอม! เกิดอะไรขึ้นทำไมมานั่งตรงนี้” อุ่นใจที่กำลังจะเดินไปยังจุดนัดกินมื้อเย็นเห็นฉันก็รีบร้องทักด้วยความเป็นห่วงรวมถึงรีบเดินเข้ามาหา ใบหน้าหล่อนั้นเต็มไปด้วยความตกใจและไม่สบายใจ ยิ่งเห็นว่าที่ข้อเท้าทั้งสองข้างของฉันมีรอยขีดยาว ๆ และเลือดซึมอุ่นใจยิ่งทำหน้าดุยิ่งขึ้นกว่าเดิม “เกิดอะไรขึ้น...” “เอ่อ...” ฉันควรจะเล่าให้อุ่นใจฟังมากแค่ไหน “เดินแล้วกิ่งไม้เกี่ยวน่ะ ผมเห็นพอดีเลยพามาทำแผลก่อน” คุณคามิลที่เดินถืออุปกรณ์ทำแผลกลับเข้ามาใกล้เป็นฝ่ายเอ่ยตอบอุ่นใจแทนฉัน ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าหงึกหงักตามที่คุณคามิลบอก “ซุ่มซ่ามไม่มีใครเกินจริง ๆ ขอบคุณนะครับเดี๋ยวผมทำให้น้องเองครับ” อุ่นใจหันไปมองคุณคามิล แต่ระหว่างที่อุ่นใจทำแผลที่ข้อเท้าให้ฉัน คุณคามิลก็ยังนั่งอยู่ใกล้ ๆ ไม่ได้เดินกลับเข้าไปยังโต๊ะกินข้าว กระทั่งอุ่นใจพันแผลที่ข้อเท้าเสร็จก็จับมือพาเดินไปที่จุดกินข้าวโดยมีคุณคามิลเดินตามหลังมาไม่ห่าง “ไปไหนมาลูก นานมากพ่อโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย” เมื่อกลับเข้าใกล้โต๊ะกินข้าวพ่อที่เห็นเราก่อนก็รีบร้องทัก ด้วยน้ำเสียงติดจะกังวล “ไปเรียกพี่อุ่นค่ะ หนูหิวแล้ว กินข้าวกันเลยไหมคะ?” ชวนเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากทำให้บรรยากาศดี ๆ นั้นหมองลงจากเรื่องที่ฉันเจอ อีกอย่างเราเพิ่งมาวันแรกด้วยฉันไม่อยากให้ทุกคนกังวลเรื่องของฉันหรอกนะ “เอามานั่ง ๆ กินข้าวกันเลย เชิญนั่งครับคุณคามิล” พ่อหันไปบอกคนที่เพิ่งเดินเข้ามา เมื่อเห็นแบบนั้นฉันก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวที่จองไว้ และก็ไม่คิดว่ามันจะบังเอิญตรงคุณคามิลอีกครั้ง แต่ก็ช่างเถอะกินข้าวไปก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว ระหว่างมื้อเย็นผู้ใหญ่ก็คุยงานกันไปบ้างสลับกับดื่มส่วนวัยรุ่นอย่างเราก็กินข้าวและดื่มไปด้วย ความสุขเองก็ได้รับอนุญาตจากพ่อและแม่แล้วว่าให้ดื่มได้ น้องชายฉันน่ะดื่มเก่งอย่างกับอะไรดี เพราะที่บ้านเราให้อิสระแต่ขอให้ยังอยู่ในขอบเขตเลยทำให้หนุ่ม ๆ ดื่มกันตั้งแต่เริ่มเป็นวัยรุ่นและตอนนี้เรียกได้ว่าดื่มกันเก่งจนมีร้านเหล้าของตัวเองแล้วล่ะ มีสาขาที่ไทยใกล้มหาลัยเราหนึ่งแห่งและนับได้ว่าเป็นที่ชื่นชอบของนักศึกษาอย่างมาก เรียกได้ว่าเจ้าของร้านหน้าตาดีลูกค้าก็ชอบไปด้วย แต่ร้านเหล่านั้นคือหนุ่ม ๆ ทั้งห้าคนเป็นเจ้าของร่วมกันนะ พี่ใหญ่อย่างพี่ขอบคุณตอนนั้นเห็นน้อง ๆ อยากเปิดร้านเหล้าแต่ทั้งอายุและวุฒิภาวะต่าง ๆ ยังไม่ได้เลยเป็นตัวตั้งให้ก่อน เพราะแบบนี้ไงล่ะเราถึงได้รักพี่ขอบคุณมากขนาดนี้ เป็นพี่ชายที่น่ารักของน้อง ๆ จริง ๆ เลยล่ะ “ขนมซื้อมาหมดร้านเลยหรือเปล่าเนี่ย” พี่ไออุ่นที่เห็นฉันและไอริสเอาขนมขึ้นมาบนโต๊ะก็หลุดขำเสียยกใหญ่ อาหารบางส่วนที่หมดแล้วพนักงานก็ทยอยไปเก็บแล้วล่ะ ตอนนี้ผู้ใหญ่อิ่มกันแล้วและกำลังดื่มไวน์กันอยู่ พี่ผู้ช่วยก็ดื่มกับพวกฉันด้วยนะ แต่ส่วนมากจะถูกอ้อนให้ดื่มมากกว่ายิ่งดึกพวกเรายิ่งสนุก สายลมเย็น ๆ บวกกับเสียงคลื่นที่ซัดกระทบกับฝั่งยิ่งทำให้เราครึกครื้นกว่าที่เป็น “พรุ่งนี้กินข้าวเสร็จไปถ่ายรูปใช่ไหม?” พี่ซัมเมอร์ถามฉันและไอริส “ใช่ค่ะ เดี๋ยวไปหาดเทียนกลับมาก็ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันที่ร้าน...” บอกแผนของฉันและไอริสให้พี่ซัมเมอร์ได้รู้คร่าว ๆ ส่วนพี่ชายฉันน่ะรู้อยู่แล้วเพราะจะตามดูแลฉันยังไงล่ะ “โอเค มีร้านกาแฟนะตอนบ่ายไปกินด้วยกัน” “โห เด็ก ๆ แพลนที่เที่ยวไว้เยอะมากเลยนะคะเนี่ย” พี่แอนที่ได้ยินก็เอ่ยแซวเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มสนุก “ใช่ค่ะพี่แอน นาน ๆ จะมาเที่ยวเลยอยากเที่ยวเยอะ ๆ เลยค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นพี่ขอไปด้วยได้ไหมคะ” “ได้ค่ะ ไปด้วยกัน แต่ว่าต้องขับมอเตอร์ไซค์นะคะ ทางชันนิดหน่อยแต่ก็น่าจะไหวอยู่” ฉันเล่าพร้อมทำท่าทางตื่นเต้น คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามปรายตามองฉันพร้อมเล็กน้อยก่อนจะหันไปคุยกับพ่อต่อ ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจสิ่งที่ฉันคุยกับพี่แอนมากนัก ==== เค้าว่าน่าจะต้องมีคนแอบยกขาขึ้นเหมือนเค้าแน่เลย สยองนิดหน่อย...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD