สามปีต่อมา
"ทำไมคุณไม่บอกผมเปรี้ยว!" ร่างใหญ่วิ่งโร่ออกจากห้องน้ำถือของบางอย่างเอาไว้ในมือ ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เข้ามาสวมกอดภรรยา ซึ่งนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจกในห้องนอน...
"อะไรกันคะไทม์...ตื่นเต้นอะไรกัน..." ปาหนันวางหวีลงบนโต๊ะแล้วหันหน้าไปมองสามีซึ่งกำลังฝังจมูกลงบนพวงแก้มของหล่อนพอดี
"นี่ไง...คุณคิดจะบอกผมเมื่อไหร่ หืม...ที่รัก" น้ำเสียงของเขาเต็มตื้นไปด้วยความดีใจสุดแสน กอดหอมภรรยาสาวนัวเนียแสดงถึงความรักและอาทรในตัวหล่อนเหลือคณา
"คุณ...นี่คุณไม่เก็บมาได้ยังไงคะ..." ปาหนันหยิบของในมือเขากำไว้แน่น ยิ้มอ่อนหลบสายตาแล้วซบลงอิงกับใบหน้าของคมกร้านของสามี
"สามเดือนแล้วค่ะ...เปรี้ยวทำงานจนลืม แล้วก็เอ่อ...ตั้งใจจะชวนคุณไม่คุยกับคุณหมอเลยทีเดียว จะได้มั่นใจร้อยเปอร์เซ็น" หล่อนกล่าวบอกน้ำเสียงแผ่วอ่อน
"ผมดีใจที่สุดเลยเปรี้ยว...เราจะมีลูกด้วยกันแล้ว ผมรอวันนี้มานานแค่ไหนคุณรู้ไหม ในที่สุด...เขาก็มา..."
"ค่ะ...เปรี้ยวรู้... เอ่อ...ไทม์คะ..."
"หืม...มีอะไรครับ หรือว่ากลัว..." น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนทุ้มเนิบ...
"เปล่าค่ะไม่มีอะไร...นอนเถอะดึกแล้วพรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีก..."
"ครับคนดี...พรุ่งนี้วันศุกร์ ช่วงเย็นๆ เราเข้ากรุงเทพฯ กันดีกว่า ผมว่าจะไปเอารถที่อู่แล้วจะแวะไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านด้วย"
"แล้วแต่คุณสิคะ เอ่อ...ฉันขอไม่ไปด้วยได้ไหม" หญิงสาวยื่นข้อเสนอ
"ได้ยังไง คุณต้องไปบอกข่าวดีกับคุณลุงคุณแม่ พวกท่านคงดีใจมากๆ ที่จะได้อุ้มหลานเสียที อีกอย่าง...ไหนๆ ก็ไปแล้วเราก็แวะโรงพยาบาลเสียที่โน่นเลยจะได้ไม่เสียเวลา" ทัพไทวาดวางแผนเอาไว้เสร็จสรรพ สองมือยังไม่ยอมปล่อยจากร่างบางระหงจนกระทั่งหล่อนง้างแกะออกและจูงเขาไปยังที่นอน
"มันเร็วเกินไปหรือเปล่าคะ จะรีบร้อนทำไม อีกอย่างโรงพยาบาลดีๆ ที่นี่ก็มีเยอะอยู่"
"ผมไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว...อยากแวะไปบอกข่าวดีกับท่าน เผลอๆ ท่านอาจจะพาคุณไปโรงพยาบาลด้วยตัวเองเลยก็ได้นะ คุณแม่ผมแข็งแรงนะ"
"ค่ะ...เปรี้ยวทราบ งั้นก็แล้วแต่คุณเถอะ บอกตรงๆ เปรี้ยวเบื่อกรุงเทพฯ" หญิงสาวกล่าวขณะเอนตัวลงนอนและสามีหนุ่มเป็นคนตลบผ้าห่มคลุมให้
"ก็แน่สิ...เปรี้ยวไปทำงานเกือบทุกอาทิตย์นี่ เอาล่ะนอนเถอะ...ชักง่วงแล้ว หรือเราจะมาทำอะไรแก้ง่วงกันดี หืม..." ชายหนุ่มยิ้มกรุ่มกริ่ม ส่งสายตาแพรวพราว แต่สาวเจ้ากลับปิดสวิชโคมไฟจนทั้งห้องมืดทึ้ม
"ฝันดีค่ะที่รัก พรุ่งนี้คุณต้องทำอะไรอีกเยอะแยะนี่ พักผ่อนนะคะ..."
"โธ่! มาตัดบทกันเฉยเลย"
ปาหนันหัวเราะกระซิกในลำคอกับอาการพะเง้าพะงอดของสามี แต่ก็ไม่ได้หันไปสานต่อเอาใจอะไร หล่อนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาแล้วหลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน ทัพไทพาดแขนกอดหล่อนเอาไว้ก่อนจะพรมจูบพวงแก้มหอมเป็นการบอกลาสู่นิทราไปพร้อมๆ กัน
เพราะเอาเข้าจริงๆ เขาก็ไม่อาจรังแกหล่อนได้หรอก ในขณะนี้หัวใจมันเปรมปรีดากับข่าวดีที่เพิ่งรับทราบมาสดๆ ร้อนๆ จนแทบจะยกปาหนันเอาไว้บนหิ้งเสียด้วยซ้ำ
ในที่สุดความพยายามและการรอคอยก็ถึงคราวสิ้นสุดเสียที หัวใจมันอิ่มเอมชื่นมื่นเหลือเกินจนแทบจะไม่อยากหลับตานอน...มือข้างที่กอดหล่อนเอาไว้เลื่อนไปลูบหน้าท้องซึ่งยังแบนราบ ทว่ากำลังฟูมฝักหัวใจดวงน้อยของเขาและปาหนันเอาไว้รอเวลาเพื่อจะได้ออกมาเจอหน้ากัน "ลูกพ่อ...พ่อรอวันนี้มาแสนนาน ในที่สุดหนูก็มาเสียที..." ชายหนุ่มถอนหายใจปลดเปลื้องความเหนื่อยหน่ายในชีวิตประจำวันทิ้งอย่างคนมีความสุขล้นเหลือ
ริมฝีปากเหยียดยิ้มปริ่มเต็มใบหน้า ซบศีรษะกับแผ่นหลังของหล่อนแล้วฝืนหลับตาพริ้มเพื่อสะกดให้ตนเองนั้นหลุดจากความตื่นเต้นแล้วหลับใหลเสียที
อย่างที่ปาหนันได้กล่าวไว้ พรุ่งนี้...มีหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเขาต้องทำ ดังนั้นควรพักผ่อนเก็บแรงเอาไว้เผชิญกับหน้าที่การงานและการดำเนินชีวิตในวันพรุ่งดีกว่า...