บทนำ ตอนที่ 2

2020 Words
"ผมฝากคุณแม่ด้วยนะครับ...เอยดื้อ อาจจะเข้าใจอะไรยากหน่อย แต่สักวันเธอจะเข้าใจได้เองว่าสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่มันไม่ใช่ มันเป็นแค่ความรู้สึกของเด็กๆ ที่พอได้ผูกพันกับใครก็เอาไปวาดฝันต่างๆ นานาเอยขาดความรัก...ขาดคนเข้าใจแกจริงๆ แกถึงได้เป็นแบบนี้ ผมสงสารเธอมาก"            "แม่เข้าใจ...แต่แกกำลังจะแต่งงาน แต่งแล้วก็ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น อย่าให้เมียแกต้องมาระแวงใจกับเรื่องในบ้านเลย มันจะเป็นปัญหากันซะเปล่าๆ"            "ครับคุณแม่...งั้นผมขอตัวไปรับเปรี้ยวก่อนนะครับ...ว่าจะไปลองชุดแต่งงานกัน" ชายหนุ่มประคองร่างเล็กของมารดาให้นั่งลงบนเก้าอี้ไม้สักตัวใหญ่ พลางเข้าไปสวมกอดแล้วคลี่ยิ้มซบลงบนบ่าซึ่งได้แบกความรักที่มีตัวตนอย่างเขามานานกว่าสามสิบปีแล้วด้วยความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว            "อืมๆ ขับรถดีๆ นะลูก" ประภาอวยชัยให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจนกระทั่งเขาเดินออกออกไปจากตัวบ้านได้สักพัก            "พร้อม! พร้อมเอ้ย! อยู่ไหนล่ะนั่นมานี่หน่อยสิ"            "อยู่นี่ค่ะคุณภา...คุณภามีอะไรหรือเปล่าคะ..." สาวใช้ร่างอวบรีบปรี่เข้ามายืนใกล้ๆ นายสาวแล้วเอ่ยถามสีหน้ากระตือรือร้น            "แม่เอยเขาไปโรงเรียนหรือเปล่า...ฉันเห็นทะเลาะกับตาไทม์แล้ววิ่งหนีเข้ามาในบ้านแน่ะ ไปถามคนขับรถซิ"            "อ๋อ...คุณเอยไม่ได้ไปโรงเรียนค่ะคุณท่าน...พร้อมเห็นวิ่งขึ้นไปบนห้องตั้งแต่เมื่อครู่แล้วค่ะ ถามก็ไม่ตอบ พร้อมไม่กล้าซักมากความเดี๋ยวเธอจะเสียอารมณ์..." พร้อมรายงาน "อืม...งั้นมีอะไรก็ไปทำเถอะ...ฉันจะขึ้นไปดูเขาเอง" พูดจบประภาก็ลุกเดินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้านหลังใหญ่ ตัวนางเองก็คิดเช่นเดียวกับทัพไทนั่นแหละ... ภาวนาเป็นเด็กขาดความอบอุ่น เมื่อมีใครสักคนยื่นมือเข้ามาโอบอุ้มแกด้วยความสงสารและหวังดีจากใจจริง แกก็แยกแยะไม่ออกว่าความรู้สึกที่มอบให้ตอบกลับไปคืออะไร            รู้แต่เพียงว่าหากอยากให้เขาคนนั้นอยู่ด้วยตลอดไปก็ต้องแต่งงานอยู่กินเฉกเช่นฉันสามีภรรยา            "น้องเอย...น้องเอยนี่ย่าภานะลูก เปิดประตูให้ย่าหน่อยซิ..."          ก๊อกๆ!  ประภายืนอยู่หน้าประตูชั่วครู ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้าใกล้ พร้อมกับแย้มบานประตูเปิดออกแล้วโผล่หน้าออกมา            "เป็นอะไรหืม...ให้ย่าอยู่เป็นเพื่อนไหม..."            "ย่าภา ย่าภาต้องจัดการให้เอยนะคะ อาไทม์กำลังจะทิ้งเอยไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น" ราวกับต้นไม่เฉี่ยวเขาได้ฝนโปรย...ภาวนาโผเข้ากอดย่าเลี้ยงเล็กแรงพร้อมกับเสียงหอบสะอื้นตัวโยน            "โถ...เด็กหนอเด็ก มาๆ ใครทำอะไรมาบอกย่า ย่าจะจัดการให้เอง" นางปลอบไปพลางประคองหลานรักเข้าไปในห้องพลางเพื่อกันสายตาจากพวกคนใช้ในบ้านที่อาจจะเอาความไปพูดซุบซิบนินทาต่อความยาว            "เอยไม่ใช่เด็กแล้วนะคะย่าภา เอยโตแล้ว..."            "จ้าจ้ะ...มานั่งตรงนี้ก่อนนะ แล้วเล่าให้ย่าฟังสิว่าเกิดอะไรขึ้น" สองร่างนั่งลงบนที่นอนนุ่มซึ่งถูกตกแต่งอย่างดีด้วยของใช้ราคาแพงยิบ            "อาไทม์จะแต่งงาน...จะย้ายไปจากที่นี่ อาไทม์กำลังจะทิ้งเอยค่ะย่าภา ย่าภาอย่าให้อาไทม์ไปเลยนะคะ" หล่อนกล่าวพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรู อาดูสุดแสนราวกับกำลังสูญเสียสิ่งสำคัญไปแล้วไม่มีวันได้กลับคืน            "อาไทม์แต่งงาน...เขาก็ต้องไปสร้างครอบครัวของเขานะเอย อีกอย่างต่อให้ไปอยู่ที่ไหนเขาก็ต้องกลับมาที่นี่วันยังค่ำ อาไทม์ไม่มีทางรักใครเท่าเอยหรอก แต่ความรัก...มันไม่ได้จำเพาะเจาะจงในความหมายเดียว อาไทม์รักหนูเหมือนลูกเหมือนหลาน เขาไม่มีวันลืมและไม่มีวันทิ้งเอยหรอกนะลูก"            "แต่เอยไม่อยากให้อาไทม์แต่งงานนี่คะ...อาไทม์เคยสัญญาว่าจะรอเอย จะแต่งงานกับเอยคนเดียว" หล่อนเถียง            "เฮ้อ! เอยเอ้ย...เอาไว้หนูโตกว่านี้อีกหน่อยหนูจะเข้าใจนะ รู้ไหมทำแบบนี้อาไทม์เขาไม่สบายใจ เขาเป็นห่วงหนูมาก..."            "ไม่จริงหรอกค่ะ อาไทม์ไม่ได้รักหนู ไม่ได้ห่วงหนูอีกแล้วเพราะเขามีคนอื่นที่ต้องรัก ต้องอยากดูแลมากกว่า"            "ย่าบอกแล้วไงว่ามันคนละกรณีกัน...ไม่มีใครมาแทนที่ใครได้หรอกเอย"            "คอยดูนะ...หนูจะฆ่าเจ้าสาวของอาไทม์ให้ตายเลย อยากมาแย่งอาไทม์จากหนูดีนัก หนูเกลียดผู้หญิงคนนั้น หนูเกลียดนังเปรี้ยว ผู้หญิงที่แย่งคนรักของคนอื่น ต้องไม่ตายดีแน่ๆ" "เอย!!" ประภาอุทานด้วยความตกใจกับถ้อยวาจาที่ไม่น่ารักสมวัย แต่ก็สงสารหลานสาวที่ปล่อยโฉโผเข้ากอดนางเอาไว้อีกครั้ง มือของนางลูบไปตามแผ่นหลังของร่างเล็กสั่นสะท้าน            "ทำไมถึงคิดอะไรแบบนั้นล่ะลูก หืม...มันไม่ดีเลยรู้ไหม"            "หนูพูดจริงๆ ค่ะ คอยดูนะคะหนูจะทำลายผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้อาไทม์ ใครที่คิดแย่งอาไทม์ไปจากหนูมันต้องไม่ตายดี ย่าภาขา...พวกนั้นมันรังแกหนู"            "เฮ้อ!!! หลานรักของย่า คราวหน้าคราวหลังอย่าไปพูดแบบนี้ให้ใครได้ยินรู้หรือเปล่า เรื่องอาไทม์น่ะหนูไม่ต้องไปคิดอะไรให้มันมาก ถ้ารักอาเขา อยากให้อาเขามีความสุขหนูก็ควรเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน...เขาจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลใจรู้ไหม"            "หนู...หนูจะพยายามค่ะ แต่หนูคงคิดถึงอาไทม์มากๆ แน่เลย เพราะหนูอยู่กับอาทุกวัน ไปไหนด้วยกันตลอด ตอนนี้อาเขามีคนอื่นที่อยากไปด้วย อยากอยู่ด้วยมากกว่าหนูแล้ว ไม่สนใจหนูอีกแล้ว"            "หนูยังมีย่า มีปู่ แล้วก็คุณพ่อ...ส่วนอาไทม์ก็อย่างที่ย่าบอก เขาไม่มีวันทิ้งหนู หรือรักหนูน้อยลงหรอกลูก แต่ชีวิตคนเรามันต้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งเราเองก็ไม่อาจรู้ได้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า ที่แน่ๆ...ไม่มีอะไรยังยืนตลอดไปหรอกลูก"            "แม่แต่ความรักหรือคะคุณย่า..."            "ทุกสิ่งทุกอย่างจ้ะหลาน...แม้แต่สายน้ำ ท้องฟ้า...หรือแผ่นดินที่เราเหยียบย่ำอยู่ทุกวันนี้" ประภากอดร่างเล็กเอาไว้พร้อมสรรหาคำปลอบโยนเพื่อให้คลายความทุกข์ในใจ            "ค่ะคุณย่า...หนูเชื่อคุณย่าค่ะ แต่คุณย่าไม่ทิ้งหนูไปอีกคนนะคะ"   "เด็กโง่...ย่าแต่งงานกับปู่ของหนู ก็เพื่อฝากผีฝากไข้ฝากชีวิตเอาไว้ที่นี่ แล้วย่าจะทิ้งหนูไปไหนได้ล่ะ หืม อย่าคิดมากเลยนะ..."            "ค่ะ..." ความเศร้าในใจค่อยคลายลงเมื่อได้พูด ได้คุยและมีคำปลอบโยนดีๆ คอยช่วยประทังบาดแผลใจไม่ให้ปวดระบม            "เอยเป็นเด็กดี ย่าเชื่อว่าสักวันเอยจะต้องได้เจอคนดีๆ คนที่เหมาะสม...ในวันที่เอยรู้และเข้าใจความหมายของคำว่ารักมากกว่านี้"            เด็กสาวกอดกระชับร่างอุ่นของย่าเลี้ยงเอาไว้แน่น ยังปล่อยน้ำตารินไหล และรับฟังคำสอนคำปลอบโยนอยู่เงียบๆ            เพราะหล่อนยังเป็นเด็กใช่ไหม...ทุกคนถึงได้คิดว่าหล่อนรักไม่เป็น เพราะหล่อนอายุยังน้อยใช่ไหม ใครๆ จึงละเลยที่จะมองความรู้สึกของหล่อน เด็กสาวโดดเดี่ยวอ้างว้างยิ่งนัก             หล่อนมีแต่ทัพไทที่คอยเป็นกำลังใจให้เสมอมา มีแต่เขาที่เข้าใจอย่างถ่องแท้ มีแต่เขาที่รู้ใจทุกสิ่งทุกอย่าง หลายคนอาจจะมองว่าเพราะดูแลกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย หล่อนจึงรู้สึกพิเศษกับเขา แต่หล่อนรู้ดีว่ามันไม่ใช่...            มันลึกซึ้งมากกว่านั้น หล่อนเรียกเขาว่าอาตามที่ควรจะเรียกเพราะเป็นน้องเลี้ยงของพ่อ แต่หากใจจริงแล้ว ตั้งแต่หล่อนรู้สึกเป็น คิดได้...หล่อนไม่เคยคิดกับเขาตามศักดิ์ที่นับญาติกันเลย...            "อ้าวคุณไทม์ คิดว่าออกไปข้างนอกแล้วเสียอีก มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ" พร้อมเอ่ยทักในขณะที่หล่อนกำลังเดินมาเคาะประตูห้องภาวนา เนื่องจากมีธุระบางอย่างจะคุยกับคุณประภาที่อยู่ในห้องนี้ด้วย              แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นทัพไทยืนตัวแข็งทื่ออยู่หน้าห้อง สีหน้าเข้มครึมจนน่ากลัว            ปกติทัพไทเป็นคนอารมณ์ดี อ่อนโยน ไม่ค่อยโกรธเกลียดใครหรือแสดงความก้าวร้าวให้เห็น แต่ดูจากสีหน้าวันนี้คงมีเรื่องบางอย่างกวนใจเขาไม่น้อย            "เปล่า...มาเอาของ ไม่ต้องบอกใครนะว่าเจอฉันที่นี่..." พูดจบก็เดินจากไปทันที ปล่อยให้พร้อมยืนทำหน้างง ออกอาการสงสัยอยู่อย่างนั้น...             เขาแค่เป็นห่วง กระวันกระวายว่าเด็กสาวอาจจะคิดมากถึงขั้นทำร้ายตัวเองจึงได้ละภารกิจและกลับมาดูแล ที่ไหนได้...เขากลับได้ยินได้ฟังความรู้สึกจากปากของหล่อนจนแทบไม่อยากเชื่อหู            ที่ผ่านมาเขาคงเข้าใจผิดมาตลอดสินะ ว่าเด็กน้อยที่เขาฟูมฟักมากับมือตั้งแต่อ้อนแต่ออกคือความไร้เดียงสา หล่อนติดเขาแจเพราะเหงาใจ ขาดความอบอุ่น หลอกใช้ความขี้สงสารของเขาลวงล่อให้ตายใจและหลงเชื่อว่าหล่อนยังเป็นเด็กที่ควรได้รับการดูแลอย่าดีอยู่เสมอ แต่จากที่ได้ยินได้ฟังมันไม่ใช่เลย...ความคิดความอ่านของภาวนาอันตรายนัก จิตใจไม่ได้บอบบางเหมาะสมกับช่วงวัยของหล่อนเลย แต่ก้าวร้าวรุนแรงเหมือนพวกเด็กจรจัดในสังคมที่มีปัญหา            การอบรมสั่งสอน...การเอาใจใส่และพยายามหยิบยื่นทุกอย่างเพื่อชดเชยปมด้อยที่หล่อนมีไม่ได้ทำให้เด็กสาวสำนึกแม้แต่น้อยว่าคนอื่นๆ ต้องเสียสละขนาดไหนเพื่อเอาอกเอาใจหล่อนคนเดียว            แต่นับต่อจากนี้ไป...หล่อนจะไม่มีวันได้รับความรู้สึกดีใดๆ จากเขาอีก นั่นก็เพราะ...จิตใจของหล่อนมันหยาบช้านัก คิดได้แม้กระทั่งจะทำร้ายผู้หญิงที่เรารักให้ถึงตาย            อายุแค่สิบห้ายังคิดการอันตรายได้ขนาดนี้ ต่อไปคงไม่วายเป็นเด็กใจแตกดีๆ นี่เอง โลกมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ   ทัพไทเข้าพิธีวิวาห์ในเวลาต่อมาตามกำหนดการ เจ้าสาวเป็นถึงดีไซเนอร์สาวสวยผู้มากความสามารถ และย้ายออกจากบ้านพ่อบุญธรรมไปอยู่เรือนหอซึ่งอยู่ต่างจังหวัด เพราะพวกเขาตั้งใจจะใช้ชีวิตครอบครัวท่ามกลางความสงบ ไม่วุ่นวายอย่างเช่นในตัวเมือง            ชายหนุ่มทำตัวห่างเหินกับภาวนาอย่างเห็นได้ชัด มันชัดเจนทั้งในความรู้สึกและในสายตาของทุกๆ คน ซึ่งต่างก็เข้าใจว่าเป็นเพราะเขาอยากให้เด็กหญิงโตเป็นผู้ใหญ่เสียที และดำเนินชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็งให้ได้แม้จะไม่มีเขาคอยประคบประหงมเหมือนอย่างแต่ก่อน             โดยไม่มีใครรู้หรอกว่าเหตุผลที่แท้จริงของทัพไทนั้นเขาผิดหวัง และมีอคติต่อเด็กสาวจนไม่อยากมองหน้าเลยต่างหาก            สำหรับภาวนาแล้ว หล่อนตรอมใจกับการกระทำนั้นเป็นอย่างมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่หลายเดือนนับตั้งแต่วันที่เขาย้ายออกไป แต่วันเวลาก็ช่วยเยียวยาหล่อน สอนให้หล่อนเรียนรู้ รวมถึงอะไรหลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านเข้ามาก็ช่วยแทรกตัวซ้อนทับความทรงจำและความรู้สึกเก่าๆ ไปได้ในที่สุด...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD