"อาเปรี้ยว..." หัวใจดวงน้อยวูบหล่นหลุดปลิวเมื่อเห็นหน้าคนในครอบครัวแล้วไล่คิดถึงคนอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่นี่นี้ ร่างกายที่เจ็บร้าวของหล่อนชาวาบ แทบไม่รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจตัวเอง...
"อาเปรี้ยว อาไทม์...อาเปรี้ยวล่ะคะ..." ความทรงจำค่อยๆ ลอยวนกลับมา น้ำเสียงอ่อนแรงเอ่ยถามทุกคน สายตาไล่มองว่าใครจะเป็นผู้เอ่ยคำตอบให้กลับหล่อน กลับมีแต่ความเงียบงันกับสีหน้าสลดอาดูร
"ทำไม...ทุกคนใส่ชุดดำ..." ภาวนายังฝืนเปล่งเสียงแผ่วพร่ำถามอีกครั้ง
"หนูจำได้แล้ว...มันมีอุบัติเหตุใช่ไหมคะ หนูเห็น...อาเปรี้ยวมีแต่เลือดทั้งตัว..." เสียงของหล่อนเริ่มสั่นเครือ เด็กสาวเริ่มแยกแยะไม่ออกว่าภาพที่เห็นวนเวียนอยู่นั้นคือเรื่องจริงทีเกิดขึ้น หรือความฝันในยามที่หล่อนสลบนิทราไปหลายต่อหลายวัน
"เอย...ใจเย็นๆ ลูก ไม่มีอะไรหรอก หนูยังบาดเจ็บอยู่อย่าเครียดนะ" ณราชรีบเข้าไปประคองกอดบุตรสาวในขณะที่ยาเลี้ยงและปู่ของหล่อนได้แต่มองดูด้วยความรู้สึกหดหู่
"ไม่ค่ะไม่..." ดวงตากลมมนแดงก่ำ หล่อนลืมตาแน่นิ่งเลื่อนลอยเนื้อตัวสั่นเทา ความกลัวหวาดวิตกสุมทรวงหนักหนา
"อาเปรี้ยวล่ะคะพ่อ...อาเปรี้ยวเป็นยังไงบ้าง..." ทั้งที่ความรู้สึกมันบอกหล่อนชัดเจนอยู่แล้ว แต่ภาวนาก็ไม่อาจทำใจยอมรับความสูญเสียนั้นได้ หล่อนไม่ได้ตั้งใจ หล่อนไม่ได้คิดว่าการกระทำด้วยอารมณ์ชั่ววูบนั้นจะส่งผลร้ายถึงขนาดคร่าชีวิตใคร
"เอยลูก...เอยใจเย็นๆ..." ปู่นพราชช่วยปลอบอีกแรง
"จะให้หนูใจเย็นได้ยังไง...ฮือๆ หนู หนู...หนูไม่ได้ตั้งใจ ฮือๆ คุณพ่อขาหนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ อาเปรี้ยวไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมคะคุณพ่อ ฮือๆ" ร่างเล็กพยายามลุกนั่งด้วยความยากเย็นโดยความช่วยเหลือของบิดาที่อ้าแขนเข้าไปโอบกอดร่วมด้วย ร่างเล็กทั้งสั่นทั้งเย็นเฉียบเหมือนถูกแช่ในน้ำหนาว...
"เอย...ลูกพ่อ พ่อจะจบเรื่องนี้ยังไงดี..." ณราชรวบร่างแบบบางสะท้านไหวของบุตรสาวมากอดเอาไว้ด้วยความสงสาร ในความเป็นพ่อ ต่อให้ลูกผิดหรือถูกก็ไม่อาจตัดสายสัมพันธ์ไปได้
"โธ่เอยเอ้ย..."
"ใจเย็นๆ คุณภา...เดี๋ยวก็เป็นอะไรไปอีกคนมันจะยิ่งแย่" สองสามีภรรยาคู่ชีวิตจับมือกันเอาไว้เพื่อปลอบโยนกันและกัน
ในยามนี้ต่อให้ปัญหาจะถาโถมร้ายแรงสักแค่ไหน พวกเขาก็จะต้องอยู่เป็นเสาหลักให้ครอบครัวและลูกหลานได้มีที่ยึดเหนี่ยว ก่อนที่อะไรๆ มันจะ
"คุณพ่อขา...คุณพ่อช่วยหนูด้วย..."
"ไม่มีใครช่วยคนชั่วร้ายอย่างเธอได้หรอกเอย!! เธอจะต้องชดใช้ความเลวระยำที่ทำกับเปรี้ยว!" เสียงประตูถูกผลักเปิดดังสนั่น พร้อมกับร่างใหญ่ที่ตะโกนก้องย่างสามขุมเข้ามายกมือชี้หน้าเด็กสาวโดยไม่คิดยำเกรงผู้ใด
"ตาไทม์ ใจเย็นๆ ก่อนลูก อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย" ประภารีบลุกเข้าไปขวางบุตรชายเอาไว้ในขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ในอาการตกตะลึง โดยเฉพาะภาวนา
หล่อนกลัวเขาจนตัวสั่นงกอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อ หลบหน้าหลบตาร่ำไห้ ความผิดที่ไม่อาจกลับไปแก้ไขมันทำให้หล่อนเจ็บปวดยิ่งเสียกว่าบาดแผลตามร่างกายเสียอีก
"คุณแม่ให้ผมใจเย็น...กับเด็กเวรที่ทำให้ลูกเมียผมตายอย่างอนาถอย่างนั้นเหรอครับ...คุณแม่คิดได้ยังไงว่าผมจะทำได้!" วาจาตอบโต้ผู้ให้กำเนิด ทว่าสายตาดุดันน่ากลัวนั้นกลับถลึงมองภาวนาไม่ละวาง ฉายแววโกรธเกลียดชิงชังไม่ปกปิด ซึ่งใครๆ ก็ย่อมเข้าในอารมณ์ชายหนุ่มในยามนี้
"ไทม์...ถือว่าลุงขอเถอะนะ...ให้เอยค่อยยังชั่วกว่านี้ก่อนแล้วเราค่อยมาคุยกันว่าจะเอายังไง"
"ผมต้องการให้เขาได้รับโทษตามกฎหมาย ผมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด!! ภาวนาจะต้องติดคุกหรือไม่ก็ตายตามลูกเมียของผมไปซะ!!" "ไทม์..." กอดร่างใหญ่ในชุดดำของบุตรชายเอาไว้แน่น เข้าใจเป็นอย่างดีถึงความทุกข์ทรมานใจที่ทัพไทกำลังรู้สึก แต่นางก็ไม่รู้จะหาข้อสรุปได้อย่างไรในเมื่ออีกฝ่ายก็เป็นหลานแท้ๆ ของสามี และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก็เชื่อได้ว่าภาวนาคงไม่ได้ตั้งใจให้มันร้ายแรงถึงขนาดนี้
"คุณแม่ปล่อยผม..."
"ไทม์ กลับไปก่อนเถอะ ลุงสัญญาว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง"
"ได้!!"
"ว้ายไทม์!!" ร่างของประภาถูกผลักออกไม่แรงนักก่อนที่บุตรชายของนางจะพุ่งตัวเข้าไปใกล้เตียงคนเจ็บ ณราชมมองน้องชายบุญธรรมด้วยความลำบากใจอย่างที่สุด เขาก็เป็นคนกลางคนหนึ่งที่ไม่อาจมองหาทางออกให้กับเรื่องนี้ได้
"ไทม์พี่ขอเถอะ...เอยก็เพิ่งจะฟื้นเมื่อสักครู่นี้เอง ให้เขาอาการดีกว่านี้หน่อยแล้วเราค่อยคุยกันอีกทีได้ไหม"
ทัพไทกับมองผ่านพี่ชายบุญธรรมซึ่งกำลังกอดปกป้องภาวนาเอาไว้ แล้วตรงเข้าไปจับแขนซึ่งเล็กรอดออกมานอกเหนือการคุ้มครอง เด็กสาวพยายามสะบัดหนีหล่อนทั้งตกใจและเสียใจร่ำให้ระงมซบอยู่กับอกบิดา
"เธอต้องชดใช้ได้ยินไหมภาวนา!! เธอจะต้องชดใช้ในสิ่งที่เกิดขึ้น อย่าหวังว่ามีใครปกป้องเธอได้ตลอดเพราะฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหายใจอย่างเป็นสุขได้แน่!!"
"ไทม์พอแล้ว!!" ณราชรีบปัดมือใหญ่ที่กำจับแขนของบุตรสาวแล้วบิดจนแทบหักขาดนั้นออกทันที เพราะอารมณ์ของทัพไทนั้นปรวนแปรจนจนไม่อาจควบคุมได้ คนเป็นพ่อย่อมเป็นห่วงสวัสดิภาพของลูกเป็นที่สุด
"เอยขอโทษ...เอยไม่ได้ตั้งใจ เอยไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้!"
"เธอตั้งใจ! ฉันรู้ว่าเธอตั้งใจ!!" ชายหนุ่มยอมถอยห่างออกมาแต่ไม่ยอมรามือจากไปง่ายๆ เขาตะคอกอาละวาดด้วยความเกรี้ยวกราด ทุกคนปกป้องภาวนาโดยไม่นึกถึงความสูญเสียที่เขาต้องเผชิญกับมันอย่างโหดร้ายทารุณ
เด็กฆาตกรที่คนนี้ไม่ควรได้รับความคุ้มครองดูแลใดๆ เลยเพราะหล่อนตั้งใจจะฆ่าเมียและลูกของเขาอย่างเลือดเย็น
"เธอเกลียดเปรี้ยวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร...พอเปรี้ยวกำลังจะมีลูกเธอก็ยิ่งอิจฉา กลัวลูกฉันจะมาแทนที่เธอ! กลัวตัวเองจะกลายเป็นหมาหัวเน่า เธอมันสารเลว!! เธอฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กที่อยู่ในท้องของเปรี้ยว!" ชายหนุ่มยังคงชี้หน้าด่ากราดไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม
ภาวนากำลังตกอยู่ในภาวะเครียดอย่างหนัก...
"ไม่จริง!! หนูไม่ได้ตั้งใจ หนูไม่ได้ฆ่าใคร" หล่อนกรีดร้องสะอื้น
"เธอฆ่าพวกเขา เธอมันฆาตกร!!" ชายหนุ่มถลาตัวเข้าไปหาร่างเล็กอีกครั้งโดยทุกคนต่างก็ช่วยกันขัดขวางดึงรั้งเขาเอาไว้ แต่แรงแค้นแรงอาฆาตของทัพไทช่างรุนแรงนักเขาสะบัดตัวออกและผลักณราชจนเข้าถึงตัวภาวนาจนได้
"ไทม์! ไทม์!!!"
"กรี๊ด! อาไทม์!" ภาวนาถูกมือใหญ่จับล็อกแขนเอาไว้แล้วเขย่าผลักโดยไม่สนใจเลยว่าหล่อนยังอยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัส เด็กสาวกรีดร้องในขณะที่ทุกคนก็พยายามช่วยเต็มที่
"คนที่สมควรตายคือเธอต่างหากภาวนา!! เธอมันไม่สมควรอยู่เป็นขยะถ่วงความเจริญคนอื่น!"
"ไทม์ปล่อยลูกฉันนะ!!" ณราชหมดความอดทนแล้วเช่นกัน แม้จะเห็นใจที่ทัพไทสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจนควบคุมสติไม่อยู่แต่เขาก็เป็นห่วงลูกสาวของตัวเองเช่นกัน ไม่อาจทนเห็นหล่อนถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตาได้
ปัง! เพล้ง!!! "กรี๊ด!!!" ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย ภาวนากรีดร้องด้วยความกลัวและเจ็บปวดจากการถูกประทุษร้าย ทัพไทถูกณราชเข้ามาดึงตัวออกแต่เขาก็ยังไม่สาแก่ใจพาลอาละวาดทำลายเครื่องมือแพทย์จนเสียหายเกลื่อนพื้น
ผ้าปูที่นอนสีเขียวอ่อนเปื้อนปอนไปด้วยเลือดของภาวนาที่สาดกระเซ็นเนื่องจากสายน้ำเกลือถูกกระชากอย่างแรงจนเสาที่ใช้แขวนล้ม เข็มเจาะให้เข็มน้ำเกลือและยาหลุดออกจากมือเล็ก เลือดสดๆ ไหลสาดเป็นทางบนมือที่สั่นเทา
"แกมันบ้าไปแล้วไทม์! คุณพ่อเรียกเจ้าหน้าที่หน่อยครับ" เพราะความโกละหนวุ่นวายทำให้ทุกคนลืมที่จะแจ้งกับทางโรงพยาบาลเสียสนิท ณราชที่แข็งแรงที่สุดเอาตัวเข้าขวางและดันให้ทัพไทอยู่ห่างจากภาวนาก่อนที่อะไรๆ มันจะเลวร้ายไปมากกว่านี้
เด็กสาวล้มฟุบไปบนที่นอนเปื้อนเลือดของตัวเอง...น้ำตารินหลั่งเป็นสายกับความเจ็บปวดที่ได้รับ
บาดแผล...มากมายแค่ไหนก็ไม่เท่ากับจิตใจที่ถูกทำร้ายจากน้ำมือของเขาหรอก หล่อนไร้ซึ่งเรี่ยวแรงถึงขนาดเสียงร่ำไห้ยังไม่อาจเปล่งออกมา ทุกอย่างมันเจ็บและจุกอยู่ตรงกลางอกจนหายใจไม่ออก