"เปรี้ยว!! " เสียงร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับร่างใหญ่ที่วิ่งล้มลุกคลุกคลานไปบนถนนแสดงถึงความสะเทือนใจแทบสิ้นลม กับสิ่งที่ได้เห็น รถคันนั้นวิ่งออกไปด้วยความเร็วสูงแต่เสียหลักแหว่งไปมาอย่างไร้การควบคุม จนกระทั่งพุ่งชนเข้ากับต้นไม้อย่างจังต่อหน้าต่อตาเขา...
ร่างของปาหนันถูกเหวี่ยงออกนอกรถลงมานอนจมกองเลือดอยู่บนถนน เพราะประตูไม่ได้ปิดตั้งแต่แรก แขนขาของหล่อนบิดเบี้ยวผิดรูปจากแรงกระแทกอย่างแรง ดวงตาเบิกโพลงแน่นิ่ง...
"เปรี้ยว! เปรี้ยว! ไม่! ไม่จริง!!!!" ทัพไทที่ล้มกลิ้งเพราะร่างกายสิ้นแรง เขาพยายามรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายคลานเข้าไปหาร่างน่าอนาถของภรรยาซึ่งอยู่ไกลออกไป
มันเหมือนวิญญาณของเขากำลังจะหลุดลอยไปกับปาหนันด้วย โลกทั้งโลกหยุดหมุน ทุกสิ่งทุกอย่างมืดมนดับสูญ
ราวกับว่า...เขากำลังถูกควักกระชากหัวใจออกไปทั้งที่ยังมีลมหายใจอยู่....
"เปรี้ยว!!!"
"อา...อาไทม์..." เสียงสั่นหวิวแว่วเอ่ยเรียกชายหนุ่มที่ล้มลุกคลุกคลานวิ่งมากอดร่างของปาหนันเอาไว้ โลหิตแดงฉานไหลนองใบหน้าบังสายตาของหล่อนจนทุกอย่างเบื้องหน้าเลือนราง ความรู้สึกเจ็บจุกจนชาไปทั้งตัวมันให้หล่อนไม่อาจขยับตัวได้
เด็กสาวพยายามคิดทบทวนว่ามันเกิดอะไรขึ้นในตอนที่หล่อนและปาหนันต่างก็ยื้อแย่งพวงมาลัยกันอยู่นั้น จู่ๆ รถก็เสียหลัก หล่อนบังคับควบคุมมันไม่ได้...ก่อนจะพุ่งชนต้นไม้เต็มแรง จนเกิดเหตุสลดอย่างที่เห็น
หล่อนพยายามปรือตาผ่านม่านเลือดสีเข้มมองดูความเป็นไปของปาหนันที่นอนแน่นิ่งอยู่ในอ้อมแขนของทัพไท ชายหนุ่มคร่ำครวญโหยไห้เหมือนว่าใจจะขาดเสียตรงนั้น เกิดอะไรขึ้น...
ปาหนันเป็นอะไร...
"เอย! โธ่เอยเป็นอะไรมากไหมลูก! เอย"
เสียงคุณปู่และย่าเลี้ยงของหล่อนเอ่ยเรียกชื่อ ในขณะนั้นหล่อนรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวลอยเคว้งและน้ำเสียงของพวกท่านก็เริ่มเลือนรางไปพร้อมๆ กับภาพดำมืดค่อยๆ กลืนกินหล่อน...
"เอย! ตื่นสิเอย เอยอย่าเป็นอะไรไปนะ ตื่นสิ ตื่นมาคุยกับปู่ก่อน!!" นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่หล่อนได้ยิน ได้รับรู้ ก่อนที่สติสัมปชัญญะจะดับวูบ กลบความรู้สึกทั้งหมดให้ความว่างเปล่าเข้ามาแทนที่...
แสงสีขาวส่องสาดเข้ามาในมโนสำนึกจนรู้สึกแขยงขยาด หล่อนเบนหน้าหนีจากแสงแปลกปลอมนั้นก่อนจะค่อยๆ ปรือตาให้คุ้นชินกับมัน...
ที่นี่ที่ไหน...ห้องกว้างโทนสีขาวที่ว่างเปล่า เฟอร์นิเจอร์และทุกสิ่งทุกอย่างแปลกตาไปหมดไม่คุ้นเคย หล่อนพยายามนึก ลำดับเหตุการณ์อย่างร้อนรนใจ ก่อนที่สายตาจะสำรวจไปเห็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่อยู่ติดกับเตียง รวมถึงเสาน้ำเกลือและยาจึงทำให้สรุปใจได้ทันที
"โรงพยาบาล...เกิดอะไรขึ้น..." เด็กสาวนิ่วหน้าเพราะความรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งสรรพางค์เริ่มโจมตีหล่อน ความวิตกกังวลเริ่มรุนแรงเพราะไม่อาจให้คำตอบกับตัวเองได้
"ฟื้นแล้วเหรอคะ...เป็นยังไงบ้าง เจ็บใช่ไหม..." เสียงหวานเอ่ยถามทำให้หล่อนหันเหความในใจไปมอง
"พยาบาล...หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง..."
"เดี๋ยวให้คุณหมอมาดูหน่อยนะคะ น้องเพิ่งฟื้นอย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลย" พยาบาลในชุดขาวยิ้มด้วยความอาทร
"เพิ่งฟื้น...งั้นเหรอคะ หนูเป็นอะไร..."
"น้องสลบไปสัปดาห์หนึ่งแล้ว ดีที่พ้นขีดอันตราย ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรน่าห่วง รอคุณหมอเช็คร่างกายก่อนนะคะ" พูดจบพยาบาลนางนั้นก็เดินจากหล่อนไป
ภาวนาอยากจะยื้อหล่อนไว้ซักถามต่อแต่ก็รู้ว่าป่วยการ เพราะกำลังแรงมันเหนื่อยอ่อนเหลือเกิน บวกกับความปวดระบมไปทั้งตัวมันบั่นทอนให้หล่อนอยากจะอยู่นิ่งๆ มากกว่า
สักพัก...คุณหมอและเจ้าหน้าที่พยาบาลอีกหลายคนก็เข้ามารุมล้อมร่างของหล่อน พวกเขาเช็คนั่นตรวจนี่จนดูน่าเวียนหัว ในตอนนี้หล่อนเริ่มคิดถึงทุกคนในครอบครัว พวกเขาจะรู้หรือไม่ว่าหล่อนอยู่ที่นี่
แล้วทุกอย่างก็เรียบร้อยโดยใช้เวลาไม่นานนัก คุณหมอและทุกๆ คนเดินออกไปจากห้องโดยไม่ได้เอ่ยบอกอะไรกับหล่อนเลย...
"เอย! เอยลูกพ่อ..." เสียงประตูห้องเปิดออกอีกครั้งพร้อมๆ กับร่างของบิดาที่รีบปรี่เข้ามาหา ภาวนายิ้มรับรู้สึกอุ่นใจที่อย่างน้อยก็ไม่ได้ถูกทอดทิ้งให้เดียวดาย
"คุณพ่อขา..."
ณราชนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงของบุตรสาวแล้วจับรวบมือเล็กมากำบีบเอาไว้ด้วยความปรีดา ตลอดหลายวันที่ภาวนาไม่ได้สติตัวเขาและคนอื่นๆ แทบจะเป็นบ้า ทำทุกวิธีทาง ยอมแลกทุกอย่างเพื่อจะรักษาชีวิตของหล่อนเอาไว้ เพราะไม่อาจทนแบกรับความสูญเสียไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว
"หนูเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหมลูก..."
"หนูเป็นอะไร..." หล่อนถามเพราะยังงุนงงเบลอจัด อาจเป็นผลพวงจากฤทธิ์ยารวมถึงนอนไม่ได้สติเป็นสัปดาห์อีกด้วย
"เอ่อ...คุณปู่กับย่าภาก็มานะ หนูขยับตัวได้ไหมลูก" "ค่ะ...แต่หนูเจ็บ แล้วก็เมื่อยไปทั้งตัว พ่อคะ...ปวดหัวจังเลย หนูนึกอะไรไม่ออก" หล่อนนิ่วหน้าลอบกลืนน้ำลายลงคอจนรู้สึกเจ็บฝืด คาดว่าก่อนหน้านี้หมอคงใส่ท่อช่วยหายใจให้ด้วยถึงรู้สึกเจ็บร้าวไปหมดเช่นนี้
"อย่าเพิ่งคิดอะไรตอนนี้เลยลูกเอย หนูพักผ่อนให้หายดีก่อนเถอะ พ่อ...กับทุกคนเป็นห่วงหนูมาก"
"ทุกคน...อาไทม์ อาไทม์ล่ะคะ ไปไหน..."
ณราชมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยบอบช้ำที่กำลังจ้องเขาด้วยแววตาไร้เดียงสาแล้วก็ให้นึกสงสารจับใจ หนุ่มใหญ่ได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วกล้ำกลืนฝืนยิ้มก่อนเอ่ยตอบ
"อาไทม์...เขายังไม่ว่าง หนูยังต้องอยู่โรงพยาบาลอีกหลายวัน เดี๋ยวอาเขามีเวลาก็คงมานั่นแหละ ไม่ต้องคิดมากหรอก"
"ค่ะ...แล้ว..."
"เอย...เอยเป็นยังไงบ้างลูก บุญรักษาจริงๆ" ห้องพักฟื้นได้ต้อนรับผู้มาใหม่อีกสองท่านที่กำลังตรงเข้ามาหาหล่อนด้วยสีหน้าเป็นกังวลสุดแสน
ณราชรีบลุกเข้าไปประคองบิดาและมารดาเลี้ยงให้มานั่งแทนที่เขา สีหน้าของทุกคนเศร้าสลดและอมทุกข์อย่างเห็นได้ชัด
ที่สำคัญ...ทุกคนใส่ชุดดำ...
"ย่าภา...คุณปู่..."
"หายก็ดีแล้ว ปู่กับย่า...ใจไม่ดีเลยจริงๆ ขวัญเอ๊ยขวัญมานะเอย" ประภากล่าวน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาร่วงเผาะแม้จะเก็บกลั้นเอาไว้อย่างที่สุดแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังตีตื้นเผยความอ่อนแอออกมาให้เห็นจนได้