บทที่ 2 ตอนที่ 5

1108 Words
ร่างเล็กในชุดนักศึกษาเดินตีคู่มากกับชายหนุ่มรุ่นพี่รวมสถาบันมาหยุดตรงข้างๆ รถเก๋งคันหรูที่จอดรออยู่ริมฟุตบาต ร่างใหญ่ของบิดาหล่อนเปิดประตูรถออกมายืนเอามือสอดล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเพ่งสายตามองไปยังทั้งคนคู่ "สวัสดีครับคุณอา...ผมมาส่งเอยครับ..." หนุ่มนักศึกษาพนมมือขึ้นไหว้ทำความเคารพพร้อมกล่าวทักทาย ณราชพยักหน้าและยิ้มให้เล็กน้อยเป็นการตอบรับในขณะที่ภาวนาก็ยกมือขึ้นไหว้บิดาของตนบ้าง "วันนี้คุณพ่อมาสาย..." หล่อนกล่าว "พ่อติดงานนิดหน่อย...แล้วก็ปิดมือถือด้วยเพราะต้องเข้าประชุม มาเถอะ...วันนี้พ่อรู้สึกเหนื่อยมากเลยทีเดียว" "ค่ะ...ไปก่อนนะคะพี่ตาร์" ภาวนายิ้มรับคำบิดาแล้วหันมาร่ำลากับรุ่นพี่ เขาส่งหนังสือที่ช่วยถือมาคืนให้ ถอยตัวห่างออกมาจากรถเล็กน้อยในขณะที่หญิงสาวกำลังเปิดประตูรถเข้าไปนั่งประจำที่ "พรุ่งนี้เจอกันที่คณะนะครับน้องเอย" "ค่ะ..." ประตูปิดลง รถยุโรปสีดำคันงามเคลื่อนตัวสู่ท้องถนนและขับไปทางเส้นทางที่ทอดยาวออกนอกมหาวิทยาลัย ภาวนาถอนหายใจคล้ายอยากคลายความอึดอัดบางอย่าง "เป็นอะไรเหรอลูก...ไม่สบายหรือเปล่า หืม..." "เปล่าค่ะคุณพ่อ...คุณพ่อคิดยังไงคะที่หนูคบกับพี่ตาร์" ดวงตากลมโตเหลือบมองบิดาที่กำลังแว็บหันแลมายังหล่อนเช่นกัน "จะอะไรล่ะ...ก็เอยโตแล้ว เรื่องบางเรื่องเอยก็ต้องตัดสินใจเอง พ่อก็ได้แค่คอยดูอยู่ห่างๆ คอยดูแลตามสมควรทำไมถึงถามพ่อแบบนั้นล่ะ" "ก็...เมื่อก่อนคุณพ่อไม่อยากให้หนูมีแฟนก่อนเรียนจบนี่คะ" "นั่นมันเมื่อก่อน...แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไป ลูกควรเปิดใจ เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ก้าวไปสู่โลกใบใหม่บ้าง" "พ่ออยากให้หนูลืมอาไทม์..." หล่อนเอยตรงตามความคิดก้มหน้าลงด้วยความเจ็บร้าวในใจ "ไทม์...เขาอาจจะไม่กลับมาอีกแล้ว นี่ก็หายไปเกือบปี...ลูกควรเริ่มต้นชีวิตใหม่ซะเอย" ณราชไม่ได้ขยายความใดมากเพราะรู้ดีว่าบุตรสาวสามารถเข้าใจในคำพูดของเขาได้เป็นอย่างดี "ค่ะ...คุณพ่อ..." แม้หัวใจและความรู้สึกจะขัดแย้งกับคำตอบรับต่อบิดาทุกอย่างแต่ภาวนาก็เลือกที่จะเก็บงำมันเอาไว้ หล่อนรู้ว่าแท้จริงแล้วณราชก็ไม่ได้ไว้วางใจเรื่องทัพไทเสียทีเดียวหรอก ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่มารับมาส่งหล่อนด้วยตัวเองตลอดระยะเวลาหลายเดือนมานี้หรอก แม้กระทั่งตอนที่เปลี่ยนโรงพยาบาล และช่วงที่ออกจากโรงพยาบาลแรกๆ บิดาก็ยังพาหล่อนไปพักฟื้นยังต่างจังหวัด ปกปิดทุกอย่างเกี่ยวกับหล่อนเป็นความลับไม่ให้ใครได้ล่วงรู้แม้แต่ปู่นพราชกับย่าเลี้ยง รอจนแน่ใจว่าเรื่องมันสงบลงแล้วจริงๆ ท่านจึงยอมพาหล่อนกลับมาอยู่ที่บ้านดังเดิม นั่นก็เพราะท่านก็กลัว...กลัวเพศภัยที่อาจจะคืบคลานเข้ามาโดยไม่รู้ตัวเมื่อไหร่ก็ได้... แต่จะให้เผยความเป็นจริงตามที่ใจคิดทุกอย่างมันก็ส่งผลให้ครอบครัวยิ่งจะเป็นกังวลเรื่องของเธอมากเข้าไปอีก หญิงสาวรู้ตัวว่าที่ผ่านมาตนเองสร้างความยุ่งยากสูญเสียให้ทุกคนอย่างที่สุดแล้ว หล่อนจึงเลือกที่จะทำทุกวิธีทางเพื่อความสบายใจของคนที่หล่อนรัก ซึ่งก็มีกันอยู่เพียงเท่านี้ แม้ในบางเรื่องคือการฝืนทนสุดหัวใจก็ตาม โดยเฉพาะเรื่องที่คบหากับกันตกานต์ รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย และยังเป็นลูกชายของเพื่อนบิดาหล่อนเอง ท่านจึงเห็นดีเปิดทางให้เพราะจะทำอะไรก็อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเสมอ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง นอกเสียจาก...ใจของหล่อนเอง มันฝืน มันอดทนจนบอบช้ำไปหมดแล้ว... แม้จะเก็บงำอดีตและกลบมันให้เลือนหายไปกับรอยยิ้มในขณะที่เผชิญหน้ากับคนอื่นๆ แต่ในความเป็นจริงไม่มีอะไรเลยสักอย่างที่เลือนหายไปจากหล่อน แม้กระทั่งความรู้สึกที่ทั้งเสียใจ สำนึกผิด และแอบหวังให้ใครคนนั้นกลับมา หล่อนพร้อมให้เขาลงทัณฑ์ทุกอย่างเพื่อแลกกับความสัมพันธ์ดั่งเดิมให้หวนกลับ ไม่ต้องรัก ไม่ต้องเปลี่ยนใจมาจากปาหนัน ขอแค่มองหล่อนด้วยแววตาอาทรเหมือนในอดีตก็พอ อย่าทำเหมือนกับหล่อนเป็นตัวน่ารังเกียจจนไม่น่าให้อภัยอย่างที่เป็นอยู่อีกเลย สำคัญที่สุด...หล่อนเป็นห่วงความเป็นไปของเขาเหลือเกิน เวลายาวนานขนาดนี้ไม่รู้ว่าทัพไทจะเป็นอย่างไรบ้าง จะไปอยู่ที่ไหน ทำอะไร และจะกลับมาอีกเมื่อไหร่กัน อีกกี่ปีกี่เดือนกี่เวลา...เขาจึงจะพร้อมหวนคืนรังเรือนและให้อภัยความผิดหนาที่หล่อนได้ฝากฝังเอาไว้ในใจ... หรือจะไม่มีโอกาสนั้นอีกเลยไปชั่วชีวิต... ถ้าเป็นเช่นนั้นหล่อนก็คงไม่ได้ต่างอะไรไปจากปาหนันนัก แค่สลับขั้วกันตรงที่ คนหนึ่งตายจากไปแล้วแต่ไม่เคยลางเลือนจากความทรงจำและหัวใจ ในขณะที่คนเป็นอย่างหล่อนกลับถูกชิงชังเสมือนว่าเขาได้ลบออกจากวงจรชีวิตไปโดยปริยายด้วยความโกรธเกลียดที่ฝังแน่นไม่มีวันสลาย "เอย...เอย..." "คะคุณพ่อ..." "ถึงบ้านแล้วลูก เป็นอะไรหรือเปล่า" ณราชเอ่ยถามแต่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไรนักเนื่องจากภาวนามักจะมีอาการเหม่อลอยแบบนี้บ่อยๆ ซ้ำยังฝันร้ายถึงเหตุการณ์สยองในวันนั้นวนไปวนมาจนต้องเข้ารับการรักษาตัวโดยจิตแพทย์ในระยะแรกๆ ที่เกิดเรื่อง แม้กระทั่งทุกวันนี้หล่อนก็ยังคงต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากคนรอบข้างเพื่อพยุงเยียวยาจิตใจอันบอบช้ำ "อ๋อค่ะ...ถ้างั้นหนูไปทำรายงานก่อนนะคะคุณพ่อ ฝากบอกย่าภากับคุณปู่ด้วยว่าวันนี้หนูคงไม่ทานมื้อค่ำ" "อืม" ร่างเล็กในชุดนักศึกษาเปิดประตูรถและหอบสัมภาระเดินก่อนจะก้าวออกมาแล้วเดินกึ่งวิ่งขึ้นไปบนบ้านโดยไม่ได้หันกลับมามองบิดาที่เฝ้าคอยแลอยู่ด้วยความเป็นห่วง "พ่อขอโทษนะเอย...เพราะพ่อเป็นพ่อที่มีดีเอง..."
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD