หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
@ฟร้อนออฟฟิศ
เพ็ญสุดาที่กำลังง่วนอยู่กับงานปิดรอบซึ่งกะดึกจะต้องทำอย่างคร่ำเคร่งอยู่นั้น
"วันพระ กินอะไรอุ่น ๆ หน่อยมั๊ยเดี๋ยวพี่ไปทำมาให้" แพรพลอยเยถามอย่างมีน้ำใจ
"ไม่ดีกว่าค่ะ ใกล้เช้าแล้ว เสร็จนี่หนูจะไปล้างหน้าล้างตารอส่งเวรดีกว่า ถ้ากินตอนนี้กลัวจะง่วงอ่ะพี่แพร"
"ง่วงก็ไปล้างหน้าเลยซิ เดี๋ยวพี่ทำต่อ" แพรพลอยพูดอย่างกระตือรือร้น
"เอางั้นก็ได้ค่ะ ไปล๊ะ" ว่าแล้วคนง่วงก็เดินไปห้องน้ำเพื่อล้างหน้าทันที
ใกล้เวลาเจ็ดโมงเช้า เวรเช้าที่มารับเวรเข้ามาต่อกะเรียบร้อยสองสาวจึงกอดคอกันไปเปลี่ยนชุดแล้วสแกนบัตรออกเมื่อได้เวลา จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปที่โรงจอดรถพนักงานทันที
@โรงจอดรถพนักงาน
สองสาวกอดคอกันเดินมาถึงโรงรถพนักงานถึงกับตาค้างเพราะภาพที่เห็นคือยางรถของพวกเธอแบนสนิทชนิดลากไม่ไปไสไม่ไปกันเลยทีเดียว
"อะไรเนี่ยทำไมรถเรายางแบนแต๊ดแต๋แบบนี้ล่ะ นี่ในโรงแรมนะ ใครทำว๊ะ อย่าให้รู้นะ แม่จะด่าให้อายหมาเลยคอยดู" เพ็ญสุดาสบถอย่างอารมณ์เสีย
อีกด้านของคนที่มาเห็นเหตุการณ์พอดี “รถเป็นอะไรเหรอสองสาว” กรวรรธเอ่ยทักเผื่อมีอะไรพอช่วยได้
"ยางแบนค่ะ สองคันเลย" แพรพลอยเอ่ยอย่างรักษามารยาทส่วนอีกคนไม่พูดเอาแต่หน้าหงิก
"นั่นซิแล้วจะกลับบ้านยังไงล่ะ ให้ผมไปส่งมั๊ย" กรวรรธเสนอทางเลือก
ส่วนคุณเลขาที่เพิ่งเดินมาสมทบ
"อ้าวคุณเกม มาออกกำลังกายเหรอครับ?"
"ใช่ครับ พอดีเมื่อคืนนอนออฟฟิศน่ะครับ เช้ามาก็เดินสูดอากาศ พอดีมาเจอสองสาวนี่รถยางแบนพอดี ก็เลย.." กรวรรธอธิบายเป็นการใหญ่
"งั้นผมเรียกช่างมารับไปเติมลมยางให้เอามั๊ยครับ"
"ขอบคุณมากค่ะคุณเลขา" แพรพลอยเอ่ยอย่างใจชื้น ส่วนอีกคนได้แต่นึกโมโหและสบถบ่นในใจ 《ไอ้ซื่อบื้อเอ๊ย หมูเค้าจะหาม เอาคานเข้ามาสอด เวร》
จากนั้นมนัสพงษ์จึงยกโทรศัพท์ขึ้นต่อสายปรากฎว่ายังไม่มีใครรับสาย “ไม่มีคนรับสายเลยครับ น่าจะยังไม่ตื่น เอาไงดี ง่วงกันหรือยังครับให้พวกเราไปส่งมั๊ยครับ” มนัสพงษ์เสนอ
"ก็ได้ค่ะ ง่วงหนักเหมือนกัน/ไปเถอะวันพระ กว่าช่างจะมา นอนสักตื่นค่อยกลับมาเอารถ" แพรพลอยคะยั้นคะยอเพื่อนรุ่นน้อง
"เอางั้นก็ได้ค่ะ" เพ็ญสุดาจำยอมเออออเพราะง่วงเหมือนกัน
"เอางี้คุณเลขาไปส่งคุณแพรพลอย ส่วนเธอไปกับฉั๊นจะได้ไปพักผ่อน ส่วนรถนี่เติมลมเสร็จจะให้ลูกน้องเอาไปส่งที่บ้านให้ โอเค้" กรวรรธสรุป
"เอ่อ ดีค่ะ ขอบคุณมากค่ะคุณกรวรรธแล้วก็คุณเลขาด้วย/ไปกับคุณเค้าเถอะวันพระ พี่ตาจะปิดแล้วพี่ไปนะ" แพรพลอยเห็นด้วยกับกรวรรธเพราะอยากพักผ่อนเต็มที
ด้านมนัสพงษ์เลขาวัยสี่สิบกะรัตของรองท่านประธาน เมื่อได้ข้อสรุปตามนั้นแล้วจึงรีบจัดแจงให้แพรพลอยและเพ็ญสุดารีบขึ้นรถ โดยให้แพรพลอยขึ้นรถของตน และให้เพ็ญสุดาไปขึ้นรถของกรวรรธ มนัสพงษ์ได้แต่คิดกระหยิ่มในใจ
ด้านกรวรรธที่มาส่งเพ็ญสุดาเพื่อมาพักผ่อนที่บ้าน
@บนรถ
"บอกทางมาดิ่ บ้านไปทางไหน"
"ออ ค่ะ ไฟแดงนี้เลี้ยวขวาค่ะไปอีกหนึ่งไฟแดงแล้วตรงไปเข้าซอยเล็ก ๆ ไป สองร้อยเมตร บ้านอยู่ทางซ้ายมือค่ะ จุดสังเกตมีต้นมะยมอยู่หน้าบ้านค่ะ" เพ็ญสุดาบอกหลายช็อตทีเดียวจบเพราะง่วงเหลือเกินจะได้งีบหลับเสียที
"บอกทีละขั้นตอนซิ ช่วยผมดูทางด้วยผมไม่ใช่คนขับรถประจำตัวของคุณนะ"
"ออค่ะ ถ้าสงสัยก็ขับช้า ๆ แล้วปลุกถามแล้วกันนะคะ ตาจะปิด"
"อือ..หึหึ นอนไปเถอะ" กรวรรธตั้งใจขับรถไป ที่จริงรู้ตั้งนานแล้วว่าไปทางไหนแต่แกล้งถามไปงั้น คนหลังพวงมาลัยได้แต่คิดในใจ แอบเหล่ไปมองคนตัวเล็กที่กำลังหลับคอพับคออ่อนอย่างน่าสงสารจึงควานหาหมอนที่พยุงคอสำหรับใช้บนรถมาใส่ให้คนตัวเล็กเพื่อจะได้สบายตัวขึ้น และตั้งใจขับรถอย่างระมัดระวังจนถึงที่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่มีต้นมะยมอยู่หน้าบ้าน แต่สิ่งที่พบคือเขาเห็นเด็ก ๆ กำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน และหยุดเล่นทันทีที่เห็นรถยนต์ของเขามาหยุดที่หน้าประตูรั้วบ้าน กรวรรธหยุดรถยนต์และตั้งใจจะปลุกคนตัวเล็กให้ตื่นเพื่อถามว่าใช่บ้านหลังนี้หรือไม่เพราะคราวก่อนที่มาไม่เห็นมีเด็กสักคน สัตว์เลี้ยงสักตัวก็ยังไม่มี แต่สักพัก
"อ้าวถึงบ้านแล้วเหรอ ขอบคุณนะคะ ขอนอนสักตื่น แล้วเย็น ๆ จะไปเอารถเอง แล้วหนูต้องจ่ายค่าเสียหายกับใครหรือคะ หมายถึงค่าลากรถ ค่าเติมลมยางอะค่ะ"
"ไม่ต้องหรอก แล้วก็จะมีคนเอารถมาส่งที่บ้าน นอนยาวไปเลยไม่ต้องออกไปหรอก ให้ลงไปเป็นเพื่อนมั๊ย บ้านเงียบเชียว"
"อ๋อ ยายคงอยู่ในบ้านแหละ คนแก่ไม่มีอะไรก็นอน ส่วนตาก็โน่น ในสวนหรือไม่ก็วัดสองที่นี่แหละ ยังไงก็ขอบคุณนะคะ"
"อืม เข้าบ้านเถอะ" กรวรรธอือ ออ พร้อมกับดันหลังของคนตัวเล็กให้รีบเข้าบ้านเร็ว ๆ อย่างนึกหมั่นเขี้ยว กรวรรธได้แต่คิดในใจ
หลังจากกลับมาจากไปส่งยัยสามตา ก็ตรงมาที่ห้องพักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงานและเข้าออฟฟิศ เพื่อสะสางงานจนรู้สึกว่าล่วงเลยเวลาไปมากจึงลุกไปเปิดม่านพบว่าตะวันตกดินแล้ว ในใจได้แต่คิดถึงใครอีกคน คนที่มีดวงตาที่สาม (ต่อไปนี้เฮียเกมเค้าจะเรียกลับหลังน้องวันพระว่ายัยสามตานะคะ)