38.สารภาพ

1141 Words
@บ้านบุญทรัพย์ "เป็นยังไงบ้างวันพระเอ้ย ยายใจไม่ดีตั้งแต่พ่อเกมโทรมาบอกแล้ว หมอว่ายังไงบ้างลูกพ่อเกม" ยายบัวลอยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือขณะที่กรวรรธเปิดประตูรถและประคองคนตัวเล็กไปเข้าไปในบ้าน "น้องเลือดซีด แล้วพักผ่อนน้อยเลยเป็นลมน่ะครับ เดียวให้ห้องกินข้าว กินยา แล้วก็นอนเลยนะครับ คืนนี้ไม่ต้องไปทำงาน ผมขอใบรับรองแพทย์มาแล้วครับ ให้พักไปเลย แล้วถ้าไปรับจ๊อบมัคคุเทศก์อีกนะครับ ให้หยุดก่อน" กรวรรธเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ขณะที่ประคองคนตัวเล็กมานั่งที่โซฟากลางบ้าน "ไม่ต้องห่วงหรอกครับพี่เกม วันนี้วันเสาร์โรงเรียนหยุด ผมจะนอนเฝ้าทั้งวันไม่ให้ออกไปไหนได้เลย พี่เกมไปพักผ่อนเถอะครับ" เพิ่มบุรุษเอ่ยอย่างจริงจัง "วันนี้วันเสาร์ออฟฟิศหยุดเสาร์-อาทิตย์" พี่ไม่ต้องไปทำงาน พี่จะเฝ้าพี่สาวเราเอง ส่วนเราไปหาหนังสืออ่านไป ไม่เข้าใจก็มาถามพี่จะช่วยดูให้ "ได้ครับ" หลังจากรับคำว่าที่พี่เขยแล้วเด็กหนุ่มก็หันหลังกลับไปตรงไปที่ห้องนอนของตัวเองทันที อีกด้านของคนที่มาใหม่ "กินข้าวต้มปลาแล้วกันเน๊าะ ตาผลทำมาให้เลยเชียวนะ เรื่องข้าวต้มปลาต้องยอมเค้า เค้าทำไม่คาว" ยายบัวลอยพยักเพยิดบอกยิ้ม ๆ "ผมช่วยครับยาย เดี๋ยวผมดูวันพระเองครับ" กรวรรธเอ่ยกับยายบัวลอยยิ้ม ๆ พร้อมกับรับชามข้าวต้มปลามาวางตรงหน้าตัวเองและทำท่าจะป้อนให้ "ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูกินเอง แค่่อ่อนเพลีย ไม่ได้ง่อย" เพ็ญสุดาเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองคนตัวโตตาเขียวปั่ด "เหรอ ตามใจ อ่ะกินเข้าไปให้หมดนี่แหละ สักพักจะได้กินยา แล้วก็นอนยาวไปเลย" กรวรรธเอ่ยยิ้ม ๆ "อือ หอมจัง กินเลยนะ" เพ็ญสุดาจ้วงข้าวต้มจนพร่องไปค่อนชามเพราะรู้สึกอิ่มจริง ๆ "อิ่มแล้วเหรอ ไม่กินให้หมดล่ะ เสียดาย" กรวรรธคะยั้นคะยอเพราะอยากให้คนตัวเล็กกินอีกหน่อย "ไม่ล่ะ อิ่ม ง่วง อยากนอนมากกว่า ไหนยาล่ะจะได้กินแล้วนอนเลย" เพ็ญสุดาแบมือเพื่อขอยากับคนตัวโต แปะ!! (เสียงตีมือไม่หนักไม่เบาจนเกินไป) "ยาอะไรเล่า ข้าวยังไม่ทันเรียงเม็ดเลยจะกินยาแล้ว สักพักก็ได้ กินแล้วนอนเดี๋ยวก็กรดไหลย้อนอีก" กรวรรธบ่นกลั้วหัวเราะ อีกด้านของผู้ชราทั้งสองที่แอบมองได้แต่กลั้นหัวเราะขำไปตาม ๆ กัน เพราะไม่เคยมีใครกล้าดุกล้าแตะหลานสาวคนนี้ได้นอกจากคนที่กำลังนั่งคุมเข้มอยู่โซฟากลางบ้านในเวลานี้ กรวรรธจัดทางจัดทางให้คนตัวเล็กนั่งเอน ๆ เหยียดแข้งเหยียดขาสักพักผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงจึงนำยาบำรุงเลือดมาให้กินและบังคับให้คนตัวเล็กไปอาบน้ำเพื่อจะได้นอนยาว หลังจากจัดการคนตัวเล็กเสร็จเขาจึงออกมาคุยกับตาผลและยายบัวที่หน้ามุกของบ้าน "ตาครับ ยายครับ ผมมีอะไรจะเล่าให้ฟัง" กรวรรธเอ่ยขึ้นขณะนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ข้าง ๆ "ว่ามาซิพ่อเกม" ตาผลเอ่ยยิ้ม ๆ "เมื่อเช้านี้ผมทันช็อตเด็ดที่วันพระเป็นลมเพราะมีคนมากระตุกขาผมครับ" กรวรรธเอ่ยราบเรียบ "เค้าคงเป็นห่วงน้องสาวของเค้าแหละ ได้ข่าวว่าตามไปวุ่นวายที่ห้องพ่อเกมมิใช่รึ๊ นี่ก็น้องเค้าป่วยทั้งคน คงช่วยบอกแหละ" ตาผลกล่าวยิ้ม ๆ "แสดงว่าเค้าตามวันพระไปหรือครับ ก็เลยแวะเล่นที่ห้องผมรอน้องไปพลาง ๆ งั้นหรือครับ" กรวรรธพูดกลั้วหัวเราะ "เออ…ก็คงงั้นแหละพ่อเกม" ตาผลตอบกลั้วหัวเราะด้วยเช่นกัน "เฮ๊อ อบอุ่นดีนะครับ…..ตาครับ..ยายครับผมมีอีกเรื่องนึงอยากจะขออนุญาตตากับยายครับ" กรวรรธเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งไปพักใหญ่ "จะขออะไรอีกล่ะ" ตามผลเอ่ยถามแล้วหันไปสบตาคู่สนทนาเพียงชั่วครู่ "ผมอยากจะขอดูแลวันพระในฐานะสามีที่ถูกต้องตามประเพณีและตามกฎหมายครับ ตากับยายจะว่ายังไง" กรวรรธตัดสินใจเอ่ยมันออกมาจนได้ "พ่อเกมมั่นใจในตัวเองแล้วรึ๊" ตาผลหยั่งถาม "มั่นใจที่สุดครับตา ผมมั่นใจตัวเองตั้งแต่วันที่ได้รู้จักกับวันพระแล้วครับ" กรวรรธตอบอย่างซื่อสัตย์ “ถ้ามั่นใจขนาดนั้นก็เอาชนะใจหลานสาวตาให้ได้แล้วกัน” ตาผลเอ่ยยิ้ม ๆ “ได้เลยครับ ผมจะพยายามจนสุดความสามารถเลยครับ ว่าแต่ตาทำไมถึงยอมง่าย ๆ แบบนี้ล่ะครับ ทั้งที่ผมไม่มีทรัพย์สินเงินทองมากองเหมือนอย่างเจ้านายหรือใครเขา” กรวรรธหยั่งถาม เพราะเขาให้ข้อมูลไปว่ารถยนต์ ห้องพัก หรือแม้แต่คอนโดเป็นของเจ้านายให้ทั้งหมด “ก็ทรัพย์สินพวกนั้นมันแลกกับความรักและความจริงใจไม่ได้หรอกพ่อเกม” ตาผลเอ่ยยิ้ม ทำเอากรวรรธถึงกับร้อน ๆ หนาว ๆ เพราะไปโกหกเรื่องสถานะที่แท้จริงของตัวเองให้คนบ้านนี้ฟังอย่างน่าสงสาร "เอ่อ ตาครับยายครับ ผมมีอะไรจะสารภาพครับ แต่ตากับยายต้องฟังผมให้จบก่อนนะครับ" "อืม ว่ามาซิ" "คือผมเป็นทายาทของวีกรุ๊ปครับ พ่อแม่ผมเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และสิ่งก่อสร้างที่เสียชีวิตไปแล้วน่ะครับ" "……" ตาผลเงียบ "งั้นหรอกเร๊อะ แล้วทำไมถึงมาติดพันกับหลานสาวยายล่ะ หลานยายไม่ใช่ดอกไม้ริมทางหรอกนะจะบอกให้" ยายบัวลอยเอ่ยออกมาบ้างหลังจากที่เงียบอยู่นาน "ยายบัว เงียบเถอะ ฟังเค้าก่อน" ตาผลเอ่ยปรามภรรยา "พ่อของผมเป็นเพื่อนกับป๊าเขตแดนครับ หลังจากพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุทางรถเสียชีวิตด้วยกันทั้งคู่ ป๊าจึงรับผมมาเป็นบุตรบุญธรรม และเข้าดูแลกิจการของพ่อแม่แทนผม เพราะตอนนั้นผมยังเรียนอยู่และยังไม่บรรลุนิติภาวะครับ หลังจากผมเรียนจบเกิดกลัวว่าจะรักษาธุรกิจของพ่อแม่ไว้ไม่ได้จึงปล่อยให้ป๊าดูแลไปเรื่อย ๆ และตัวเองก็ผันมาเป็นบอดีการ์ดและผู้ช่วยให้คุณดามลูกชายคนเล็กของป๊าเขตแดนครับ เรื่องมันก็มีเท่านี้แหละครับ" กรวรรธอธิบายยืดยาวแต่แฝงไปด้วยความจริงใจทั้งหมดที่มี

Read on the App

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD