บทที่12

1336 Words
“นี่คุณ! ห้ามด่าฉันในใจนะ” หญิงสาวชี้นิ้วตวาดต่อว่าอีกฝ่ายอีกครั้ง แทบเต้นผ่าง! ด้วยความโมโห เมื่ออ่านสายตาของบุรุษผู้นี้ออก “รู้ได้ไงว่าผมกำลังด่าคุณอยู่” ขณะเอ่ยถามกลับคืนอย่างเอาเรื่อง องครักษ์เอกคาฟาลก็สืบเท้าช้าๆ ทว่ามั่นคงมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ ร่างบางระหงของบุญธิสา ส่วนแม่สาวนักตีเข่า พอเห็นคู่กรณีเดินเข้ามาใกล้ก็นึกหวาดกลัวว่าจะถูกคลุกวงในอีก จึงกระโดดโหยงไม่ต่างจากกบ หลบไปอยู่ข้างหลังสารวัตรใหญ่ แล้วโผล่แค่ใบหน้างามๆ ออกมาขณะเค้นเสียงโต้ตอบบุรุษผู้หล่อเหลา ที่เธอยังไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม และยังไม่รู้ว่าเขาคือใครกัน “ก็สายตาของคุณมันฟ้องนี่ว่ากำลังด่าฉันอยู่” องครักษ์เอกคาฟาลกระตุกยิ้ม พลางสัพยอกกลั้วหัวเราะ “แหม! เจอกันแค่ไม่กี่นาที ก็เดาใจผมออกไปเสียทุกอย่าง สงสัยเราสองคนเป็นเนื้อคู่ตุนาหงันกันตั้งแต่ชาติปางก่อนแน่ ไหนๆ ก็เดาใจผมถูกไปรอบหนึ่งแล้ว คุณช่วยตอบหน่อยสิครับว่าตอนนี้ผมกำลังคิดอะไรอยู่” แทนที่จะหลบตาคมกล้าขององครักษ์เอกผู้เก่งกาจ บุญธิสากลับบ้าจี้ทำตามคำสั่งของอีกฝ่าย โดยการทอด สายตาจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง พอพานพบกระแสบางอย่างซึ่งชายชาตินักรบผู้นี้เผยให้เห็น หญิงสาวก็ถึงกับร้อนวูบวาบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ใบหน้างามแดงซ่านไม่ต่างจากลูกเชอรี่สุก จากนั้นก็รีบผลุบหน้าเข้ามาอยู่ข้างหลังสารวัตรใหญ่ โดยไม่เอ่ยตอบอะไรออกมา จนองครักษ์เอกคาฟาลต้องทวงถามอีกครั้ง “ว่าไงไข่ตุ๋น คุณเห็นอะไรในดวงตาของผม ช่วยตอบดังๆ ให้ผมชื่นใจหน่อยสิครับ” “เห็นขี้ตาเต็มสองตาเลยค่ะ” บุญธิสาตะโกนตอบเสียงดัง เรียกเสียงหัวเราะร่วนได้จากทั้งตัวคนถามเองและจากสารวัตรใหญ่ ซึ่งตอนนี้ถูกบุญธิสายึดไว้เป็นโล่กำบังภัยไปซะแล้ว หลังจากปล่อยให้องครักษ์เอกของประมุขแห่งแผ่นดิน และสาวน้อยนักพนันทะเลาะกันมานานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว และหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ สารวัตรใหญ่คิดว่าคืนนี้ตนเองและลูกน้องทั้งโรงพักคงไม่ได้ทำงานอื่นแน่ นอก จากการทำหน้าที่เป็นกรรมการห้ามมวย สารวัตรใหญ่ผู้ผดุงความยุติธรรม จึงออกปากเอ่ยถามองครักษ์เอกคาฟาลว่าจะประกันตัวบุญธิสาในคืนนี้เลยหรือเปล่า “เอ่อ...ท่านคาฟาลครับ ผมว่าหยุดกัด เอ้ย! หยุดทะเลาะกันก่อนดีไหมครับ ผมจะได้ให้ลูกน้องทำเรื่องประกันตัวคุณผู้หญิงคนนี้ออกไปนะครับ” องครักษ์เอกคาฟาลถลึงตามองสารวัตรใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่ายจัดการตามที่พูดออกมา “ทำเรื่องได้เลย เดี๋ยวเราจะได้พาไข่ตุ๋นกลับบ้านสักที” “นี่ๆ เดี๋ยวก่อนสิ ใครจะมาประกันตัวใคร แล้วนายเป็นใคร มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน จู่ๆ จะให้ฉันไปกับคนแปลกหน้า ปากจัดกัดไม่เลือก แถมยังเป็นพวกโรคจิตพ่วงท้ายมาด้วย ยังไงๆ ฉันก็ไม่ยอมไปด้วยหรอก” บุญธิสาต่อว่าใส่ไคล้องครักษ์หนุ่มเสียชุดใหญ่ และขณะต่อว่าอีกฝ่ายฉอดๆ แทบไม่ได้หยุดหายใจ หญิงสาวก็โผล่หน้ามาจากร่างใหญ่โตของสารวัตรแค่เพียงนิดเดียว พอแค่ให้เห็นว่าบุรุษชายชาตินักรบผู้นี้กำลังแยกเขี้ยวใส่เธอเพราะความโมโหไม่แพ้กัน สารวัตรใหญ่เห็นองครักษ์เอกคาฟาลกำลังอ้าปากจะโต้ตอบ ซึ่งรู้ว่าคงไม่พ้นการพ่นวาจาออกมาทะเลาะกับหญิงสาวผู้นี้อีก จึงรีบเอ่ยดักคอองครักษ์ผู้องอาจไว้ซะก่อน “ท่านองครักษ์ครับ ผมว่าแนะนำตัวให้คุณผู้หญิงคนนี้รู้จักดีไหมครับ” “ใครเป็นองครักษ์?” บุญธิสาถามแทรกออกมาก่อนองครักษ์เอกคาฟาลจะทันได้แนะนำตัว พอมองไปยังบุรุษหนุ่มหล่อเหลาซึ่งยังคงตีหน้ายักษ์ใส่เธอไม่เลิก ก็เอ่ยถามต่ออย่างไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไร “อย่าบอกนะว่า ไอ้โรคจิตคนนี้มียศสูงศักดิ์เป็นถึงองครักษ์” “เออ...ไอ้โรคจิตคนนี้นี่แหละเป็นองครักษ์เอกของท่านชีคฮาริค เจ้าผู้ปกครองประเทศที่คุณกำลังยืนอยู่” องครักษ์เอกคาฟาลแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงห้วนอยู่ไม่น้อย เพราะโมโหจับใจที่บุญธิสาเรียกเขาว่าไอ้โรคจิตแทบตลอดเวลาที่ทะเลาะ และขณะเอ่ยแนะนำตัว ร่างสูงใหญ่ล่ำสัน ก็ก้าวเท้ายาวๆ ไม่กี่ก้าวเดินไปจับยึดข้อมือเล็กของบุญธิสาไว้แน่น แล้วดึงร่างบางระหงให้ขยับออกมาจากการหลบซ่อนอยู่ข้างหลังเรือนกายของสารวัตรใหญ่ ก่อนจะเอ่ยแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกที “ผมชื่อคาฟาล อัสซิส มาซีน ผมได้รับคำสั่งจากท่านชีคฮาริคให้มาประกันตัวคุณออกไป” “ชื่อ นามสกุลยาวชะมัด คาฟาล อัสซิส มาซีน ชื่อสั้นๆ กว่านี้ไม่มีหรือยังไง เช่นนายเฉิ่ม นายเชย นายกระจอก หรืออะไรก็ได้ที่สั้นๆ กว่าชื่อของคุณในตอนนี้” บุญธิสาเอ่ยแขวะตามประสาคนปากมาก และแทนที่องครักษ์เอกคาฟาลจะโกรธเคือง เขากลับหัวเราะร่วนกับชื่อเชยๆ ที่หญิงสาวเอ่ยออกมาให้เขาเลือกใช้ “เรียกผมว่าคาฟาลก็ได้ไข่ตุ๋น คุณไม่จำเป็นต้องเรียกผมทั้งชื่อทั้งนามสกุลก็ได้” องครักษ์เอกคาฟาลเอ่ยบอกยิ้มๆ แต่พอได้ยินชื่อที่หลุดออกมาจากเรียวปากอิ่ม ก็ต้องปล่อยเสียงหัวเราะออกมาด้วยความขบขำระคนระอาหญิงสาวจอมดื้อด้าน “อืม...ถ้างั้นขอเรียกนายเฉิ่มได้ไหม” ในขณะที่องครักษ์เอกคาฟาลอนุญาตให้เรียกชื่อต้นของตนเองได้ แต่บุญธิสาก็ลอยหน้าลอยตาเรียกในชื่อที่พอใจอยากเรียกอีกฝ่ายเช่นนี้ องครักษ์เอกคาฟาลส่ายหน้าช้าๆ ราวกับระอา ดูท่าว่าบุญธิสาจะแสบและดื้อรั้นไม่เบา องครักษ์หนุ่มลดใบหน้าลงต่ำจนจมูกโด่งสัมผัสหนักหน่วงกับพวงแก้มแดงปลั่ง จากนั้นก็เอ่ยต่อรองอย่างเจ้าเล่ห์แพรวพราว “ตกลงไข่ตุ๋น ผมให้คุณเรียกผมว่านายเฉิ่มก็ได้ แต่คราวใดที่ผมได้ยินชื่อนี้ ผมจะปรับคุณคำละจูบ ตกลงตามนี้ไหมล่ะไข่ตุ๋น” “ตกลงให้โง่นะสิ” บุญธิสาค้อนวงใหญ่พร้อมกับงึมงำตอบอยู่ในลำคอ ใบหน้างามนั้นแดงซ่าน ร้อนผะผ่าวไปทั้งตัว และแทนที่หัวสมองจะสั่งการให้เจ้าตัวขัดขืนปัดป้อง หรือผลักไสคนตัวใหญ่ให้ปล่อยเธอสักที แต่นี่กลับสั่งการให้เธอยืนนิ่งๆ ปล่อยให้องครักษ์ผู้นี้โอบกอดตามอำเภอใจ จนเธองุนงงไปหมดว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอ “เมื่อสักครู่คุณบอกว่าท่านชีคฮาริคให้มาประกันตัวฉัน แล้วท่านชีคและคุณมาเกี่ยวอะไรด้วย ฉันไม่เคยรู้จักคุณหรือท่านชีคเลยนะคะ” บุญธิสาเอ่ยถามในสิ่งที่ทำให้ตนเองงุนงงเป็นอย่างมากนับตั้งแต่ได้ยินชายชาตินักรบผู้นี้แนะนำตัวว่าเขาคือใคร แต่ด้วยอยากแก้เผ็ดอีกฝ่ายกลับคืนบ้าง หญิงสาวเลยไม่ได้เอ่ยถามตั้งแต่แรก “อืม...เอาไงดีล่ะ เรื่องมันซับซ้อนมากเลยนะไข่ตุ๋น” องครักษ์เอกคาฟาลแกล้งถ่วงเวลาไว้ เพื่อให้หัวสมองอันชาญฉลาดคิดแต่งนิทานหลอกเด็ก หลอกให้บุญธิสาฟังแล้วรู้สึกระรื่นหูเป็นที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD