บทที่13

1315 Words
ส่วนบุญธิสาเองก็จ้องมององครักษ์ผู้องอาจเขม็ง พลางยกมือเท้าสะเอวเอ่ยตอบเสียงเข้ม กะว่าหากไม่ล่วงรู้ความจริงหรือความเป็นไปเป็นมาของเรื่องนี้ เธอก็ไม่ยอมกลับบ้านพร้อมกับบุรุษผู้นี้เป็นอันขาด “ไม่เป็นไรค่ะ จะสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากเพียงใด ฉันก็มีเวลาฟังทั้งคืนนั่นแหละค่ะ” “เอ่อ...คือ...พี่สาวของคุณเผอิญรู้จักกับท่านชีคฮาริคเป็นการส่วนตัว” “พี่ไข่หวานนี่นะรู้จักท่านชีคฮาริค เจ้าผู้ปกครองประเทศ ฉันไม่เชื่อหรอก คุณอย่ามาหลอกฉันซะให้ยาก” บุญธิสาเอ่ยสวนออกไปทั้งๆ ที่องครักษ์เอกคาฟาลเอ่ยโกหกไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำไป และหญิงสาวก็ถูกองครักษ์หนุ่มขึงตามองอย่างตำหนิ โดยไม่ลืมกล่าวออกมาเป็นถ้อยวาจาด้วย “อย่าเพิ่งพูดแทรกได้ไหมไข่ตุ๋น ฟังผมพูดให้จบก่อนได้ไหมครับ” บุญธิสาตีหน้าง้ำไม่ค่อยพอใจนัก เมื่อถูกชายแปลกหน้าซึ่งเพิ่งรู้จักกันไม่ถึงสิบนาทีเอ่ยตำหนิเอา และใช่ว่าจะปล่อยให้องครักษ์ผู้องอาจคนนี้ตำหนิเธอแค่เพียงฝ่ายเดียว หญิงสาวถลึงตาจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง ก่อนจะสวนกลับแบบทันควันไม่ให้น้อยหน้ากัน “ก็มันจริงนี่ คุณบอกว่าพี่ไข่หวานรู้จักกับท่านชีคฮาริค ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลย สังคมของฉันกับพี่ไข่หวาน มันคนละสังคมกันกับท่านชีคฮาริค พระองค์อยู่สูงเสียดฟ้า แต่พวกฉันอยู่ต่ำติดดินไม่ต่างจากยอดหญ้า ซึ่งไม่มีทางที่พี่ไข่หวานจะรู้จักเป็นการส่วนตัวกับท่านชีคฮาริค หรือถ้าหากรู้จักจริง ฉันก็ต้องรู้เรื่องนี้ด้วยสิ เพราะว่าฉันกับพี่ไข่หวานไม่เคยมีความลับต่อกันแม้แต่เรื่องเดียว” ‘อุวะ! หลอกยากชะมัด’ องครักษ์เอกคาฟาลสบถอยู่ในลำคอ พลางเริ่มแต่งเรื่องใหม่อีกครั้ง เพราะขืนให้บอกไปตามตรงว่าตอนนี้พี่สาวของเธอกำลังถูกเลือกให้เป็นซินเดอเรลล่าอยู่กับท่านชีคฮาริคตลอดทั้งค่ำคืน เพื่อแลกกับเงินจำนวนห้าล้าน เขาเชื่อว่าบุญธิสาคงได้โวยวายโรงพักแตกแน่! “ฟังให้ดีนะไข่ตุ๋น คือพี่สาวของคุณไปทำงานในตำหนักของท่านชีคฮาริค เผลอท่านชีคเข้าไปยินเรื่องของคุณเข้า พระองค์ก็เลยเกิดพระเมตตาสั่งให้ผมมาประกันตัวคุณออกไปครับ” “จริงนะ?” บุญธิสาหรี่ดวงตาจ้องมองราวกับไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไรนัก และองครักษ์เอกคาฟาลก็ตอบรับคำซะเสียงสูง “จริ๊ง...ที่สุด” เอ่ยตอบไปแล้ว องครักษ์เอกคาฟาลก็ซ่อนรอยยิ้มไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะพยักพเยิดให้บุญธิสาไปนั่งตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะของร้อยเวร เพื่อทำเรื่องประกันตัวเธอออกไปสักที “ไปทำเรื่องประกันตัวเถอะครับ ดึกมากแล้ว ผมอยากกลับไปพักผ่อนแล้ว” “เอ่อ...ฉันไม่ค่อยเชื่อ...” เมื่อบุญธิสาอึกอักลังเลอย่างเห็นได้ชัด คนเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างองครักษ์เอกคาฟาลก็รีบเอ่ยออกมาให้บุญธิสาได้ขบคิดตาม “โอเค! ถ้าคุณไม่เชื่อ ไม่ไว้ใจผมก็ไม่เป็นไร ถ้างั้นคืนนี้เชิญคุณนอนในคุกต่อก็แล้วกันนะครับ ผมคิดว่าสายๆ พี่สาวคุณก็คงมาประกันตัวคุณออกไป แต่อย่างว่านะครับ ไม่ค่อยมีเส้นมีสายเหมือนผม อาจต้องเดินเรื่องประกันตัวยากหน่อยนะครับ และที่สำคัญผมสงสารผิวขาวจั๊วะเนียนผ่องของคุณจริงๆ สงสัยว่าคืนนี้คงได้นอนบริจาคเลือดทั้งคืน ยุงตัวใหญ่ๆ ที่วินว่อนทั่วโรงพักคงได้อิ่มหมีพีมันก็คราวนี้นี่แหละ” พอเอ่ยขู่ขวัญให้บุญธิสานึกหวาดกลัวตามแล้ว องครักษ์เอกคาฟาลก็ลอบยิ้มแล้วหมุนตัวทำท่าจะเดินลงไปจากสถานีตำรวจ หากไม่ถูกบุญธิสาตะโกนเรียกไว้เสียก่อน “เดี๋ยวสินายเฉิ่ม” เจ้าของใบหน้างามตะโกนเรียกพร้อมกับวิ่งตามไปจับต้นแขนแข็งแกร่งขององครักษ์เอกคาฟาลไว้อย่างลืมตัว และแทนที่อีกฝ่ายจะหยุดเดินหันมามองตามเสียงเรียก กลับทำเป็นเล่นตัวก้าวเท้าเดินต่อจนบุญธิสาต้องรีบวิ่งไปดักหน้า พร้อมกับขึงตาเขียวปั้ดใส่ ขณะยอมตกลงทำตามที่อีกฝ่ายบอกมา “ตกลง ฉันยอมให้คุณช่วยประกันตัวก็ได้ นายเฉิ่ม” “คาฟาล” องครักษ์เอกคาฟาลถลึงตามอง บังคับให้บุญธิสาเรียกชื่อของตน แทนชื่อที่เธอตั้งให้สุดเฉิ่มสุดเชย “ไม่! นายเฉิ่ม” บุญธิสาดื้อดึงอยากเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อนี้เท่านั้น และเมื่อเจ้าของใบหน้างามไม่ยอมทำตาม องครักษ์เอกคาฟาลก็แสร้งทำเป็นก้าวเดินต่อ โดยไม่ลืมกล่าวเอ่ยพรส่งท้ายด้วย “ถ้างั้นก็บ๊าย บาย ขอให้มีความสุขกับการอยู่บริจาคเลือดในซังเตนะไข่ตุ๋น” “ก็ได้ๆ รบกวนคุณคาฟาลช่วยประกันตัวดิฉันหน่อยได้ไหมคะ” บุญธิสายอมทำตามคำสั่งขององครักษ์หนุ่มในที่สุด องครักษ์เอกคาฟาลกระตุกยิ้ม พร้อมกับโอบแขนไปรอบบ่าเล็ก แล้วขโมยจูบลงไปบนเรียวปากอิ่มสีกุหลาบอย่างรวดเร็วเกินกว่าผู้เป็นเจ้าของจะห้ามปรามได้ทัน “อืม...แบบนี้ค่อยฟังระรื่นหูหน่อย แต่ถ้าให้ดีต้องแทนตัวเองว่าไข่ตุ๋นด้วยนะที่รัก” สิบนาทีต่อมาบุญธิสาก็เดินปร๋อออกมาจากสถานีตำรวจ โดยไม่มีการพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อลงบันทึกประวัติแต่อย่างใด หญิงสาวแค่เพียงถูกสารวัตรอบรมสั่งสอนเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการเล่นการพนันให้โทษ ซึ่งหญิงสาวได้แต่พยักหน้าหงึกๆ รับคำโดยไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะขืนพูดมากเกินไปเธอเกรงว่าสารวัตรจะไม่ปล่อยตัวเธอง่ายๆ แต่จะว่าไปแล้วถึงแม้เธอจะเถียงกับสารวัตร หรือแผลงฤทธิ์ไปมากกว่าที่เป็นอยู่ หญิงสาวคิดว่าเธอก็คงได้รับการปล่อยตัวอยู่ดี เพราะดูเหมือนว่าบุรุษหนุ่มผู้หล่อเหลา ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ตัวเธอจะมีอำนาจบาตรใหญ่ซะเหลือเกิน เวลาพูดคุยเจรจากัน นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มีดาวติดบนบ่าหลายดวง ยังต้องให้ความเกรงใจเอ่ยพูดด้วยความนอบน้อม แถมยังเรียกบุรุษผู้นี้ด้วยคำว่า ท่าน ขึ้นนำหน้าชื่อทุกครั้งด้วย และในขณะเดินลงตามขั้นบันไดลงมาจากสถานีตำรวจ บุญธิสาก็อดเอ่ยถามออกมาไม่ได้ เพราะยอมรับตรงๆ ว่าในตอนแรกนั้นเธอไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายเป็นองครักษ์เอกของท่านชีคฮาริคตามที่เขาเอ่ยบอกมา “ที่จริงคุณก็เก่งเหมือนกันนะคุณเฉิ่ม แหม...พูดไม่กี่คำเท่านั้นเอง สารวัตรใหญ่ก็ปล่อยตัวฉันออกมาแล้ว รู้ยังงี้ยอมให้คุณประกันตัวตั้งแต่แรกแล้ว” องครักษ์เอกคาฟาลหัวเราะหึๆ ในลำคอ พลางจับยึดร่างบางอรชรไว้แน่น พร้อมกับเอ่ยทวงถามกลั้วหัวเราะ “ไข่ตุ๋น จำเรื่องที่เราพูดกันในก่อนหน้านี้ได้ไหมครับ” บุญธิสาหันมาเลิกคิ้วทอดสายตาจ้องมององครักษ์ผู้องอาจ เพราะเป็นคนประเภทความจำสั้น หญิงสาวจึงออกปากเอ่ยถามด้วยความงุนงงว่าก่อนหน้านี้เธอพูดอะไรไว้บ้าง “เราพูดเรื่องอะไรกันบ้างหรือคะ ฉันลืมไปหมดแล้วค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD