“ไข่ตุ๋นใช่ไหม คุณเป็นยังไงบ้าง กลัวหรือเปล่าครับ”
ในขณะที่องครักษ์เอกคาฟาลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แถมยังแฝงไปด้วยความห่วงใยอย่างยิ่งยวด แต่คนที่ถูกเอ่ยถามกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วย เพราะตอนนี้หญิงสาวกำลังน้อยใจพี่สาวจับใจ ที่ไม่มาประกันตัวเธอสักที พออยู่ในอารมณ์ที่ไม่อยากเสวนากับใครด้วย แถมยังถูกใครก็ไม่รู้มาลูบหัวราวกับเธอเป็นหมาน้อยก็ไม่ป่าน หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นขึงตาเขียวปั้ดใส่อีกฝ่าย ก่อนจะพ่นถ้อยวาจาห้วนดุตอกหน้าอีกฝ่ายทันที
“มายุ่งอะไรด้วยเล่า แล้วช่วยกรุณาเอามือสกปรกของคุณออกไปจากศีรษะของฉันด้วย!”
ผู้ที่ถูกตอกหน้าหงาย แทนที่จะเชื่อฟังคำสั่งห้วนจัดของสาวน้อยแสนสวย เขากลับหัวเราะฮึๆ อยู่ในลำคอ แถมยังขยับมือลูบไล้ศีรษะกลมทุยเหมือนเดิม และดูเหมือนว่าเพียงเท่านี้จะเป็นการแกล้งยั่วให้สาวน้อยโกรธยังไม่มากเท่าที่ควร เพราะองครักษ์หนุ่มได้กอบกุมเส้นผมนุ่มสลวยมาเต็มกำมือ พลางก้มหน้าลงต่ำแล้วยกเส้นผมจรดปลายจมูกโด่งงามของตนเองหน้าตาเฉย ทำเอาบุญธิสาแทบเต้นด้วยความโกรธจัด
“ไอ้บ้า! ไอ้โรคจิตวิตถาร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
บุญธิสาเอื้อมมือไปจับเส้นผมตัวเอง พลางกระชากเบาๆ ให้หลุดพ้นจากการกอบกุมของอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าความพยายามของเธอจะไม่สัมฤทธิ์ผล มิหนำซ้ำมือเล็กยังถูกฝ่ามือใหญ่กุมกระชับไว้แน่น ไม่ว่าจะพยายามกระชากมือออกอย่างไรก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
ส่วนทางด้านองครักษ์เอกคาฟาล พอกอบกุมเส้นผมนุ่มสลวยมาจรดปลายจมูก และสูดดมกลิ่นหอมละมุนไม่ต่างจากกลิ่นหอมของมวลดอกไม้เข้าสู่ปอดลึกๆ ก็ทำเอารู้สึกสดชื่นอย่างประหลาด พอสาวน้อยแสนสวยยื่นมือมาหมายจะจับเส้นผมตัวเองให้หลุดพ้นจากการกอมกุม ก็จับยึดมือเล็กไว้แน่น แล้วยกมือเล็กนุ่มละมุนมาจรดปลายจมูกอีกครั้ง โดยคราวนี้จงใจกดริมฝีปากร้อนผะผ่าวลงไปบนหลังข้อมือ ให้เจ้าของมือเล็กรับรู้ถึงความร้อนผะผ่าวจากริมฝีปากของตนเองด้วย พร้อมกันนั้นก็เอ่ยสัพยอกกลั้วหัวเราะด้วยความขบขำ หาได้โกรธหญิงสาวตรงหน้าไม่
“โอ้! กล่าวทักทายกันด้วยไมตรีจิตจริงๆ”
“ไอ้โรคจิต ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้ คุณตำรวจคะ ช่วยด้วยค่ะ ไอ้โรคจิตคนนี้มันจะข่มขืนฉันค่ะ”
คราวนี้องครักษ์เอกคาฟาลถึงกับปล่อยเสียงหัวเราะก๊ากดังลั่นสถานีตำรวจ พร้อมกับปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระตามที่เจ้าตัวต้องการ แต่เปลี่ยนเป้าหมายในการกอบกุมมาอยู่ตรงบ่าเล็กทั้งสองแล้วจับร่างบางระหงให้ผุดลุกขึ้นยืนแนบชิดกับกายล่ำสันของตนเองแทน
“ช่างอ่อนหัดจริงๆ นะไข่ตุ๋น แค่จับมือถือแขนเพียงแค่นี้ เขาไม่เรียกว่าข่มขืนหรอกทูนหัว อีกอย่างหล่อขั้นเทพ เสน่ห์แรงระดับพระกาฬอย่างผม ไม่จำเป็นต้องข่มขืนสาวๆ ให้เสี่ยงคุกเสี่ยงตารางหรอกครับ มีแต่พวกสาวๆ ล่ะไม่ว่าที่จะเป็นฝ่ายข่มขืนผม”
“ไอ้คนบ้านี้เป็นใครกัน ยกหางตัวเองซะสูงเชียว”
นอกจากจะไม่สนใจใครหน้าไหนแล้ว บุญธิสายังปากจัดเอาการ ขณะตะโกนด่าทอคนที่บังอาจจับตัวเธอไว้ หญิงสาวก็พยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการอันแข็งแกร่ง พร้อมกับแผดเสียงตะโกนสั่งไม่เลิก
“ปล่อยฉันนะไอ้คนชั่ว แกมาจับฉันไว้ทำไม”
องครักษ์เอกคาฟาลยักไหล่ยียวน ก่อนจะเอ่ยตอบแบบกวนโทสะเป็นที่สุด “ไม่มีเหตุผลสำคัญอะไรหรอกไข่ตุ๋น ผมแค่เห็นคุณนั่งซึมเศร้าอยู่คนเดียว ก็เลยนึกอยากทำบุญด้วยการกอดคุณให้หายจากอาการโศกเศร้าก็เท่านั้นเอง”
“ไอ้บ้า! ก่อนจะกอดฉัน ถามสักคำจะได้ไหมว่าฉันต้องการอ้อมกอดจากคุณหรือเปล่า”
บุญธิสาตวาดแว้ดยื่นมือผลักไสกำแพงมนุษย์หนาแข็งแกร่งให้พ้นตัว แต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอก็ไม่สามารถผลักให้กายล่ำสันบึกบึนถอยห่างออกจากตัวเธอได้
องครักษ์หนุ่มกระตุกยิ้มตรงมุมปาก พลางก้มใบหน้าคมเข้มลงต่ำจนลมหายใจอุ่นๆ หอมสะอาดเป่ารินรดกับพวงแก้มเนียนแดงปลั่งหอมละมุนละไม พร้อมกันนั้นก็กระซิบตอบอย่างกวนโมโหไม่เลิก
“ถ้ามัวแต่ถาม จะได้กอด ได้จูบแก้มนุ่มๆ ของคุณหรือไข่ตุ๋นสุดสวย”
ไม่ได้เอ่ยแต่ปากเปล่าเท่านั้น องครักษ์เอกคาฟาลได้ปฏิบัติให้เห็นอย่างฉับพลัน ด้วยการโอบต้นแขนแข็งแกร่งไปรอบเอวบางคอดกิ่ว แล้วดึงร่างบางมากอดกระชับแน่น พร้อมกับกดจมูกโด่งๆ ลงไปบนพวงแก้มเนียนแดงปลั่งฟอดใหญ่อย่างรวดเร็วเกินกว่าผู้เป็นเจ้าของจะทันระวังตัว
“อืม...พวงแก้มของคุณช่างหอมละมุนชื่นใจจริงๆ ผมชักสงสัยแล้วว่าปากน้อยๆ ของคุณจะหวานฉ่ำชื่นใจผมหรือเปล่า ขอพิสูจน์ความหวานสักจูบสองจูบได้ไหมไข่ตุ๋น”
“ไอ้คนฉวยโอกาส!”
บุญธิสาแผดเสียงตะโกนด่าจนองครักษ์เอกคาฟาลแสบแก้วหูต้องผงะออกห่างเล็กน้อย เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้บุญธิสาเล่นงานกลับคืนบ้าง
“ฉวยโอกาสดีนัก มันต้องเจอแบบนี้”
ถ้าคิดว่าบุญธิสายอมให้เอาเปรียบกันง่ายๆ ล่ะก็คิดผิดแล้ว หญิงสาวอาศัยจังหวะที่บุรุษผู้นี้กำลังเผลอ งัดท่าแม่ไม้มวยไทยท่าเข่าตรงจัดให้แบบเต็มๆ ตรงกล่องดวงใจของบุรุษผู้นี้ดังผลั๊ก!!
“อูวว์...ไข่แตก...”
สารวัตรใหญ่ร้องอุทานออกมาด้วยความหวาดเสียวและเจ็บแทนองครักษ์เอกคาฟาล ซึ่งไม่ต้องบรรยายเป็นถ้อยคำก็พอจะคาดเดาได้ว่าจุกเสียดจนหน้าดำหน้าแดงแทบล้มทั้งยืนเลยก็ว่าได้
พอเป็นอิสระจากการพันธนาการอันแข็งแกร่งแล้ว บุญธิสาก็วิ่งพุ่งพรวดมาหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับละล่ำ
ละลักเอ่ยบอกรัวเร็ว โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าเธอร้องขอความช่วยเหลือไปในก่อนหน้านี้แล้ว ทว่าทั้งสารวัตรใหญ่และนายตำรวจคนอื่นไม่มีใครคิดช่วยเหลือเธอเลย
“คุณตำรวจคะ ช่วยฉันด้วย ไอ้โรคจิตคนนี้มันจะข่มขืนฉันค่ะ”
“ข่มขืนบ้าอะไรเล่า ผมมาประกันตัวคุณต่างหากล่ะ”
องครักษ์เอกคาฟาลตะโกนสวนกลับด้วยน้ำเสียงค่อนข้างดัง ฝีมือตีเข่าของบุญธิสาทำเอาเขาเจ็บจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว ไม่นึกว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างบุญธิสาจะมีพลังมหาศาลถึงเพียงนี้
“อะไรนะ เมื่อสักครู่คุณพูดว่ายังไงนะ”
บุญธิสาหันขวับเอ่ยถามเสียงแข็ง พอเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายยังคงแดงก่ำเหยเกเพราะความเจ็บปวดจากผลงานของเธอก็หัวเราะคิกด้วยความสะใจ ก่อนจะย้ำความเจ็บปวดด้วยการเอ่ยถามอีกฝ่ายอย่างเยาะเย้ย
“เป็นยังไงบ้างไอ้โรคจิต ชอบท่าแม่ไม้มวยไทยที่ฉันมอบให้ไหมคะ ท่าเมื่อสักครู่เขาเรียกว่าท่าเข่าตรง เป็น 1 ใน11 ท่าของท่าเชิงเข่า 11 เชิง”
‘คำก็ไอ้โรคจิต สองคำก็ไอ้โรคจิต เดี๋ยวพ่อจับปล้ำทำเมียซะหรอก’
องครักษ์เอกคาฟาลงึมงำอยู่ในใจโดยไม่พูดออกมา คงมีแค่เพียงดวงตาคมกริบเท่านั้น ที่ทอดมองบุญธิสาอย่างหมายมาด