“เน็กซ์สเตชั่น...ศุภณัฐ ฮ่าๆ”
นีรนาถยิ้มอายอย่างเขินๆ ก่อนจะชะงักเมื่อได้เห็นใบหน้าของศุภณัฐที่ตอนนี้จืดเจื่อน ไม่ได้ขำไปกับทุกคนเลยสักนิด
“เข้าห้องน้ำแป๊บนะ”
ว่าแค่นั้นศุภณัฐก็ลุกออกไปทันที ทิ้งให้เพื่อนๆ อ้าปากขำค้างกันหมด แต่คนที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดคงจะหนีไม่พ้นนีรนาถ ที่ตอนนี้ก็เลี่ยงออกไปอยู่คนเดียวโดยการบอกว่าขอเข้าไปเก็บของในครัวก่อน
“ไอ้เอส! เป็นอะไรของมันวะ”
“เพราะมึงนั่นแหละไอ้เล็ก แซวอะไรไม่รู้เรื่อง” ศักดิ์ชัยตำหนิคนที่พูดไม่คิด
“เอ้า มันแปลกตรงไหน ไม่เห็นต้องซีเรียสเลย แต่งไม่แต่งก็เรื่องของมัน ใช่เป็นที่กูแซวที่ไหน”
“พอๆ เลิกเถียงกันได้แล้ว” ขุนพลเอ่ยห้ามทัพ ก่อนจะหันมาเพื่อจะกระซิบบางอย่างกับอาทิตยา ที่ทำหน้าตาสงสัยเมื่อเขาพยักหน้าให้เธอขยับหูไปใกล้ๆ
“กระซิบกระซาบอะไรกันน่ะ ยังไม่มืดเลยนะพี่คิง” วรฤทธิ์เอ่ยดักทันทีเมื่อหันมาเห็นท่าทางชวนสงสัยของว่าที่บ่าวสาว
แต่แทนที่ขุนพลจะตอบคำถาม กลับเอ่ยอย่างคนที่ทนไม่ไหวแล้ว
“ไอ้ม่อน ไอ้บาส กินเร็วๆ เสร็จแล้วก็เอาไอ้เล็กไปเก็บไกลๆ กูที รำคาญว่ะ”
“เฮ้ย! อะไรวะ เออๆ ไม่แซวแล้ว”
วรฤทธิ์โวยวาย แต่สุดท้ายทั้งหมดนั่นก็ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง อยู่คุยเฮฮากันอีกหลายชั่วโมง กว่าจะแยกย้ายก็เกือบสี่ทุ่ม เล่นเอาเจ้าของห้องทั้งสองคนอาบน้ำเสร็จก็สลบเหมือดทันที เพราะความอ่อนเพลียจากภารกิจที่มีมาทั้งวัน...
ระหว่างทางกลับบ้าน ศุภณัฐทำหน้าที่ขับรถ ข้างๆ มีนีรนาถนั่งเคียงคู่มาด้วย ก็เหมือนขามาที่เขาไปรับเธอมาด้วยกัน ตอนขากลับก็ต้องไปส่งแน่อยู่แล้ว ทุกอย่างควรจะราบรื่นดี เสียตรงที่บรรยากาศในรถมันเงียบเชียบเกินไปหน่อย
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง น่าจะตั้งแต่ที่คอนโดของขุนพลกับอาทิตยา ตอนที่ถูกแซวว่าจะเป็นคู่ต่อไปที่ได้แต่งงานนั่นล่ะมั้ง
ไม่มีใครรู้ว่าศุภณัฐกำลังคิดอะไรอยู่ แต่สีหน้าท่าทางเขาไม่สู้ดี และนั่นก็ทำให้นีรนาถคิดมากตามไปด้วย ผลสุดท้ายทั้งคู่จึงนั่งรถกลับบ้านด้วยกันโดยไร้การสนทนา
ราวๆ สามสิบนาทีได้ที่รถเคลื่อนมาจอดที่หน้าบ้านของหญิงสาว จังหวะที่รถนิ่งสนิททั้งคู่ก็หันมามองหน้ากันโดยอัตโนมัติ คราแรกต่างคนต่างทำท่าจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ครั้นหันมาเห็นกันโต้งๆ อย่างนั้นก็พานพากันเม้มปากแน่น
ใครเลยจะรู้ว่าดูเผินๆ แล้วความรักของสองคนนี้เหมือนจะดี ราบรื่นละมุนละไม ต่างฝ่ายต่างแคร์ซึ่งกันและกันมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับปากแข็งและเอาเรื่องด้วยกันทั้งคู่ เรื่องจะง้อหรืออ้อนวอนอะไรดูจะไม่ค่อยปรากฏตั้งแต่คบกันมา
ดูอย่างตอนสมัยเรียนปริญญาตรีนั่นประไร ถ้าไม่ได้ขุนพลช่วยเป็นกาวใจให้ ไฉนเลยจะได้กลับมามีวันนี้ที่ได้คบกันต่อ
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายความรักมักชนะทุกอย่าง หรืออย่างน้อยก็เกือบทุกอย่าง หลายคนยอมทำทุกอย่าง แม้แต่สิ่งที่ตัวเองไม่คิดว่าจะอยากทำ เพื่อพยุงจิตใจของคู่รักและรักษาความรู้สึกดีๆ ให้คงอยู่ต่อไป ศุภณัฐเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ท้ายที่สุดเขาเลยยอมเลือกที่จะโยนความอึดอัดใจทิ้งไปแล้วเปิดปากก่อน เหมือนในอดีตที่ผ่านมาก็มักจะเป็นฝ่ายรอและง้อก่อนเสมอ
“ฝันดีนะ”
ว่าจบมือหนาก็ยกขึ้นยีผมยาวสลวยสีดำธรรมชาติของเธอเบาๆ เล่นเอาคนที่กังวลมาตลอดทางที่นั่งรถมากับเขายิ้มออกมาได้
นีรนาถเลยปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วขยับไปหอมแก้มเขา ก่อนจะยกมือน้อยขึ้นลูบตรงบริเวณที่ตนเพิ่งฝังจูบลงไป เล่นเอาชายหนุ่มผงะถอยหนีนิดๆ พร้อมกับยิ้มเขิน
“จู่โจมตลอด” เขาพึมพำ ก่อนจะดึงมือน้อยข้างที่รุกรานแก้มเขานั่นมาจูบแรงๆ
“เค้าไปก่อนนะ ขับรถดีๆ ล่ะ ถึงบ้านแล้วไลน์บอกด้วย” สาวเจ้าว่าเมื่อเขาปล่อยมือเธอเป็นอิสระแล้ว
“โอเค”
เมื่อเขารับปากแข็งขัน นีรนาถก็ยิ้มหวานอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเพื่อจะเปิดประตูลงจากรถ แต่ยังไม่ทันจะได้สัมผัสที่เปิดเลยด้วยซ้ำ คนที่บอกให้เธอฝันดีก็ขยับมาชิดแล้วรวบกอดเอวเธอไว้แน่น
“อะไร จะเข้าบ้านแล้ว” ถามพร้อมกับเอียงคอไปมอง
แต่แทนที่จะได้รับคำตอบ กลับกลายเป็นได้รับจูบหนักๆ ที่แก้มนุ่มของเธอซะอย่างนั้น และเขาก็จูบแล้วจูบอีกแรงๆ ไม่ยอมหยุด
“อื้อ พอแล้ว”
นีรนาถประท้วง แม้การกระทำของเขาไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว ด้วยรู้ดีว่าเขามีลิมิตในการสัมผัสเธออยู่แล้ว แต่นี่มันก็ออกจะเยอะไป เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนด้วยซ้ำ
“โกรธหรือเปล่า เอสไม่น่ารักหรือเปล่าวันนี้”
นีรนาถไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาไปดูคลิปของน้องสายฟ้ากับน้องพายุลูกแม่ชมมาหรือเปล่า และประโยคนั้นก็ทำให้เธออดหัวเราะไม่ได้
“ไม่โกรธ จะโกรธทำไมล่ะ”
“จริงนะ” ศุภณัฐถามย้ำ
“อืม”
เมื่อได้ยินคำยืนยันชายหนุ่มก็กระชับกอดเธอแน่นขึ้น ก่อนจะวางคางลงบนไหล่บางและนิ่งอยู่อย่างนั้นราวกับกำลังใช้ความคิด
“ให้ไปได้ยัง”
“จูบก่อนได้มั้ย”
ฝ่ายชายมีข้อต่อรอง เอาจริงๆ เลยนะ ตั้งแต่คบกันมาได้จับแค่มือกับแขน แล้วก็กอดกับหอมแก้มนานๆ ครั้ง เว้นแต่ว่าเธอจะหอมเขาก่อน ถ้าเธออนุญาตบอกได้เลยว่านี่จะเป็นจูบแรก
“ได้”
จบคำ สัมผัสละมุนจากริมฝีปากหยักก็ประทับลงบนริมฝีปากอิ่มทันที เพียงแค่จูบแผ่วเบาก็ทำให้เราใกล้กันมากขึ้นไปอีก รู้สึกเหมือนกำลังก้าวไปอีกขั้น และมันไม่ใช่ป๊อบปี้เลิฟเหมือนที่เคยเป็นมาอีกแล้ว...