บทนำ ขอ (2)

1003 Words
เมื่อเสร็จจากการสู่ขอเรียบร้อย ขุนพล อาทิตยา เดอะแก๊งทั้งสี่ ร่วมด้วยชลิตาและนีรนาถก็มารวมตัวกันที่คอนโดของขุนพล ที่ซึ่งพวกเขามักจะนัดมาเจอกันบ่อยๆ ตั้งแต่ขุนพลกลับมาจากอเมริกา “พี่คิงนะพี่คิง” “อะไร!” ขุนพลถามกลับพร้อมกับหรี่ตามองวรฤทธิ์ราวกับกำลังสั่งทางสายตาว่าให้อีกฝ่ายพูดสิ่งที่อยากพูดออกมาสักที “รีบไปไหน ยังไม่สามสิบเลย” วรฤทธิ์ไม่ได้คิดว่าการแต่งงานเป็นเรื่องเลวร้าย เพียงแต่เขาไม่เคยจินตนาการมาก่อน ว่าคนอย่างขุนพลที่หนักแน่นแข็งแกร่งและจริงจังอย่างขุนเขาจะมีเมียแล้ว! “แล้วไง” คนที่กำลังจะเป็นเจ้าบ่าวเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ พร้อมกับยกแก้วโค้กขึ้นดื่ม พอเห็นอาทิตยาเดินถือจานยำหมูยอที่นีรนาถทำเสร็จแล้วออกมา เขาก็หันไปยิ้มมุมปากให้เธอ ก่อนจะยื่นมือไปดึงมือข้างที่ว่างของเธอ เพื่อให้เธอนั่งลงข้างเขา “ก็พี่จะมีเมียแล้วอะ แล้วพวกผมล่ะ” วรฤทธิ์ฮึดฮัด ก่อนจะหันขวับเมื่อคนปากหนักตอบกลับมา “กูมีมาตั้งนานแล้วเมียน่ะ” “คิง...” อาทิตยาตีแขนเขาเบาๆ ฝ่ายขุนพลนั้นก็ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้แล้วตักยำหมูยอเข้าปาก “กูว่าแล้ว!” วรฤทธิ์ตบเข่าฉาด ก็เขาตงิดๆ เรื่องนี้มานานแล้วนี่นะ และที่มาพูดๆ อยู่นี่ก็ไม่ใช่เพราะว่าไม่ให้เกียรติเพื่อนอวบหรืออะไร ก็แค่แบบว่าเพื่อนฝูงกลุ่มที่สนิทคุยกันแบบเปิดอกหมดเปลือกน่ะ “ไอ้เล็กเอ๊ย มึงจะอะไรนักหนา อวบแก้มแดงหมดแล้ว” ศุภณัฐเอ่ยขึ้นบ้าง ก่อนจะตักยำหมูยอใส่จานให้แฟนสาวที่เดินมานั่งลงข้างเขา หลังจากเสร็จเรื่องในครัวแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาเย็น และทุกคนตั้งใจซื้อของสดของแห้งมาทำกับข้าวกินมื้อค่ำกันที่นี่ นีรนาถเลยอาสาทำอาหารเย็นให้ ด้วยว่าเธอมีฝีมือในเรื่องนี้ ก็ไม่ได้ดีมากมาย แค่ระดับเสน่ห์ปลายจวักที่อาจทำให้ผัวรักผัวหลงแค่นั้นเอง “ก็พวกมึงชอบว่ากูไง เป็นไงล่ะ ปากก็ด่าแต่ว่ากูกะไอ้เชอรี่ไวไฟ แล้วดู พวกมึงดู คนนิ่งขรึมของพวกมึงยกทัพไปบุกก่อนใครเพื่อน แล้วคนเรียบร้อยเป็นไง เมืองแตกไปก่อนใครเลย” ขุนพลกับอาทิตยาหันมามองหน้ากันทันที ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะก้มหน้าและแอบกัดปากกลั้นยิ้มอย่างอายๆ ไม่กล้าสบตาใครเลยในกลุ่ม ก็แหม มันเรื่องจริงนี่นา เพื่อนเล็กก็แซวเรื่องนี้มาหลายปีดีดักไม่เบื่อเลยหรือยังไง เมืองตงเมืองแตกอะไร เธอแค่ตกเป็นเมืองขึ้นของขุนพลก็แค่นั้นเอง งุ้ย นึกถึงตอนตกเป็นเมืองขึ้นทีไรก็เขินไม่หาย แล้วเพื่อนเล็กก็ยังมาขุดคุ้ยให้ได้อายซ้ำซ้อนอีก บ้าจริงๆ เลย “นี่อย่าบอกนะว่าแกสองคน...” วิบูลย์ชี้นิ้วไปมาที่วรฤทธิ์และชลิตา และแทนที่สาวเจ้าจะเขินอายอย่างทุกครั้งที่ถูกแซว กลายเป็นเชิดหน้าขึ้นแล้วตอบโต้ “จีบง่ายแต่ได้ยากนะคะ!” ว่าพร้อมกับสะบัดหน้าใส่คนหน้าจิ้งเหลนที่ทำหน้ากรุ้มกริ่มใส่เธอ ก็มันพูดได้ไม่เต็มปากนี่! ไม่มีอะไรกันก็จริง เขาทะนุถนอมเธอก็จริง แต่กอดจูบลูบคลำก็รัวๆ นัวๆ กันบ่อย แต่เธอไม่โทษเขาหรอก คนรักกันมันก็ต้องการการสัมผัสแนบชิดกันอยู่แล้ว ที่วรฤทธิ์อดทนได้ทุกครั้งที่นอนกอดกัน เธอก็นับถือเขามากจนไม่รู้จะมากยังไงแล้วนะ “แหม...ฉันล่ะอยากย้อนเวลากลับไปตอนชะนีสามคนกลายร่างเป็นนางมารร้ายประจำคลาสจริงๆ” วรฤทธิ์กระเซ้าอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะร้องอุ๊บออกมาเมื่อโดนมือบางของชลิตาทุบที่หน้าอกไปทีหนึ่งอย่างเอาคืน “ตอนนั้นฉันแรดอยู่” “แล้วตอนนี้?” ศุภณัฐถามพร้อมกลั้นยิ้ม “ก็ยังแรดอยู่ดี” พอชลิตาพูดจบ ทุกคนก็หัวเราะกันครื้นเครง ก่อนที่วรฤทธิ์จะดึงร่างแฟนสาวมาใกล้พร้อมกับหอมแก้มเธอแรงๆ แล้วกระซิบข้างหู “ฉันรู้...ว่าเธอแรดกับฉันแค่คนเดียว” “บ้า” “ฮ่าๆ ก็ลองไปแรดที่อื่นสิ” คำพูดที่ตามหลังเสียงหัวเราะนั้นทำให้ชลิตาชะงัก เพิ่งเคยเห็นมุมนี้ของเขา...น่ากลัวและดูอันตราย “ไม่มีหรอกน่ะ ไม่ต้องมาขู่กันเลย” ทั้งคู่กระเซ้าเย้าแหย่กันไปอีกหน่อย แล้วก็ต้องหันไปสนใจเพื่อนๆ ในกลุ่มเหมือนเดิมเมื่อวิบูลย์โวยวายขึ้น “ไอ้ม่อน! ใจคอมึงจะกินอย่างเดียวเลยหรือไง” “เออ ไอ้นี่ ไม่พูดไม่จา กินเอาๆ” วรฤทธิ์เอ่ยบ้าง ด้วยว่าตั้งแต่อาหารวางลงบนโต๊ะกลมหน้าโซฟาในห้องรับแขก ก็ไม่มีใครได้ยินเสียงศักดิ์ชัยอีกเลย ชายหนุ่มกินเอาๆ อย่างที่วรฤทธิ์พูดจริงๆ “กูหิว” “ไอ้ห่านี่กินเก่งจังวะ ข้าวสองจานแล้วนะมึง” ศุภณัฐเปรยขึ้นบ้าง “กับข้าวอร่อยไง ใช่ไหมม่อน” นีรนาถเอ่ยบอกศุภณัฐยิ้มๆ แล้วหันไปหาศักดิ์ชัยเพื่อให้ยืนยัน และอีกฝ่ายก็พยักหน้ารัวๆ ทันที “ใช่ อร่อยมากอะ ขนาดมีแต่กับข้าวธรรมดาๆ นะ ฉันว่าเธอเปิดร้านอาหารได้เลยนิ้ง” “ไม่เอา” เจ้าตัวปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิดซะอย่างนั้น “ทำไมล่ะ” ศักดิ์ชัยถามต่อ “ก็อยากทำให้แค่คนคนเดียวกินนี่” “ฮิ้ววววว” เสียงเกรียวกราวตื่นเต้นของเพื่อนๆ ทำให้นีรนาถแก้มร้อนผ่าว ก่อนที่เสียงของวรฤทธิ์จะทำให้ทุกคนโห่ร้องดังกว่าเดิม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD