เมื่อเสร็จจากการสู่ขอเรียบร้อย ขุนพล อาทิตยา เดอะแก๊งทั้งสี่ ร่วมด้วยชลิตาและนีรนาถก็มารวมตัวกันที่คอนโดของขุนพล ที่ซึ่งพวกเขามักจะนัดมาเจอกันบ่อยๆ ตั้งแต่ขุนพลกลับมาจากอเมริกา
“พี่คิงนะพี่คิง”
“อะไร!”
ขุนพลถามกลับพร้อมกับหรี่ตามองวรฤทธิ์ราวกับกำลังสั่งทางสายตาว่าให้อีกฝ่ายพูดสิ่งที่อยากพูดออกมาสักที
“รีบไปไหน ยังไม่สามสิบเลย”
วรฤทธิ์ไม่ได้คิดว่าการแต่งงานเป็นเรื่องเลวร้าย เพียงแต่เขาไม่เคยจินตนาการมาก่อน ว่าคนอย่างขุนพลที่หนักแน่นแข็งแกร่งและจริงจังอย่างขุนเขาจะมีเมียแล้ว!
“แล้วไง”
คนที่กำลังจะเป็นเจ้าบ่าวเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ พร้อมกับยกแก้วโค้กขึ้นดื่ม พอเห็นอาทิตยาเดินถือจานยำหมูยอที่นีรนาถทำเสร็จแล้วออกมา เขาก็หันไปยิ้มมุมปากให้เธอ ก่อนจะยื่นมือไปดึงมือข้างที่ว่างของเธอ เพื่อให้เธอนั่งลงข้างเขา
“ก็พี่จะมีเมียแล้วอะ แล้วพวกผมล่ะ”
วรฤทธิ์ฮึดฮัด ก่อนจะหันขวับเมื่อคนปากหนักตอบกลับมา
“กูมีมาตั้งนานแล้วเมียน่ะ”
“คิง...” อาทิตยาตีแขนเขาเบาๆ ฝ่ายขุนพลนั้นก็ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้แล้วตักยำหมูยอเข้าปาก
“กูว่าแล้ว!” วรฤทธิ์ตบเข่าฉาด ก็เขาตงิดๆ เรื่องนี้มานานแล้วนี่นะ และที่มาพูดๆ อยู่นี่ก็ไม่ใช่เพราะว่าไม่ให้เกียรติเพื่อนอวบหรืออะไร ก็แค่แบบว่าเพื่อนฝูงกลุ่มที่สนิทคุยกันแบบเปิดอกหมดเปลือกน่ะ
“ไอ้เล็กเอ๊ย มึงจะอะไรนักหนา อวบแก้มแดงหมดแล้ว” ศุภณัฐเอ่ยขึ้นบ้าง ก่อนจะตักยำหมูยอใส่จานให้แฟนสาวที่เดินมานั่งลงข้างเขา หลังจากเสร็จเรื่องในครัวแล้ว
ตอนนี้เป็นเวลาเย็น และทุกคนตั้งใจซื้อของสดของแห้งมาทำกับข้าวกินมื้อค่ำกันที่นี่ นีรนาถเลยอาสาทำอาหารเย็นให้ ด้วยว่าเธอมีฝีมือในเรื่องนี้ ก็ไม่ได้ดีมากมาย แค่ระดับเสน่ห์ปลายจวักที่อาจทำให้ผัวรักผัวหลงแค่นั้นเอง
“ก็พวกมึงชอบว่ากูไง เป็นไงล่ะ ปากก็ด่าแต่ว่ากูกะไอ้เชอรี่ไวไฟ แล้วดู พวกมึงดู คนนิ่งขรึมของพวกมึงยกทัพไปบุกก่อนใครเพื่อน แล้วคนเรียบร้อยเป็นไง เมืองแตกไปก่อนใครเลย”
ขุนพลกับอาทิตยาหันมามองหน้ากันทันที ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะก้มหน้าและแอบกัดปากกลั้นยิ้มอย่างอายๆ ไม่กล้าสบตาใครเลยในกลุ่ม ก็แหม มันเรื่องจริงนี่นา เพื่อนเล็กก็แซวเรื่องนี้มาหลายปีดีดักไม่เบื่อเลยหรือยังไง เมืองตงเมืองแตกอะไร เธอแค่ตกเป็นเมืองขึ้นของขุนพลก็แค่นั้นเอง
งุ้ย นึกถึงตอนตกเป็นเมืองขึ้นทีไรก็เขินไม่หาย แล้วเพื่อนเล็กก็ยังมาขุดคุ้ยให้ได้อายซ้ำซ้อนอีก บ้าจริงๆ เลย
“นี่อย่าบอกนะว่าแกสองคน...” วิบูลย์ชี้นิ้วไปมาที่วรฤทธิ์และชลิตา
และแทนที่สาวเจ้าจะเขินอายอย่างทุกครั้งที่ถูกแซว กลายเป็นเชิดหน้าขึ้นแล้วตอบโต้
“จีบง่ายแต่ได้ยากนะคะ!” ว่าพร้อมกับสะบัดหน้าใส่คนหน้าจิ้งเหลนที่ทำหน้ากรุ้มกริ่มใส่เธอ
ก็มันพูดได้ไม่เต็มปากนี่! ไม่มีอะไรกันก็จริง เขาทะนุถนอมเธอก็จริง แต่กอดจูบลูบคลำก็รัวๆ นัวๆ กันบ่อย แต่เธอไม่โทษเขาหรอก คนรักกันมันก็ต้องการการสัมผัสแนบชิดกันอยู่แล้ว ที่วรฤทธิ์อดทนได้ทุกครั้งที่นอนกอดกัน เธอก็นับถือเขามากจนไม่รู้จะมากยังไงแล้วนะ
“แหม...ฉันล่ะอยากย้อนเวลากลับไปตอนชะนีสามคนกลายร่างเป็นนางมารร้ายประจำคลาสจริงๆ”
วรฤทธิ์กระเซ้าอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะร้องอุ๊บออกมาเมื่อโดนมือบางของชลิตาทุบที่หน้าอกไปทีหนึ่งอย่างเอาคืน
“ตอนนั้นฉันแรดอยู่”
“แล้วตอนนี้?” ศุภณัฐถามพร้อมกลั้นยิ้ม
“ก็ยังแรดอยู่ดี”
พอชลิตาพูดจบ ทุกคนก็หัวเราะกันครื้นเครง ก่อนที่วรฤทธิ์จะดึงร่างแฟนสาวมาใกล้พร้อมกับหอมแก้มเธอแรงๆ แล้วกระซิบข้างหู
“ฉันรู้...ว่าเธอแรดกับฉันแค่คนเดียว”
“บ้า”
“ฮ่าๆ ก็ลองไปแรดที่อื่นสิ”
คำพูดที่ตามหลังเสียงหัวเราะนั้นทำให้ชลิตาชะงัก เพิ่งเคยเห็นมุมนี้ของเขา...น่ากลัวและดูอันตราย
“ไม่มีหรอกน่ะ ไม่ต้องมาขู่กันเลย”
ทั้งคู่กระเซ้าเย้าแหย่กันไปอีกหน่อย แล้วก็ต้องหันไปสนใจเพื่อนๆ ในกลุ่มเหมือนเดิมเมื่อวิบูลย์โวยวายขึ้น
“ไอ้ม่อน! ใจคอมึงจะกินอย่างเดียวเลยหรือไง”
“เออ ไอ้นี่ ไม่พูดไม่จา กินเอาๆ” วรฤทธิ์เอ่ยบ้าง
ด้วยว่าตั้งแต่อาหารวางลงบนโต๊ะกลมหน้าโซฟาในห้องรับแขก ก็ไม่มีใครได้ยินเสียงศักดิ์ชัยอีกเลย ชายหนุ่มกินเอาๆ อย่างที่วรฤทธิ์พูดจริงๆ
“กูหิว”
“ไอ้ห่านี่กินเก่งจังวะ ข้าวสองจานแล้วนะมึง” ศุภณัฐเปรยขึ้นบ้าง
“กับข้าวอร่อยไง ใช่ไหมม่อน”
นีรนาถเอ่ยบอกศุภณัฐยิ้มๆ แล้วหันไปหาศักดิ์ชัยเพื่อให้ยืนยัน และอีกฝ่ายก็พยักหน้ารัวๆ ทันที
“ใช่ อร่อยมากอะ ขนาดมีแต่กับข้าวธรรมดาๆ นะ ฉันว่าเธอเปิดร้านอาหารได้เลยนิ้ง”
“ไม่เอา” เจ้าตัวปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิดซะอย่างนั้น
“ทำไมล่ะ” ศักดิ์ชัยถามต่อ
“ก็อยากทำให้แค่คนคนเดียวกินนี่”
“ฮิ้ววววว”
เสียงเกรียวกราวตื่นเต้นของเพื่อนๆ ทำให้นีรนาถแก้มร้อนผ่าว ก่อนที่เสียงของวรฤทธิ์จะทำให้ทุกคนโห่ร้องดังกว่าเดิม