อาทิตยาตาโตกับคำกล่าวของเขา แต่ก็จนด้วยคำพูดจะตอบโต้เลยได้แต่เม้มปากแน่น และพอไม่รู้ว่าจะแก้เขินยังไงที่โดนเขาวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาแบบนั้น ก็เลยพลิกกายหมายจะตะแคงหันหน้าหนีเขา
แต่ขุนพลก็ไม่ยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน แถมยังเอ่ยในสิ่งที่ทำเอาเธอหน้าแดงแข่งกับแสงนวลสลัวของพระจันทร์
“เอาเท่าที่ได้นะ หลับกลางอากาศห้ามว่ากัน”
“บ้า คิงน่ะพูดอะไรก็ไม่รู้”
“ก็นี่มันคืนเข้าหอนะเว้ยเฮ้ย ไม่รู้ล่ะ เธอต้องช่วยฉัน เราต้องช่วยกัน ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่ไหวก็หลับในระหว่างทำภารกิจได้เลย โอเคมั้ย”
อาทิตยาไม่กล้าส่งเสียงออกมาสักแอะ เลยได้แต่พยักหน้าพร้อมกับเม้มปากกลั้นรอยยิ้มเขินอายอย่างยากลำบาก
ใครจะคิดว่าบทจะโหดหื่นและฝืนกำลัง ขุนพลก็เป็นไปได้ นี่คือคนนิ่งขรึมและจริงจังไปกับทุกเรื่องแน่ไหมนะ
ตอนนี้อาทิตยารู้สึกว่าเขาเหมือนหน่วยซีลที่กำลังฝึกหนักอยู่ยังไงยังงั้นเลย
“อื้อ...” คิดอะไรเพลินๆ ก็ต้องครางออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ด้วยว่าคนที่ก็น่าจะง่วงไม่ต่างจากเธอกดจูบแรงๆ ลงบนลำคอขาวผ่อง มือไม้ของเขาก็เริ่มเลื้อยไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีจุดหมาย แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าสอดล้วงเข้ามาหยอกล้อกับภูเขาคู่ที่เขารักนักรักหนา มีเวลาเมื่อไหร่ก็ชวนเธอไปปีนป่ายอยู่เรื่อย
และตอนนี้ก็ปีนอย่างเป็นทางการแล้วสินะ ซ้อมปีนมานานจนคล่องแล้วนี่!
ส่วนคนที่ทำหน้าที่เป็นภูเขาให้เขาไต่ก็รู้งานไม่ต่างกัน เมื่อภารกิจเริ่มเข้มข้น เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ถูกดึงถูกถอดอย่างเร่งรีบโดยคนตัวอวบที่ถูกความวาบหวิวเล่นงาน ก็คนที่นำพาความหวามไหวมาให้เธอเขาไม่ว่างนี่ ต้องปลุกเร้าเย้าแหย่ สร้างความกระสันแผ่ผ่านไปทั่วเรือนกายอวบอั๋น เธอเลยต้องรับบทคนช่วยถอดเสื้อผ้า
เครื่องปรับอากาศที่เย็นฉ่ำหาได้ทำให้ความร้อนในกายของทั้งคู่ลดลงไม่ อาจเพราะต่างคนต่างยังไม่แก่และแข็งแรงด้วยกันทั้งคู่ เครื่องเลยฟิตสตาร์ตติดง่าย ไม่ว่าจะเกิดการจู่โจมกันในรูปแบบไหนก็หาใช่ปัญหา
แม้กระทั่งความง่วงที่ต่างคนต่างรู้สึกว่าอยากนอนมากกว่าสิ่งอื่นใด ก็ยังไม่สามารถดับไฟรักที่กำลังลุกโหมในตอนนี้ได้เลย
ในสมรภูมิรบ ขุนพลคือนายทัพที่นำพาเหล่าทหารไปต่อสู้และประหัตประหารศัตรูให้แพ้พ่าย
แต่ในสมรภูมิรัก ขุนพลคือสามีที่หยิบยื่นความรัญจวนใจให้แก่เมียตัวอวบของเขา
“อวบ...เอามือออก!”
ขุนพลคำรามบอก เมื่ออาทิตยาบิดกายไปมาพร้อมกับยกแขนขึ้นปิดบังเนินเนื้ออก ที่เขาเพิ่งทำให้มันชูช่อล่อแสงจันทร์ไปหยกๆ
ก็รู้อยู่ว่าเขาชอบปีนเขา จะมาขัดใจกันแบบนี้ไม่ได้!
“อ๊ะ...”
อาทิตยาครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อถูกเขาลงโทษด้วยการดูดเม้มลำคอแรงๆ
ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะยกขึ้นไปโอบรอบลำคอหนาของคนที่กำลังจ้องเธอด้วยสายตาแพรวพราวตามการจับดึงของเขา
ความอวบอิ่มเต่งตึงที่ไร้การปิดบังนั้น ยั่วเย้าให้เขาต้องก้มลงไปคลุกเคล้าอีกคราอย่างอดใจไม่ไหว เสมือนคนที่หมกมุ่นอยู่กับอะไรและไม่อยากจะโงหัวขึ้นมา ยินดีที่จะจมอยู่กับความนุ่มนิ่มนี้ไปเรื่อยๆ
แต่สุดท้ายขุนพลก็ต้องผละจากการปีนเขาที่แสนหวานนั้น เพื่อจะได้พาอาทิตยาล่องลอยไปในวิมานด้วยการสัมผัสอันลึกซึ้งซึ่งสอดประสานกันอย่างสอดคล้อง
และพอถึงจังหวะที่อารมณ์พุ่งถึงขีดสุด เขาก็ยืดระยะเวลาแห่งความปรีดาออกไปอีก ด้วยการปรับเปลี่ยนให้เธอเป็นฝ่ายพลิกกายขึ้นมาอยู่ด้านบน เล่นเอาคนที่ยังนับว่าอ่อนเดียงสากว่าเขาหลายเท่าหน้าแดงก่ำ
“ไม่เอา”
“อย่างอแง”
อาทิตยาเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงคราง ยอมทำตามใจเขาไม่มีเกี่ยงงอน ก่อนจะทรุดกายลงกอดเขาไว้แน่นเมื่อเส้นชัยสุดท้ายอยู่ใกล้แค่ปลายเอื้อม แต่เธอไม่ไหวที่จะวิ่งต่อเพื่อไปแตะขอบฟ้าแล้ว
ขุนพลกอดรัดร่างอวบอิ่มแนบแน่น เข้าใจในความไม่คล่องแคล่วที่อีกฝ่ายมี แต่ไม่ได้เก็บเอามาคิดให้รกสมองแต่อย่างใด
เพราะสุดท้ายเขาและเธอก็สามารถจับจูงพากันไปนั่งจิบน้ำหวานในทุ่งดอกไม้ไร้ที่ผู้คน มีเพียงเธอและเขาเท่านั้นที่เข้าใจว่าความรู้สึกดังกล่าวมันวิเศษแค่ไหน
“น่ารักจัง” คนไม่ค่อยชมใครง่ายๆ กระซิบบอกคนที่ยังหอบหายใจเหน็ดเหนื่อยที่ซุกอยู่กับอกเขาในตอนนี้
และครั้นเธอช้อนสายตาขึ้นมามอง เขาก็ก้มลงไปจูบขมับชื้นเหงื่อนั้นแรงๆ อย่างแสนรัก ตามด้วยจูบปากอิ่มแรงๆ
“อุ๊บเหนื่อย...” อาทิตยาว่าเสียงแผ่ว
“อืม...เหนื่อยก็นอน”
ขุนพลพูดจบก็ดึงผ้าห่มมาคลุมให้ทั้งเขาและเธอ ก่อนจะยอมปล่อยให้คนน่ารักพลิกกายตะแคงหันหลังให้อย่างที่เธอปรารถนา แต่ก็มิวายขยับไปกอดรัดแนบชิด และบีบนวดอกอิ่มเบาๆ เป็นเชิงปลอบประโลมให้เธอนอนหลับฝันดี
ใช้เวลาไม่นานอาทิตยาก็หลับสนิทแน่นิ่งไป ทิ้งขุนพลให้นอนลืมตาโพลงอยู่อย่างนั้น ทั้งที่เหนื่อยและง่วงมากแท้ๆ แต่ดูเหมือนว่าเขายังสามารถปีนเขาได้อีกหลายลูกเลยทีเดียว...