EP.08 สินค้าลองของ

1148 Words
พนักงานฝ่ายผลิตที่กำลังเดินตรงมาพร้อมในมือมีกล่องพลาสติกสีแดงแจ๋ติดมาด้วยทำให้สยามและพักพวกหันมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย สายตาเจ้าเล่ห์พร้อมรอยยิ้มกระหยิ่มย่องราวกับว่าของถูกใจมาถึงแล้วเพราะของในกล่องสีแดงนั้นจะเป็นอะไรไปได้ถ้าไม่ใช่...ของที่คาดว่าจะเสียประจำวัน เพราะหลักการคัดแยกชิ้นงานที่ผลิตประจำวันนั้นจะมีวิธีการคัดแยกโดยให้นำชิ้นงานได้คุณภาพใส่ไว้ในกล่องสีน้ำเงินและนำชิ้นงานก้ำกึ่งระหว่างได้คุณภาพกับไม่ได้คุณภาพใส่ไว้ในกล่องสีแดงเพื่อนำส่งให้ฝ่ายรับประกันคุณภาพตรวจสอบ “มาแล้ว สินค้าลองของ” “ดี เดี๋ยวมาคอยดูกันว่า ผู้จัดการคนใหม่ของกูจะฝ่าดงเส้นใหญ่ออกมาได้หรือเปล่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า...” สยามและพรรคพวกหัวเราะร่าเมื่อคิดว่าสิ่งที่จะนำไปลองของนี้ ผู้จัดการคนใหม่คงแก้ไขได้ยากเต็มทน แค่จะหยิบจับเอกสารมาตรวจสอบก็ไม่รู้ว่าจะหยิบจับได้ถูกหรือเปล่า แล้วมันจะไปทันเวลาที่ฝ่ายการผลิตรอคอยได้ยังไง “หัวหน้าครับ ชิ้นงานมันไม่ได้ขนาดครับ” สยามเดินตรงเข้าไปถามกฤปมัยอย่างไม่รู้ไม่ชี้ว่าผู้จัดการเพิ่งมาทำงานวันแรกและทุกคนก็รู้ว่าเขาไม่มีประสบการณ์ด้านการตรวจสอบคุณภาพมาก่อน วีระยุทธถลึงตาใส่สยามที่ยังคงทำท่าไม่รู้ไม่ชี้แต่เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวป่วนไม่รับมุข วีระยุทธจึงรีบเดินเข้ามารับงานเสียเอง “มาครับคุณดิน เดี๋ยวผมดูเอง งานแค่นี้ไม่ต้องให้คุณดินดูหรอกครับ” “ได้ไงกันยุทธ จะงานเล็กงานน้อยผมก็ต้องรู้ไม่ใช่เหรอไม่งั้นจะเซ็นเอกสารตรวจสอบให้พวกคุณได้ยังไงล่ะ เอามานี่สิ ชื่อสยามใช่มั้ย” ดวงตาคมเข้มสบสายตากับวีระยุทธก่อนจะหันมองพนักงานที่เขาหมายตาไว้ “เอ่อ...ครับ” สยามก้มหน้ารับคำ น้ำเสียงทุ้มๆ ไม่แสดงอารมณ์หรือความประหม่ากับงานชิ้นแรกสักนิดมันทำให้เขารู้สึกหวาดๆ ว่าครั้งนี้คงไม่ได้ผล “เราทำงานดีหนิ ปีนี้ยังไม่ได้หยุดงานเลยไม่ใช่เหรอ น่ายินดีแทนบริษัทนะที่มีพนักงานอย่างนาย” กฤปมัยเอ่ยบอกพลางมองสำรวจชิ้นงานที่สยามนำมามอบให้เพื่อลองภูมิ มีไม่กี่คนที่กล้าชนกับความไม่ถูกต้องและสยามก็นับเป็นหนึ่งในนั้นตามที่เขาได้รับรายงานมา “คะ...ครับ ขอบคุณครับ” สยามรับคำพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ ที่เข้าจู่โจม นานแล้วที่ไม่มีใครชมเขา แม้จะเป็นคำเอ่ยเพียงเท่านี้ แต่ทำไมนะเขากลับรู้สึกว่าหัวใจมันพองโตเกือบเท่าบ้าน “ไหนดูซิ ตรงไหนไม่ได้ขนาด ยุทธผมรบกวนช่วยหยิบ WI (ขั้นตอนการปฏิบัติงาน) ของชิ้นงานตัวนี้ให้ที” สยามมองการวิเคราะห์สาเหตุของชิ้นงานที่ไม่ได้ขนาดจากผู้จัดการคนใหม่อย่างอึ้งๆ ท่าทีของเขาไม่เหมือนคนไม่เคยผ่านงานด้านนี้เลยสักนิด ทั้งเครื่องมือ ทั้งเอกสารการตรวจวัด เขาดูคล่องดูรู้จักไปทุกอย่าง แต่มันอาจจะเป็นเหตุบังเอิญที่เจอตัวง่ายก็ได้ เวลายังอีกยาวไกล พรุ่งนี้อาจจะมีเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ใหญ่กว่านี้ก็ได้ การลองของยังไม่จบง่ายๆ แน่ แม้ส่วนลึกในใจจะบอกว่าการลองของครั้งต่อไปคงไม่จำเป็น แต่อีกสักครั้งเพื่อพิสูจน์จะเป็นไรไป “งั้นสยามไปให้ทางฝ่ายผลิตเขาปรับตามนี้ก็แล้วกันนะ” กฤปมัยส่งชิ้นงานและผลการวิเคราะห์จุดควรแก้ไขที่วีระยุทธและสยามช่วยกันเสนอความคิดเห็นก่อนจะมอบหมายให้สยามนำไปแจ้งแก่ฝ่ายการผลิตให้ปรับแก้ตามคำแนะนำ “ครับ” สยามรับคำ ท่าทีแข็งๆ ในคราแรกดูจะอ่อนลงมากอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่เพียงสยาม แต่วีระยุทธและพนักงานคนอื่นๆ ก็ต่างมองดูกฤปมัยอย่างอึ้งปนทึ่งเช่นเดียวกัน เพราะเอกสารที่เขาเรียกหารวมทั้งเครื่องมือที่ใช้ตรวจวัดทุกอย่างนั้น เขาทำราวกับว่าคุ้นเคยกับมันมาเป็นอย่างดี แม้จะรู้ว่าสยามอยากจะลองภูมิแต่วีระยุทธก็คงจะต้องตักเตือนเสียบ้างที่บังอาจปีนเกลียวผู้จัดการถึงขนาดนี้ “คุณดินครับ เที่ยงแล้วไปทานข้าวกันเถอะครับ” วีระยุทธเอ่ยชวนผู้จัดการหมาดๆ ความสามารถของผู้จัดการเขาไม่กังขา แต่ภูมิคุ้มกันเรื่องอย่างว่าคงต้องดูกันไป และเขาก็หวังอย่างที่สุดว่า คนที่ท่านพามาเองจะเป็นคนที่ท่านไว้วางใจ “อืม...ไปสิ” “เดี๋ยวผมพาไปที่โรงอาหาร จะได้ทำความรู้จักกับฝ่ายอื่นๆ ไปด้วย เวลาผ่อนคลายน่ะครับ โรงอาหารนี่แหละดีที่สุด ที่เม้าท์ของบรรดาสาวๆ และก็ที่สังสรรค์ของหนุ่มๆ อย่างเรา” กฤปมัยยิ้มรับกับมิตรภาพที่วีระยุทธหยิบยื่นให้ แม้จะเป็นวันแรกของการเริ่มงานภายใต้อาณาจักรของ ‘รัตนโอฬารสภา’ ที่เต็มไปด้วยสิ่งกังวลใจหลายอย่าง แต่ไมตรีจิตที่ได้รับจากพนักงานหลากหลายคนก็ทำให้เขามีกำลังใจขึ้นมาได้ แม้จะรู้ดีว่าถูกลองภูมิ แต่ทั้งหมดก็มาจากพนักงานเหล่านั้นมีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ใช่พร้อมจะเดินตามสิ่งที่คนอื่นชี้นำ ซึ่งคนแบบนี้แหละที่เขาต้องการ เพราะฐานสำคัญของธุรกิจก็คือ ‘พนักงาน’ ไม่ใช่ผู้บริหารอย่างเขา ไพโรจน์ชำเลืองมองลูกกวางตัวน้อยที่เหมือนจะประหม่ากับการที่ต้องออกมาข้างนอกกับเขาสองต่อสองทั้งที่ยังไม่ได้ทำความรู้จักกันดีเท่าที่ควร แต่ว่า...เขามันคนใจร้อน “เที่ยงแล้ว เดี๋ยวแวะทานข้าวกันก่อนละกันนะ ตอนนี้เขาก็คงจะพักเที่ยงเหมือนกัน เดี๋ยวบ่ายโมงเราค่อยเข้าไป” น้ำเสียงเอ่ยบอกสุภาพ แต่หน้าอกที่ใหญ่เกินตัวของสาวแรกรุ่นมันก็อดไม่ได้ที่จะทำให้มือกำพวงมาลัยสั่นเล็กๆ “เอ่อ...ค่ะ แล้วผู้จัดการจะทานข้าวที่ไหนคะ ดิฉันไม่เห็นมีร้านอาหารเลย” ดวงตาใสแป๋วชำเลืองมองสองฝั่งถนนที่มีเพียงโรงงานอุตสาหกรรมหรือไม่ก็เนินดินสูงๆ ยังไม่เห็นจะมีจุดใดที่บ่งบอกว่าเป็นร้านอาหารให้เห็นเลยสักนิด แม้เสียงที่เอ่ยชวนจะเป็นเพียงคำเรื่อยๆ ไม่ได้หยาบโลน แต่สายตาลอบสำรวจเธออยู่บ่อยๆ มันก็รู้ได้นะว่าคิดอะไรอยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD