เสียงเครื่องจักรดังตึงตังที่ได้ยินอยู่ตลอดเวลานั้นมันทำให้เธอเกิดความรู้สึกไม่สบายตัวยังไงชอบกล ดาวินีไม่ชอบอะไรที่มันเป็นเสียงอึกกระทึกครึกโครมอย่างนี้ แต่มันเลือกไม่ได้นี่ เพราะทุกบริษัทที่เรียกสัมภาษณ์เมื่อเธอบอกเหตุผลของการลาออกจากที่เก่าก็ไม่มีที่ไหนยอมรับ...มีแต่ที่นี่ และถ้าเธอเล่นตัวไม่เอาก็คงไม่ได้ เมื่อเรียนจบแล้วเธอก็อยากจะหางานทำด้วยตัวเองไม่อยากรบกวนเงินคุณพ่อคุณแม่อีก แค่ว่างงานมา 2 เดือนก็รู้สึกเกรงใจท่านจะแย่แล้ว
แม้ว่านายดาบพิชิตผู้เป็นพ่อนั้นอยากจะให้ลูกสาวพักผ่อนอยู่บ้านให้นานกว่านี้ จะได้มีเวลาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกบ้าง แต่ดาวผู้เป็นแม่นั้นกลับอยากให้ลูกสาวอยู่ได้ด้วยตัวเอง เพราะหากไม่มีพ่อแม่คอยอุ้มชูจะได้ไม่ลำบาก ซึ่งเธอก็คิดอย่างเดียวกับแม่ และเงินเดือนที่นี่ก็ยั่วน้ำลายได้ไม่เลวเสียด้วย แต่สิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ต่อหน้านี้จะเรียกว่าอะไร มันจะคุ้มกับเงินเดือนจริงเหรอ
“ว่าไง เตรียมตัวพร้อมหรือยัง” ลูกไก่ตัวน้อยน่าตาจิ้มลิ้มมากกว่ารูปที่เห็นเมื่อวานทำท่าตกใจเล็กๆ เมื่อเขาเอ่ยเรียก ใสๆ ซื่อๆ แบบนี้แหละที่เขาชอบ ไพโรจน์มองสำรวจตรวจตราเรือนร่างบอบบางแต่บางจุดก็ไม่ได้แบนอย่างที่คิด และเขารู้ว่าของจริง เพราะมันกระเพื่อมทุกครั้งยามเจ้าของร่างนั้นเอี้ยวตัวไปมา
“เอ่อ...ค่ะ”
ดาวินีรับคำอย่างงงๆ เพียงมาทำงานวันแรกก็รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว เพราะสายตาของผู้จัดการหนุ่มใหญ่ที่มองดูเธออยู่ตลอดเวลานั้น มันทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก และสำหรับพนักงานใหม่อย่างเธอแค่วันแรกก็ต้องออกไปพบผู้จำหน่ายแล้วเหรอ
“เดี๋ยวผมจะไปรอข้างนอก ตามไปละกัน ยุรีเอาเอกสารให้น้องเขาถือไปด้วย”
ไพโรจน์พูดพลางเดินออกไปด้านนอกซึ่งเธอก็พอจะเดาได้ว่าเขาคงจะไปรออยู่ที่ลานจอดรถด้านหน้าบริษัทเป็นแน่
“นี่จ้ะเอกสาร น้องดีดี้คนดีทำตัวดีๆ ว่านอนสอนง่ายนะจ๊ะ อะไรที่ผู้จัดการเขาให้ทำก็ทำไปเหอะ อนาคตการงานจะได้รุ่งโรจน์ ไม่รุ่งร่วง โอ๊ะ! พี่ยุรีพูดมากไปเสียแล้ว อย่าคิดอะไรมากนะจ๊ะ ไปเถอะจ้ะเดี๋ยวผู้จัดการคอยนาน” น้ำเสียงและท่าทางใส่จริตจนดูกลายเป็นบุคลิกอันปกติของมยุรีไปเสียแล้ว เอ่ยออกมาราวกับลืมไปแล้วว่าเมื่อเช้านี้เธอพูดอะไรไว้บ้าง
‘โหย...นังงิ้ว อย่าคิดมากนะจ๊ะ ก็หล่อนนั่นแหละทำให้ฉันคิด’
ดาวินีคิดในใจก่อนจะรีบออกจากออฟฟิศเร่งฝีเท้าให้ทันไพโรจน์ที่น่าจะเตรียมรถเสร็จแล้ว เพราะสารพัดกิตติศัพท์ทั้งความเจ้าชู้มือไว ทั้งความเคี่ยวในการทำงานที่แม่มยุรีตัวดีเล่าให้เธอฟังถึงผู้จัดการหนุ่มใหญ่คนนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ มันก็ทำให้เธอขยาดเสียจนอยากจะวิ่งออกจากบริษัททั้งที่ยังไม่ได้เริ่มงานเลยสักนิด และหนังหน้ายังกะนางงิ้วยังจะมาบอกไม่ให้คิดมาก อย่างนี้จะไม่ให้คิดได้ไงเล่า
“โอ๊ะ! ขอโทษครับ / ขอโทษค่ะ”
เพราะคิดเรื่อยเปื่อยบวกกับความเร่งรีบทำให้ไม่ทันมองว่าจะมีใครเลี้ยวมาชน ดาวินีย่อกายลงเก็บเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นอย่างเร็วและเขาก็ก้มลงช่วยเก็บเช่นกัน
ใบหน้าน้อยๆ ที่อยู่ไม่ห่างกันเท่าไรเป็นสิ่งแรกที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองเห็น โดยเฉพาะแก้มสีชมพูระเรื่อที่ดูจะเขินอายกับกิริยาเปิ่นๆ ของตัวเองนั้นก็ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ เพราะความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มกระตุกวาบขึ้นในใจและมันไม่ใช่ครั้งแรก
“เดินระวังหน่อยสิ เริ่มงานวันแรกก็ได้เรื่องเลยนะ” น้ำเสียงเข้มปนตำหนิทั้งที่มันตรงกันข้ามกับความคิดที่พุ่งตรงสู่จุดที่ก่อให้เกิดความวาบหวิว และเขาก็ต้องกำจัดให้ได้โดยเร็วเพราะไม่ใช่เวลาสักนิดที่จะมาเกิดความรู้สึกแบบนี้กับใคร
เสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาทำให้ดาวินีที่เงยหน้ามองเขาถึงกับเอ๋อ คำพูด ‘ขอบคุณและขอโทษ’ ที่เตรียมไว้ต้องเก็บคืนสู่ลำคอโดยเร็ว เพราะสายตาดุๆ ปนไม่พอใจนั้นมันทำให้เธอชะงักค้าง และเพราะใบหน้าที่ใกล้กันเสียขนาดนี้มันทำให้เธอถึงกับพูดไม่ออก ก็เขาน่ะ ‘หล่อได้ใจจริงๆ’
“จะมองอีกนานมั้ยครับ รีบไปไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยย้ำเมื่อคนใกล้ๆ ตรงหน้านี้ยังตะลึงมองเขาไม่วางตา
“เอ่อ ค่ะ...ขอโทษค่ะ ฉันรีบ” ความร้อนพุ่งวาบพร้อมๆ กับใบหน้าที่คงฟ้องไปทั้งหมดว่าเธอคิดอะไรอยู่แต่ก็ยังไม่วายที่จะมองสำรวจใบหน้าหล่อๆ นั้นแบบห้ามใจไม่ไหว ก็ใกล้กันขนาดนี้เธอจะพลาดได้ไง
“รีบ...ก็ไปสิครับ” น้ำเสียงเย็นชาจนออกจะดุ พร้อมสายตาที่บอกเป็นนัยว่าดูออกนะว่าเธอคิดอะไรอยู่ส่งตรงไปยังคนที่ทำตาโตๆ แสนจะน่ารักนั้น
‘งึ่ม...หยาม หยามกันชัดๆ อดทนไว้ไอ้ดี้ อดทนไว้ งึ่ม...’ แววตาของเขาเธอแปลออก เขากำลังมองว่าเธอเป็นผู้หญิงที่หลงละเมอกับคนหล่อ ใช่...เขาคิดถูก เธอก็เลยต้องทนอย่างนี้ไงล่ะ
“รีบค่ะ! ขอเอกสารคืนด้วย คุณผู้จัดการ QA.” น้ำเสียงเข้มขึ้นตามสีหน้าที่มันอายจนแทบจะแทรกแผ่นดิน และต้องไปให้พ้นจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดด้วย
ใบหน้าสวยจิ้มลิ้มที่เชิดขึ้นและเขาก็เห็นแววไม่สบอารมณ์อยู่ในนั้น ‘ผู้หญิงแสนงอนไม่ชอบเลย’ กฤปมัยคืนเอกสารให้ก่อนจะก้าวเดินผ่านไปเหมือนเธอเป็นเพียงอากาศธาตุ เพราะหากยังขืนรั้งตัวเองให้ช้ากว่านี้เขาอาจจะเผลอทำอะไรไม่เข้าท่าแน่ๆ
‘ผู้ชายร้ายกาจ ฝากไว้ก่อนเหอะ เพราะหล่อนะถึงให้อภัย เชอะ!’
ดาวินีมองตามร่างสูงที่เดินผ่านไปในใจนั้นอยากจะไปขย้ำคอและกัดแรงๆ ให้หายมันเขี้ยวสักที แต่พี่ยามใจดีที่ยืนมองพลางพยักพเยิดกับเธออยู่นั้นทำให้รู้ว่าคนที่คอยเธออยู่คงจะอารมณ์ใกล้บูดเต็มทีแล้วที่เธอออกมาช้า