“กระเป๋าเสื้อผ้ามีเยอะมั้ยจะได้ให้เด็กไปยก เดี๋ยวจะพาไปดูห้อง”
“ท่านครับ...”
เกียรติกรชะงักกับคำเรียกขานของเขา สีหน้ามีแววเศร้าเพียงนิดก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มอย่างรอคอยสิ่งที่เขาจะพูดออกมา
“ผมเช่าห้องไว้แล้ว อยู่ด้านหลังโรงงานนี่แหละครับ” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปเขาคิดว่าสุภาพที่สุดแล้ว เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนความรู้สึกกันและกันไปมากกว่านี้ ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะปฏิเสธความหวังดีนั้น แต่เพราะไม่อยากสร้างความยุ่งยากที่เริ่มก่อเค้าให้มากไปกว่านี้
สิ่งที่เขาพูดเป็นคำตอบได้ดีอยู่แล้ว ทว่าแววตาผ่านพ้นวันเวลาที่ฉายแววเจ็บปวดชั่วครู่ก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ความสูงที่เขามองเห็นแล้วว่ามันไม่ได้แตกต่างกันเลย ไหล่หนาตั้งตรงดั่งคนพร้อมไปด้วยอำนาจสิทธิ์ขาด สิ่งหนึ่งที่เขาเห็นแต่คนอื่นจะไม่มีวันเห็นก็คือ แรงกดทับแห่งภาระที่ไหล่หนาตั้งตรงนี้แบบรับไว้และภาระนั้นกำลังจะเปลี่ยนมือ
ดวงตาผ่านโลกมาเนิ่นนานมองตรงไปยังเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่คงอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับบุตรสาวของเขาพร้อมประเมินสิ่งที่ต้องการไปด้วย แววตากระตือรือร้นและดูไม่ยอมคนนั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการจะเห็น และเขาก็หวังว่าเธอจะเป็นดั่งที่เขาคาดคิด
“คุณดาวินี คุณจบอะไรมานะ”
ชายหัวล้านเลี่ยนร่างอ้วนฉุส่งคำถามมายังเธอ คำถามที่ทำให้ดาวินีนึกฉุน
‘มันก็เขียนอยู่ทนโท่ ทำไมไม่อ่านนะ’
สายตาหลุบต่ำมองใบสมัครงานที่อยู่ในมือเขา ทำให้นิกรชะงักค้างก่อนจะก้มลงมองข้อมูลส่วนตัวที่ใช้ประกอบการสมัครงานของหญิงสาวตรงหน้า
“ก็รู้น่ะว่าเขียนไว้แล้ว แต่ขั้นตอนการสัมภาษณ์ก็คือการสัมภาษณ์ ถ้าให้ผมมาอ่านที่คุณเขียนไว้ ก็ไม่ต้องเรียกมาสัมภาษณ์แล้วสิ ว่าไง...เรียนจบอะไรมา” เสียงถามย้ำอย่างกลัวเสียฟอร์ม พลางลูบเส้นผมที่มีอย่างน้อยนิดบนศีรษะไปมา
“การตลาด เอกการจัดการทั่วไปค่ะ” ใบหน้ายิ้มทว่าเหงื่อเหมือนจะไหลซึมที่ฝ่ามือมากยิ่งขึ้น เพราะกลัวช่วงเวลาแห่งการสัมภาษณ์งานที่สุด ทำไมนะเธอถึงไม่เจอบริษัทที่อ่านเฉพาะใบสมัครโดยไม่ต้องสัมภาษณ์บ้าง
“ตำแหน่งที่มาสมัครนี่ อืม...เจ้าหน้าที่จัดซื้อ ที่ทำงานเก่าของคุณก็ดีอยู่แล้วนี่ ทำไมถึงออกล่ะ อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น ก็ผมบอกแล้วว่ามันเป็นขั้นตอนการสัมภาษณ์”
ดาวินีรู้สึกเหมือนจะหัวเสียขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเจอคำถามปราบเซียนอย่างนี้ คำถามที่ไม่เหลือช่องว่างสำหรับมารยาทต่อกันแต่ก็ช่างเป็นคำถามยอดฮิตเสียจริง เพราะ 3 บริษัทที่ไปสัมภาษณ์มาก็ถามคำถามนี้กันทั้งนั้น และคำตอบของเธอก็ดันเป็นตัวชี้วัดที่จะได้งานหรือไม่ได้เสียด้วย
“เอ่อ...” อาการน้ำท่วมปากเหมือนจะเกิดขึ้นดื้อๆ เธอควรพูดออกไปใช่ไหม หรือควรคิดประดิษฐ์คำใหม่เอาให้สวยหรู เพื่อหวังผลการได้งานในวันนี้ เธอควรจะพูดแบบไหนออกไปดี
“ตอบมาตรงๆ ได้เลย ผมชอบคนตรง”
ใบหน้าอูมที่เธอคิดว่าเหมือนซานตาคลอสที่ไร้เส้นผมเลิกคิ้วสูงเชิงอนุญาตช่างบีบคั้นให้เธอต้องพูดตัวชี้วัดว่าจะได้งานหรือไม่ได้งานในวันนี้เสียจริง และเธอก็ต้องตัดสินใจ
“มีปัญหากับเจ้านายค่ะ ก็เลยต้องออก” น้ำเสียงแผ่วเบาออกจะหงอยเหงาเสียด้วยซ้ำเปล่งคำตอบที่ทำให้เธอต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ งานที่ต้องเสียไปเพราะความไม่ยอมคน ไม่ยอมทำในสิ่งที่ผืนความรู้สึกตัวเองจนสุดกู่ และครั้งนี้ก็คงไม่รอด
‘น้าน! ตอบแบบนั้นล่ะไอ้ดี้ แกชวดอีกงานนึงแล้ว’
แต่ตรงหน้าที่เห็น ซานตาคลอสของเธอเหมือนจะชะงักจนในคำพูดไปชั่วครู่ ดวงตาสอดรู้มากด้วยประสบการณ์เพ่งมาที่เธออย่างกำลังประเมินมองสิ่งแปลกประหลาดอะไรสักอย่าง ดาวินีรู้สึกถึงเสียงหัวใจตัวเองที่เริ่มดังขึ้นๆ จนทำให้เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว
“ดิฉันลาล่ะค่ะ ขอบคุณที่กรุณาเรียกดิฉันมาสัมภาษณ์” ร่างบางพนมมือไหว้ก่อนจะลุกพรวดอย่างเร็ว ท่าทางอ้าปากหวอนั้นมันสั่นประสาทจนดาวินีต้องหลับตาปี๋
‘ต้องไปให้พ้นเร็วๆ ไอ้ดี้ เอ๊ย!’
“เดี๋ยวก่อนๆ คุณดาวินี ผมยังสัมภาษณ์ไม่เสร็จเลย” นิกรลุกพรวดตามพร้อมร้องห้ามรัวเร็ว กิริยาที่เธอทำเหมือนจะทำให้นิกรฝันค้างไปไกล มือไม้ส่งไปราวจะคว้าตัวไว้ให้ได้แต่ก็คว้าไว้ไม่ทัน เพราะสาวน้อยหายากกว่าเพชรในตมที่ประเมินค่าได้ในเวลานี้กระโดดทีเดียวก็ถึงประตูทางออก
“เออ...ดิฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระค่ะ ดิฉันลาล่ะค่ะ” มือจับลูกบิดประตูเตรียมเปิด ท่าทางอยากคว้าตัวเธอของนิกรทำให้ดวงตากลมโตฉายแววแขยงขน นี่เธอกำลังจะถูกบีบคอหรือไงที่ดันพูดจาขวากผ่าซากออกไปแบบนั้น
‘ใครจะอยู่รอเชือดล่ะ ไปหาตายเอาดาบหน้าดีกว่า บรื้อ...’ อาการขนลุกขนพองแล่นวาบไปทั้งร่าง
“คุณจะไม่ฟังระเบียบบริษัทและอัตราเงินเดือนก่อนเหรอ”
น้ำเสียงกลั้วขำออกจะเอ็นดูที่ได้ยินทำให้ดาวินีชะงักหันควับทันที ดวงตากลมโตมองตรงไปยังเจ้าของฉายาซานตาคลอสอย่างไม่ยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แต่รอยยิ้มพร้อมใบหน้าที่พยักน้อยๆ ของนิกรก็แทบจะทำให้เธอร้องไชโยออกมาดังๆ
“คุณนิกร จะรับดิฉันเข้าทำงานหรือคะ จริงๆ หรือคะ” รอยยิ้มระบายไปทั่วใบหน้า แม้จะได้ยินในสิ่งที่นิกรบอกแต่เธอก็อยากได้ยินให้ชัดเจนอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าครั้งนี้เธอคิดถูกที่พูดตามใจนึก
“อืม...นั่งลงก่อนสิ ก็ผมบอกแล้วไงว่าชอบคนตรง คุณสมบัติของคุณข้อนี้...ผ่าน”
นิกรผายมือไปด้านหน้าใบหน้ายกยิ้มอย่างสมใจ เมื่อเห็นความกระตือรือร้นของพนักงานใหม่ที่เขาเพิ่งตัดสินใจได้เมื่อครู่ หวังว่าสิ่งที่เขาคิดไว้จะเป็นจริงและสำเร็จได้ตามที่ใจนึก เมื่อได้ ‘ผงซักฟอก’ ตัวใหม่มาลองใช้ และดีไม่ดีอาจจะแปลงร่างเป็น ‘สก๊อตช์ไบรต์’ ได้ด้วย และนั่นมันคือสิ่งที่ต้องลุ้นอย่างสุดๆ