EP.02 สวยเลือกได้?

1109 Words
ใบหน้าเหวอๆ ของเธอทำให้คนที่เพียงชำเลืองมองมาต้องหันกลับไปสนใจกับสิ่งตรงหน้าตามเดิม เพราะรู้จากพี่ยามแล้วว่าจะมีคนมาสัมภาษณ์ร่วมกันอีก 1 คน แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นผู้หญิง กฤปมัยไม่ได้พูดอะไรแม้จะรู้ว่าเธอยังคงมองดูเขาอยู่อย่างสำรวจตรวจตราก็ตาม ‘คนหล่อๆ ต้องทำคะแนนๆ ดีดี้ เอ๊ย! แกอาจจะได้ลงจากคานก็งานนี้ล่ะวะ เอาวะ! เป็นไงเป็นกันใกล้ขบวนสุดท้ายเข้าไปทุกที หล่ออย่างนี้ปล่อยไปก็โง่ตายล่ะ’ “เอ่อ...สวัสดีค่ะ มาสัมภาษณ์เหมือนกันใช่มั้ยคะ” แม้ความคิดในใจนั้นจะหมายมั่นปั้นมือว่าต้องสานสัมพันธ์กับผู้ชายหล่อๆ ตรงหน้านี้มากมายเพียงใด แต่เอาเข้าจริงบทจะต้องพูดดาวินีก็รู้สึกประหม่าจนแก้มเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อจนได้ กฤปมัยชำเลืองมองผู้หญิงตัวเล็กกะทัดรัดข้างกาย แม้รู้ว่าเธอต้องการสร้างสัมพันธ์แต่เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะร่วมด้วยในตอนนี้เพราะสิ่งที่เขาต้องเจอในอีกไม่กี่วินาทีต่อไปนี้มันต้องใช้สมาธิอย่างมาก การตัดสิ่งที่อาจทำให้หัวใจไขว้เขวเป็นสิ่งที่เขาต้องทำ “ดีดี้ มาสัมภาษณ์เหมือนกันค่ะ” คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันทำให้เธอรู้ว่าเขาเริ่มไม่พอใจ ดาวินีรู้สึกเหมือนเลือดลมจะขึ้นหน้าเมื่อความอายมาเยือนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เพราะอาการของเขามันแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งว่าเขาไม่พร้อมจะตามเกมของเธอแน่นอน ‘คนบ้า! จะพูดหน่อยก็ไม่ได้ กลัวดอกพิกุลจะร่วงหรือไงนะ เชอะ! คิดว่าง้อเหรอ สวยเลือกได้อย่างฉันไม่ง้อย่ะ!’ ดาวินีพูดค่อนขอดคนหน้าหล่ออยู่ภายในใจ ก่อนจะยิ้มแหยๆ เมื่อคนตรงหน้าเหมือนจะอ่านความคิดเธอออกว่ากำลังสวดเขาอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะเห็นได้จากสายตาขุ่นเขียวแต่หล่อชะมัดคู่นั้น “ขอโทษทีนะครับที่ต้องทำให้รอนาน” ชายร่างท้วมหัวล้านเลี่ยนที่เดินเข้ามาใหม่นั้นเธอจำได้ ‘คุณนิกร’ ผู้จัดการฝ่ายบุคคล ที่ให้เธอเขียนใบสมัครงานทิ้งไว้วันก่อน ก่อนที่จะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อให้เธอมาสัมภาษณ์งานในวันนี้ ดาวินีลุกขึ้นยืนพร้อมพนมมือไหว้อย่างอ่อนช้อยที่สุดที่คิดว่าจะทำได้ ทว่าหางตาดันตวัดไปมองคนที่นั่งฝั่งตรงกันข้าม ไม่เพียงเขาจะไม่ทักทายคุณนิกรแต่กลับยิ่งทำหน้าเฉยๆ เข้าไปใหญ่ ‘หรือเขาจะรู้จักกันแล้วนะ’ สิ่งที่คิดไว้ก็คงเป็นไปตามนั้นเพราะจากสิ่งที่คุณนิกรพูดตามมาก็คงจะยืนยันได้เป็นอย่างดี “คุณกฤปมัยครับ ท่านประธานเชิญที่ห้องครับ” กิริยาโค้งกายท้วมๆ นั้นอย่างเกรงอกเกรงใจยิ่งทำให้ดาวินีเสียวสันหลังวาบยามดวงตาคมเข้มนั้นตวัดขึ้นมองเธออย่างกรุ่นๆ อะไรสักอย่าง “คุณดา เอ่อ...” “ดาวินีค่ะ” สีหน้าครุ่นคิดชื่อของเธอทำให้ดาวินีชิงพูดต่อให้ก่อนที่นิกรจะเรียกชื่อเธอจนเพี้ยนและจะยิ่งอายคนหล่อที่ชื่อกฤปมัยนี้มากยิ่งขึ้น “อืม...คุณดาวินี รอสักครู่นะเดี๋ยวผมมา” ดาวินีรับคำก่อนจะค่อยๆ นั่งลงอย่างแหยงๆ เพราะไม่รู้ว่าไปปล่อยไก่หรือทำกิริยาอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า ดูท่าแล้วเขาจะเป็นคนสำคัญของที่นี่ไม่น้อย หรือว่าเธอเข้าใจผิดไปเอง พนักงานใหม่ที่จะเข้าสัมภาษณ์งานในวันนี้พร้อมๆ กันกับเธอ...คงไม่ใช่เขา “ไอ้ดี้เอ๊ย! แกเสร็จแน่ แล้วอย่างนี้เขาจะรับแกเข้าทำงานเหรอวะ” นิ้วมือเกาศีรษะตัวเองไปมา ก่อนจะค่อยๆ ชำเลืองมองเขาที่เดินพ้นประตูไป ทว่าดวงตาคมเข้มคู่นั้นยังไม่วายมองตรงมาที่เธออย่างเอาเรื่องเช่นกัน เจ้าของห้องเงยหน้าจากเอกสารขึ้นในทันทีที่เห็นเขาเดินเข้ามา ก่อนจะลุกขึ้นและผายมือไปที่ชุดรับแขกด้านหน้า ใบหน้าที่เคร่งเครียดจนหัวคิ้วยับย่นคลายออกและมีรอยยิ้มน้อยๆ เข้ามาแทนที่ รวมไปถึงแววตาคมเข้มคู่นั้นที่แม้จะร่วงโรยและอ่อนล้าไปตามวันเวลา ทว่าขณะนี้มันกลับฉายแววยินดีในอะไรบางอย่างจนเปี่ยมล้น “นั่งสิดิน นิกรขอบคุณมากที่ไปตามมาให้ ไปเหอะ เดี๋ยวผมสัมภาษณ์ให้เอง” เจ้าของห้องพยักหน้าให้ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเพียงนิดก่อนจะส่งรอยยิ้มทั้งหมดนั้นมาที่เขา ‘คุณเกียรติกร รัตนโอฬารสภา’ เถ้าแก่หรือท่านประธานก็แล้วแต่ว่าพนักงานจะเรียกกัน ซึ่งพนักงานรุ่นเก่าหน่อยก็จะเรียกว่าเถ้าแก่ แต่ถ้าเป็นพนักงานรุ่นใหม่โดยมากแล้วก็จะเรียกว่าท่านประธานกันทั้งนั้น เจ้าของบริษัท เกียรติกรเพลสพาร์ท จำกัด ในวัย 55 ปี แต่ยังดูหนุ่มกว่าอายุอยู่มาก ทว่าในรอบ 3 ปีนี้ เกียรติกรกลับต้องเผชิญกับภาวะสถานการณ์ธุรกิจที่ไม่ค่อยมั่นคงและยังต้องเผชิญกับสารพัดโรคที่เริ่มจะมาเยือน ทำให้เขาดูแก่ไปมากกว่าครั้งล่าสุดที่พบกัน “สวัสดีครับ” กฤปมัยยกมือไหว้ก่อนจะนั่งลงตามที่ท่านเชื้อเชิญ “เป็นไง ขับรถมาเหนื่อยมั้ย” สายตาห่วงใยและน้ำเสียงที่อ่อนโยนอย่างที่สุดส่งตรงไปยังคนที่นั่งอยู่ในฝั่งตรงกันข้าม คำทักทายที่ไม่ได้ต่างไปจากการถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ทว่าคนถามก็รู้สึกชุ่มชื่นหัวใจยิ่งนัก แค่ได้เห็นเขาในอาณาจักรนี้ “ไม่เหนื่อยครับ แค่ไม่กี่ชั่วโมง” ดวงตาคมเข้มไหววูบลงเพียงนิดเพราะรับรู้ในบางสิ่งที่เจ้าของอาณาจักรแห่งนี้พยายามจะสื่อออกมา แต่ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ของเขา สถานที่แห่งนี้มีเจ้าของโดยชอบธรรมอยู่แล้ว “ขอบใจและขอโทษนะที่ทำให้ต้องลำบาก แต่...” น้ำเสียงตะกุกตะกักเพราะก้อนความรู้สึกบางอย่างกำลังปะทุ ร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งนั้นเสมือนกระจกย้อนเวลาไปสู่อดีตที่เขากำลังใช้สายตาพร่าเลือนตามวัยและพร่าเลือนเพราะหยาดน้ำบางอย่างเพ่งมองให้เต็มตา “ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ” เพราะท่าทีลำบากใจที่จะเอ่ยนั้นทำให้เขาเป็นฝ่ายชิงพูดเสียเอง เพราะบางสิ่งบางอย่างก็ไม่อยากรื้อฟื้นขึ้นมาให้กระทบกระเทือนจิตใจกันและกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD