หลังจากนอนหมดแรงไปสักพักแพรไหมก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นก่อนและพยายามแกะมือของคนนอนกอดตัวเองออกแต่พยายามเท่าไหร่อ้อมกอดของเขาก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นจนต้องทนนอนให้เขากอดเฉยๆ และแอบร้องไห้สะอื้นเบาๆ เพื่อไม่ให้เขารู้สึกตัว อีกสาเหตุคือเธอไม่อยากขยับตัวไปมากกว่านี้ เพราะยังรู้สึกระบมตรงความเป็นสตรี จึงได้แต่นอนอยู่นิ่งๆ
ชีควาคิมรู้สึกตัวตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอพยายามแกะมือของเขาแล้ว เขาจึงแกล้งกอดรัดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิมด้วยความสุขใจเมื่อหวนคิดถึงค่ำคืนที่ผ่านมา แต่ความสุขนั้นก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงสะอื้นของคนในอ้อมกอด
“วินนี่ร้องไห้ทำไม หรือว่าเสียใจที่ได้เป็นเมียพี่แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะวินนี่พี่จะรับผิดชอบเอง” เขาใช้คำสนิทสนมเหมือนกับเมื่อสองปีก่อน
“ไม่!...ฉันไม่ต้องการให้คุณมารับผิดชอบในตัวฉัน อีกอย่างสิ่งที่ฉันเสียไปฉันถือว่าฉันทานให้หมามันกินแล้วกัน” แพรไหมสวนกลับทันควรทำให้คนที่ห่วงใยเจ็บจี๊ดผลักเธอออกจากอ้อมกอด
“โอ๊ย!.. ฉันเจ็บนะผลักมาได้”
“ดี!...ยิ่งเจ็บเท่าไหร่ยิ่งดี ดีเหมือนกันเราจะได้เธอฟรีๆ โดยไม่ต้องเสียเงินสักแดงเดียว สงสัยจะลืมไปแล้วมั่งว่าพรหมจรรย์มันผลิตใหม่ไม่ได้ หึหึ...” ความอ่อนโยนที่แสดงก่อนหน้านี้หนีหายไปทันที เมื่อได้ยินคำเชือดเฉือน จากที่คิดจะพูดจาดีๆ เหมือนเมื่อสองปีก่อน ก็กลับมาเป็นแข็งกร้าวห่างเหินเช่นกัน ในเมื่อเธอยังทำได้ ทำไมเขาจะทำไม่ได้บ้าง ชีคหนุ่มรีบลุกเก็บเสื้อผ้ากระจัดกระจายด้วยฝีมือตัวเองมาสวมใส่อย่างลวกๆ แล้วเดินออกทางประตูห้องไป เขาไม่ได้เลือกใช้ทางลับ ด้วยกลัวว่าหญิงสาวจะรู้เอา
พอลับร่างชีควาคิมแล้วแพรไหมก็เอาแต่นอนร้องไห้บนเตียงที่เขาย่ำยีเธอและต่อว่าเขาสาปแช่งเขาในใจต่างๆ นานาจนเผลอหลับไปอีกครั้งด้วยความอ่อนแรง
ด้านชีควาคิมเมื่อกลับมาห้องของตัวเองก็มานั่งคิดทบทวนเรื่องที่ผ่านมาพอคิดมาถึงคำพูดของสาวเจ้าที่ตกเป็นเมียเขาแล้วยังมาอวดดีอีกแถมยังบอกกับเขาอีก ‘ทานให้หมามันกิน’ ยิ่งคิดยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ พาลนอนไม่หลับจนต้องได้ไปนั่งทำงาน แต่พอมาทำงานก็ไม่มีสมาธิทำอยู่ดี เมื่อเห็นแต่หน้าของหญิงสาวบนเอกสารลอยเต็มไปหมด หญิงสาวจะรู้ไหมว่าเธอทำให้เขาเป็นได้ถึงเพียงนี้ เขานั่งพลิกกระดาษบนโต๊ะทำงานกลับไปกลับมาจนเวลาลวงเลยมาถึงเช้าของอีกวันใหม่ สรุปแล้วเขาคิดถึงแต่หญิงสาวจนนอนไม่หลับ ทำงานไม่ได้
พอเช้าวันใหม่มาเยือนเข้าก็ผละจากงานกลับไปยังห้องนอนของตัวเองเพื่อชำระร่างกายให้สะอาด เมื่อสำนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานเย็นตนเองไม่ได้อาบน้ำ พออาบเสร็จแต่งตัวอะไรเรียบร้อยก็ได้เวลาอาหารเช้าพอดี เขาก็รีบไปยังห้องรับประทานอาหารของคฤหาสน์ แต่พอไปถึงแทนที่จะได้เห็นหน้าหวานๆ ของคนรักก็กลับต้องผิดหวังเมื่อเห็นแต่ชีคราชิดน้องชายตัวแสบของตน
“ราชิด วินนี่และเจนนี่ไปไหน ทำไมถึงยังไม่ลงมาอีก? ” ตีหน้าขรึมถามอย่างไม่ใส่ใจ แต่ในใจนั้นร้อนรุ่มแทบบ้าแล้ว
“คือน้องให้ยานะไปตามแล้วครับ แต่ยานะบอกว่าคุณวินนี่กับคุณเจนนี่กำลังเก็บเสื้อผ้ากลับประเทศไทยวันนี้ครับ น้องไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงต้องรีบกลับขนาดนั้น ท่านพี่รู้รึเปล่าว่าทำไมคุณเจนนี่ของน้องถึงต้องรีบกลับขนาดนั้นด้วย”
“พี่ก็ไม่รู้ราชิด” ตอบเสียงห้วนด้วยความไม่พอใจ รู้ว่าน้องชายของตนต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยังตีหน้าขรึมทำเป็นไม่รู้
“อ๋อเหรอ...ครับ น้องก็นึกว่าท่านพี่จะรู้ซะอีก” ชีคราชิดพูดยียวนด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ แววตาพราวระยิบ มีหรือคนอย่างเขาจะไม่รู้ว่าพี่ชายของตนไปทำอะไรไว้บ้าง แต่ยังไงก็อยากได้ยินจากคนปากแข็งอยู่ดี
“ไม่รู้คือไม่รู้ไงราชิด อย่าถามพี่ได้ไหม” ชีควาคิมไม่สนว่าน้องชายจะรู้หรือไม่รู้ เมื่อตอนนี้อารมณ์โกรธมันได้ปะทุขึ้นมาแล้ว เขาต้องไปหาต้นเหตุของเรื่องเพื่อดับอารมณ์
“เฮ้!...ท่านพี่ไม่ทานแล้วรึไง” อยู่ๆ พี่ชายก็เดินจากไปเสียดื้อๆ โดยไม่หันมาสนใจเสียงเรียกของเขาแม้แต่นิดเดียว ชีคราชิดก็หันมาจัดการกับอาหารมากมายตรงหน้าอย่างอิ่มหนำสำราญ