บทที่ 4

1136 Words
“เพราะเราคือเด็กคนแรกที่พี่เห็นแล้วอยากได้...” ดะ เดี๋ยวนะ ผู้ชายคนนี้นี่มัน... “เฮือก...” อีกครั้งและอีกครั้งที่ผู้ชายตรงหน้าทำฉันสะดุ้งเฮือกได้ในทุกครั้งยามถูกนัยน์ตาคู่นั้นจ้องมอง ท่าทางเขาดูไม่ใช่คนดี แถมคำพูดก็ส่อสื่อดูคุกคาม ล่อลวงเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี แต่ขณะเดียวกัน คำพูดคำจาห้วนๆ แต่ตรงไปตรงมาของเขาก็ยังแฝงไว้ด้วยความดี ตอนแรกก็คิดแบบนั้นนั่นแหละ จนกระทั่งนายอสุราเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “ให้พี่เป็นคนแรกของเราได้ไหม?” “ตะ แต่หนูยังเด็กนะคะ” ฉันแย้ง แต่เขาดันขัดออกมาได้หน้าตาเฉยเสมือนว่ามันคือเรื่องที่ถูกที่ควร “แล้วไง ยังไงสักวันเราก็ต้องมีครั้งแรกอยู่ดี” ไม่ได้การแล้ว คนแบบนี้ถ้าปล่อยไว้ต้องเป็นภัยคุกคามเด็กในอนาคตแน่ๆ ฉันต้องจัดการอะไรสักอย่าง ก่อนอื่นต้องหาทางออกไปจากที่นี่แล้วให้หมวดยูกับคนที่กรมตำรวจจัดการกับเขาซะ เราต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม... แต่แล้วระหว่างกำลังคิดหาทางเอาตัวหลบหนีไปจากห้องห้องนี้ ความคิดก็ต้องเป็นอันสะดุดลง เมื่อจู่ๆ คนตัวใหญ่ข้างกายเริ่มมีการขยับ วินาทีที่หันมองฉันก็ต้องกระตุกวูบไปทั้งตัว เมื่อทิศทางที่เขาหันเหมามันคือด้านที่ฉันกำลังนั่งอยู่ กึก! “พะ พี่จะทำอะไรคะ!?” “จะละลายแล้ว...” นั่นคือสิ่งที่เขาพูดขึ้นเมื่อขยับตัวเข้ามาใกล้ คำพูดที่ฉันไม่ค่อยเข้าใจความหมายนักกำลังทำให้ความคิดเริ่มเตลิด สติซึ่งยังเหลืออยู่สั่งการให้ฉันรีบพุ่งตัวออกจากโซฟาทันทีเพื่อหลบเลี่ยงการถูกประชิดอย่างไม่ต้องสงสัย ฟึ่บ! หมับ! ตุบ! ก็ไม่วายถูกมารสังคมรั้งตัวให้กลับมานั่งที่เดิมได้อยู่ดี แถมคราวนี้ไอ้ที่ฉันนั่งทับลงไปมันดันเป็นตักเขาเสียด้วย! “อึก...” ถึงแม้จะเคยผ่านคดีมาเยอะ แต่ต้องยอมรับว่าสถานการณ์บ้าๆนี่เพิ่งเคยเกิดขึ้นกับตัวเองเป็นครั้งแรก และฉันไม่เคยถูกผู้ชายคนไหนจู่โจมใส่ด้วยการกระทำและคำพูดส่อสื่อขนาดนี้มาก่อน โดยเฉพาะกับการเข้าประชิดอย่างถึงเนื้อถึงตัวแบบไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดี ทำราวกับว่ามันคือเรื่องปกติที่คนสติดีๆ ทำกัน “ไอติมจะละลายหมดแล้ว...” นายอสุราเอ่ยขึ้นชิดติดข้างหู รับรู้ถึงลมหายใจและสัมผัสจากปลายนิ้วที่เขาบรรจงทัดผมที่ปรกหน้าฉันไปไว้ข้างหู “ทำไมไม่กินล่ะ ไม่อร่อยเหรอ?” การกระทำของเขามันเริ่มทำให้ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมาแบบแปลกๆ แต่อย่างไรก็ดีร่างกายก็ยังตอบรับคำสั่งของเขาด้วยการยัดไอศกรีมในมือเข้าปากเพื่อเลี่ยงการกระทำรุนแรงหากผู้ร้ายเกิดอาการไม่พอใจ “ดีค่ะ กินให้หมดนะ” ดูเหมือนว่าการยัดไอศกรีมเข้าปากจะทำให้เขาพอใจถึงได้เอ่ยชมกันแบบนั้น “พี่ชอบเด็กว่าง่าย...” รู้สึกได้ว่าระดับริมฝีปากของเขาตอนพูด มันไม่ได้ห่างไปจากหูฉันเลยแม้แต่นิดอีกทั้งวงแขนที่เขาใช้โอบรัดกายฉันไว้ก็เริ่มรัดแน่นมากขึ้นจนรู้สึกได้ พอๆกับคำพูดประโยคต่อมา “แล้วตอนนี้ พี่ก็ชอบเรา” คำพูดชวนขนลุกของเขาทำฉันเผลอกลืนน้ำลายลงคอไปพร้อมไอศกรีมที่ละลายอยู่ในปากอย่างไม่ต้องสงสัย บอกเลยว่าวินาทีนี้สมองมันตันไปหมด ไม่รู้จะเอาตัวรอดจากเงื้อมมือเขาด้วยวีธีไหนหากยังถูกอีกฝ่ายจับกุมด้วยวงแขนเอาไว้แบบนี้ “ไม่ต้องกลัวนะ พี่สัญญาจะไม่ทำอะไร…” เขาเอ่ยขึ้นเสียงเรียบแสดงเจตจำนงคล้ายกับเป็นการให้สัญญาและเริ่มบอกเหตุผลของการกระทำทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ “ที่พามานี่ก็แค่อยากให้รู้ว่าชอบ” เพราะสถานการณ์ที่กำลังเป็นไปดูไม่น่าหวาดหวั่นเทียบเท่ากับตอนแรก คงเพราะฉันกำลังตามใจเขาด้วยล่ะมั้ง ทุกอย่างถึงได้ดูซอร์ฟลง ไม่ว่าจะน้ำเสียงหรือการกระทำ เมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ฉันควรทำต่อไปคือการไหลตามน้ำต่อไปเรื่อยๆ “หนะ หนูไม่เชื่อ...” โดยขณะเดียวกันก็มองหาช่องทางเอาตัวรอดไปด้วย “พี่ต้องปล่อยหนูก่อน หนูถึงจะยอมเชื่อ...” อาจเป็นคำพูดที่ฟังดูโง่ไปนิดที่ฉันใช้งัดมาใช้สำหรับต่อรองกับเขา แต่ทำไงได้ ตอนนี้ฉันคิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ ทั้งที่คิดว่ามันคือเรื่องโง่ที่ดันพูดออกไปแบบนั้น ทว่า ผลตอบรับที่ได้กลับมามันดันตรงกันข้าม เพราะวินาทีที่ข้อต่อรองถูกพ่นออกไปจนจบ วงแขนกว้างของคนตัวใหญ่ซึ่งเคยรัดรอบกายก็ถูกคลายออกไปอย่างรวดเร็วเช่นกันราวกับแสดงความจริงใจในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดออกมา เมื่อมีโอกาส ฉันเองก็ไม่รอช้ารีบดีดตัวลุกออกจากตักของเขาทันทีแบบไม่ต้องคิด พร้อมทั้งรีบพาตัวเองถอยห่างไปอยู่ในระยะที่ปลอดภัยที่สุดอย่างบริเวณประตูห้อง โดยไม่ลืมหันกลับไปมองเป้าหมายอีกครั้งเพื่อเช็กให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ลงมือทำเรื่องน่าตกใจใส่อีกตามอย่างปากว่า ทว่า พอหันไปมองสิ่งที่รอคอยอยู่กลับไปใช่สีหน้าน่ากลัวอย่างที่เคยเห็นในตอนแรก แต่ดันเป็นรอยยิ้มใจดี มันคือรอยยิ้มของคนที่ดูจะมีความสุขอย่างสุดๆทั้งที่กำลังทำเรื่องเข้าข่ายผิดกฏหมายต่อเด็ก... เพราะการกระทำของมนุษย์ล้วนแล้วแต่มีเหตุผลและที่มา ผลของการกระทำและบทลงโทษที่ได้รับจึงต่างออกไปแล้วแต่ความผิดว่าถูกจักอยู่ในสถานหนักหรือสถานเบา เว้นคนบางจำพวกที่กระทำการด้วยความไม่รู้และไร้สมรรถภาพทางความคิด หรือเข้าข่าย 'จิตเพศ' เพราะเห็นคนร้ายจำพวกนี้มาเยอะ อีกทั้งทั้งที่เขายังเด็กอยู่แท้ๆ แต่การกระทำและคำพูดดูไม่ต่างจากพวกวิตถารหลายคนที่ถูกจับจากคดีต่างๆ เลยสักนิด “พี่ทำแบบนี้กับหนูทำไม...” รู้ตัว ปากก็พลั้งถามกึ่งต่อว่าออกไป เพื่อเช็กสถานภาพทางความคิด ความรู้สึก และปฏิกิริยาตอบรับของฝ่ายตรงข้ามอย่างลืมตัว “พี่เป็นพวกโรคจิตเหรอคะ?” แล้วรู้ไหมว่าเขาตอบคำถามฉันกลับมาว่าอย่างไร... “ใช่ค่ะ คงจะอย่างงั้น”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD