บทที่ 19

1334 Words
“ผมมีเรื่องอยากคุยกับเด็กคนนี้เป็นการส่วนตัวเหมือนกัน” แต่นายสอุราก็ก็มองฉันอยู่แค่ครู่เดียว เมื่อเขาหันกลับไปหาหมวดยูอีกครั้ง ซึ่งฉันเองก็ใช้โอกาสในตอนนั้นลอบพยักหน้าส่งสัญญาณให้หมวดยูด้วยเช่นกัน ถึงอีกฝ่ายจะแสดงอาการลังเลให้เห็น แต่สุดท้ายเขาก็ยอมทำตามคำสั่งที่ได้รับอย่างว่าง่าย หมวดยูไม่โต้ตอบอะไรกลับมาอีก เขาตัดสินใจหันหลังเดินออกจากประตูห้องไปซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่แม่บ้านประจำตึกทำความสะอาดกองเลือดเสร็จพอดิบพอดี “ระวังตัวหน่อยนะลูก” และมีน้ำใจหันมาบอกฉัน แม้ว่าจะพากันลุกเดินออกไปและปิดประตูให้ แต่ป้าแม่บ้านก็ยังบ่น “เป็นเด็กเป็นเล็ก ทำไมถึงได้มาเช่าห้องอยู่คนเดียวกับผู้ชายได้นะ” กึก! ทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลงหลังจากเหตุการณ์วุ่นวาย ความเงียบก็ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ไม่รู้ว่ามีแค่ฉันหรือเปล่าที่รู้สึกถึงแรงกดดันจากตัวของผู้ชายตัวใหญ่ตรงหน้า ฉันเกลียดบรรยากาศกดดันเสมือนตัวเองคือผู้ถูกล่า เพราะงั้นปากจึงขยับ เพื่อหวังให้ความรู้สึกที่เกิดอยู่ ณ ขณะนี้ลดลง “พี่ขา มีอะไรจะคุยกับหนูเหรอคะ?” “พี่แค่สงสัยอะไรนิดหน่อย” นั่นไง... เอาอีกแล้ว คราวนี้จะสงสัยอะไรอีกล่ะ “สงสัย...อะไรเหรอคะ?” ถามจบคนตัวใหญ่ก็ทิ่งตัวลงนั่งบนโซฟาอีกครั้ง เขาหันมองฉันพร้อมรอยยิ้มเล็กมุมปากหากแต่ให้ความรู้สึกกดดันซึ่งดูจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง “เรากับตำรวจคนนั้นมีความสัมพันธ์กันแบบไหนคะ?” คำถามของนายอสุราทำฉันชะงักไป โดยพยายามปั้นหน้าให้ดูเป็นปกติที่สุดยามต้องรับฟังสิ่งลอดจากปากของเขา “เราเพิ่งเคยเจอกับเขาเมื่อวานไม่เหรอ แต่เมื่อเช้าพี่เห็นเราขึ้นรถกับไปตำรวจคนนั้นแถมเมื่อกี้ท่าทางของเรากับตำรวจนเมื่อกี้ก็แปลกๆ” “แปลกตรงไหนคะ?” ให้ตายสิ หมอนี่ชักจะถามตรงประเด็นเกินไปแล้วนะ “คำพูดที่ตำรวจคนนั้นบอกว่าลืมเอกสารไว้ที่นี่ มันแปลว่า ก่อนหน้านี้เขาเคยเข้ามาในห้องนี้แล้วถูกไหม?” “อะ อื้อ...” เมื่อไม่มีอะไรจะเสียฉันเลยจำต้องตอบคำถามกลับไปแบบไม่มิดปิดบัง ซึ่งนั่นมันแค่บางส่วนเท่านั้น “เมื่อเช้าคุณตำหมวดคนนั้นพาหนูไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจค่ะ แล้วก็พามาที่ห้องนี้หยิบเอกสารคนร้ายให้ดู มะ...มันแปลกเหรอคะ?” “ไม่ค่ะ ไม่แปลก” เขาตอบแต่ก็ยังแย้งเหตุผล “แต่ที่แปลกก็คือสายตา” สายตางั้นเหรอ? “จิ๋วลองมองตาพี่สิคะ” ว่าแล้วเขาก็ถือวิสาสะใช้มือข้างหนึ่งเอื้อมเข้าแตะประคองหน้าฉันให้สบตา ไม่ให้สัญญาณหรือบอกให้เตรียมใจ พร้อมกันนั้นก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้ ส่วนปากก็อธิบาย “สายตาพี่ตอนนี้เวลามองจิ๋ว คือสายตาของคนที่มองสิ่งหรือบุคคลที่ชอบ” “...” เขากำลังพูดความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อฉันในฐานะเด็กประถมอีกแล้ว “สายตาของตำรวจคนนั้นก็เหมือนกัน…สายตาที่เขามองเรา เขาไม่ได้มองเห็นเราเป็นเด็ก แต่กำลังมองในฐานะคนคุ้นเคยและคนรัก” “พะ พี่ขาพูดอะไร หนูไม่เข้าใจค่ะ” ฉันเป็นฝ่ายปฏิเสธที่จะฟังคำอธิบายเหล่านั้น รีบจับมือเขาออกจากแก้มแบบลวกๆ แต่ยังคงมองตอบสายตาคู่เดิมของอีกฝ่ายกลับไปเพื่อไม่แสดงพิรุธให้เห็น แต่เขาก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน “พี่เคยบอกเราไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าพี่ชอบเราแล้วก็ชอบมากด้วย...” ใช้คำพูดเถรตรงของตัวเองเพื่อบอกความต้องการและความรู้สึก ไม่แคร์ว่าหลังจากกล่าวจบแล้วมันจะมีผลกระทบอะไรกับตัวเองบ้าง เขาไม่สนด้วยซ้ำว่าความรู้สึกที่เขาพยายามยัดเยียดให้มันผิดกฏหมาย “ที่พี่ทำตัวไม่ดีตอนอยู่ต่อหน้าตำรวจคนนั้น จิ๋วรู้ไหมมันเป็นเพราะอะไร?” ฉันส่ายหน้าแม้จะรู้ว่าการทำแบบนั้นจะยิ่งเพิ่มทวีคูณให้เขาแสดงความปรารถนาของตัวเองออกมามากขึ้น “พี่หึง” สิ้นเสียงวลีสั้นๆ ร่างทั้งร่างก็ต้องสะดุ้ง เมื่อมือของนายอสุราซึ่งถูกฉันจับออกจากแก้มในตอนแรก เริ่มมีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาฝืนแรงจากฝ่ามือของเด็กเลื่อนขึ้นแตะลงที่เดิม ส่วนมืออีกข้างก็เอื้อมมาใช้ปลายนิ้วเกลียดทัดปรอยผมให้อย่างอ่อนโยน ทั้งที่ปากยังขยับ “พี่...ชอบเราจริงๆ นะ” ภาพใบหน้าของนายอสุราตอนนี้ชัดเจนมากพอๆ กับภาพของใบหน้าผู้หญิงที่เดินออกจากห้องเขาเมื่อเช้า ปฏิเสธไม่ไหวว่าใจเผลอสั่นทุกครั้งในยามที่ถูกบอกความรู้สึก เขาเป็นคนแรกที่กล้าพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างตรงๆ แถมยังกระทำทุกอย่างเพื่อยืนยันความรู้สึกให้ฝ่ายตรงข้ามรับรู้และรับไป นัยน์ตาคมซึ่งมักจะมองทุกอย่างราวกับกำลังจับผิดอยู่ตรงเวลาค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างเชื่องช้า ลดระยะห่างระหว่างใบหน้าของเราให้หดสั้นลงเรื่อยๆ จนรับรู้ถึงลมหายใจที่เขาเป่ารดลงมา และฉันกำลังถูกนัยน์คู่นั้นของเขาสะกดให้นิ่งเฉยราวกับถูกแช่แข็ง แต่ว่า จิตใต้สำนึกและจรรยาบรรณที่มีอยู่ในตัวมันก็ร่ำร้องออกมาจนทนไม่ไหว จำต้องเบือนหน้าหลบการเข้าหาของคนตัวใหญ่ตรงหน้า รู้สึกได้ว่าผิวปากของเราเฉี่ยวกันแม่จะแค่ครู่เดียวก็ตาม มันเฉียดฉิวก่อนที่คนตัวหน้าจะได้ทำอะไรเกินเลยและเกินควร กึก... “หนูยังไม่ได้คิดเรื่องมีแฟนหรอกนะคะ...” ปากพูดเพื่อหยุดทุกความรู้สึกผิดๆ ที่คนตรงหน้ามีให้ โดยพยายามเปลี่ยนความคิดเขาให้เข้าใจ แม้ลึกๆ ยังรู้มีความรู้สึกค้างคาของเรื่องผู้หญิงอีกคนที่ได้เจอวันนี้ก็ตาม “หนูยังเด็กอยู่ หนูไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอกค่ะ...ดังนั้นพี่ขาอย่างทำแบบนี้เลย” มันอาจดูแปลกและประหลาดไปหน่อยที่เมื่อพอพูดจบ ปีศาจที่เคยแสดงนิสัยร้ายกาจของตัวเองใส่โจรปล้นธนาคารคนเมื่อวาน กลับยอมรับฟังคำพูดอย่างว่าง่าย เขาไม่ได้ฝืนใจหรือดึงดันที่จะทำความปรารถนาของตัวเองต่อ เพราะหลังพูดจบมือที่เขาเคยใช้ล่วงเกินสัมผัสแก้มก็ค่อยๆ ถูกลดออกไป “ถ้าจิ๋วบอกว่าไม่พร้อมจะมีแฟนตอนนี้ พี่ก็ไม่ขัดค่ะ” นั่นคือสิ่งที่นายอสุราพูดหลังจากฉันรัวคำพูดใส่เขาออกไปแบบลืมหายใจพลางขยับกลับไปนั่งนิ่งๆ บนโซฟาในท่ารีบร้อน อีกทั้งยังเป็นฝ่ายทิ้งระยะห่างระหว่างเราไว้คล้ายกับให้เกียรติ “พี่ไม่ชอบบังคับใจใคร...” เขาไม่ได้ทำหน้าหรือใช้น้ำเสียงผิดหวัง และเหมือนเคยเขายังคงยิ้ม ไม่ได้มีอาการเหมือนคนอกหักหรือถูกปฏิเสธความรักแต่อย่างใด ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ เขาเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด แต่ก็แค่เหมือน “จิ๋วพูดตรงๆแบบนี้ก็ดี พี่จะได้รู้ตัวว่าต้องเดินหน้าจีบต่อไป จีบจนกว่าเราจะชอบพี่กลับมาบ้าง...” “พะ พี่พูดอะไร พี่ไม่กลัวถูกจับบ้างเลยเหรอ?” “กลัวค่ะ แต่คุกมันขังคนไม่ผิดได้แค่แป็บเดียว ถูกไหม?” “...” “อีกอย่างพี่ไม่ได้ฆ่าใครตาย พี่แค่อยากได้เราเป็นแฟน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD