ณ หออิงเถา สำนักโคมแดงอันโด่งดังเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองนี้ แสงสว่างจากโคมไฟส่องให้เห็นความโอ่อ่าของอาคารไม้หลังใหญ่ ไป๋หลิวหยางไม่ใคร่อยากมาที่นี่ แต่เขาจำต้องจัดการสิ่งที่ค้างคาใจให้สำเร็จ เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เขาถูกลอบสังหารเมื่อแปดปีก่อน ในฤดูหนาวคืนที่พระจันทร์เต็มดวง เขาออกเดินทางด้วยรถม้าในช่วงหัวค่ำกับแม่นมที่ดูแลมาตั้งแต่เด็ก ส่วนพ่อบ้านกังพร้อมผู้ติดตามรุดหน้าไปจัดการอำนวยความสะดวกในสิ่งต่างๆ ให้เขาก่อน
แม่นมวัยชรามีหลานสาวตัวเล็กอายุห่างกับเขาสักเจ็ดถึงแปดปีเห็นจะได้ นางติดเขาแจ ไป๋หลิวหยางยอมรับว่าพึงใจนางที่มีนิสัยอ่อนหวาน แม้จะขี้แยไปสักหน่อย
เสี่ยวเชี่ยนคือชื่อของนาง จนป่านนี้เขายังไม่เคยลืมเลือน เด็กหญิงผู้มีดวงตากลมโต เรือนกายหอมกลิ่นดอกเหมย และยังยิ้มหวาน รอยยิ้มเต็มไปด้วยความสดใสดั่งแสงของพระจันทร์ เขากับนางค่อนข้างสนิทสนมกัน หากเด็กหญิงมักถูกน้องชายต่างมารดาของเขารังแกอยู่เสมอ หลายครั้งถูกขังในที่มืด รวมถึงได้รอยแผลเล็กๆ น้อยๆ อยู่ประจำ
คืนนั้นเมื่อรถม้าเคลื่อนมาใกล้ศาลเจ้าร้าง ปรากฏว่ามีคนดักซุ่มอยู่และพุ่งเข้ามาทำร้ายพวกเขา
ไป๋หลิวหยางเกือบต้องสังเวยชีวิต หากเขากระโดดหลบปลายดาบได้ทัน แต่แม่นมถูกฆ่าตายอย่างอนาถเพราะนางกางปีกปกป้องเขา ส่วนคนงานชายและคนขับรถม้าได้รับบาดเจ็บสาหัส และสิ้นใจในเวลาต่อมา
“เสี่ยวเชี่ยนหนีไป...”
เขาร้องบอกเด็กหญิงซึ่งกำลังร้องไห้จ้าหลังจากที่นางออกมาจากรถม้าได้อย่างทุลักทุเล
เด็กหญิงยืนนิ่งตัวสั่นอยู่บนพื้นหิมะขาวโพลน ขณะที่โจรร้ายย่างสามขุมเข้ามาใกล้ ในมือของมันมีดาบยักษ์เล่มยาว นั่นคือภาพสุดท้ายที่ไป๋หลิวหยางเห็น ด้วยอึดใจต่อมาเขามุดหนีเข้าไปหลบในโพรงไม้อย่างคนขี้ขลาด
“ออกมาจากที่ซ่อนเสียเถอะคุณชาย ไม่อย่างนั้นเด็กนี่ได้ตายจริงๆ แน่” เสียงมือสังหารดังอยู่เบื้องหน้าเขา ตอนนั้นไป๋หลิวหยางหวาดกลัวจับใจ
“ข้าให้โอกาสท่านอีกครั้ง หากไม่ออกมา นังเด็กเหลือขอจะไม่มีโอกาสได้หายใจอีกต่อไป”
ไป๋หลิวหยางคิดอย่างถ้วนถี่ เขาไม่ได้รักตัวกลัวตาย ใจอยากหาทางย้อนกลับคืนสกุลไป๋ แก้แค้นให้บิดา แต่เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มไร้ซึ่งวรยุทธ์ และมือคู่นี้ถนัดเพียงแค่ปรุงยารักษาผู้คน
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กหญิงเขาก็แทบทนไม่ไหว
“คุณชาย...ช่วยเสี่ยวเชี่ยนด้วย”
ได้ยินแล้วเขาก็เตรียมผละออกจากที่ซ่อน แต่ต้องหยุดความคิดนั้นเอาไว้เมื่อเห็นพวงหางสีขาวโผล่อยู่ตรงปากทางเจ้าโพรงไม้ และมันไม่ได้มีแค่หางเดียว
เมี้ยว! เมี้ยว!
เสียงที่ได้ยินแฝงทั้งความอ่อนหวานและชวนให้พิศวง ดวงตาเรียวคมจ้องไปยังแสงสว่างเบื้องหน้า เมื่อพิศให้ดีเขาจึงรู้ว่าไม่ใช่แสงไฟหรือแสงจากดวงจันทร์ แต่เกิดจากดวงตาของนางแมวป่าสองหาง!
ภาพต่อจากนั้นเขาจดจำไม่ได้สักเท่าไร หากได้ยินเสียงขู่ของแมวและเสียงร้องโอดโอย ตามด้วยเสียงการต่อสู้อย่างดุเดือด
ไป๋หลิวหยางห่วงทั้งความปลอดภัยของตัวเองและเสี่ยวเชี่ยน แต่เขากลับรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ไม่อาจขยับตัวออกจากจุดที่ซ่อนราวกับถูกเวทมนตร์ลึกลับสะกดเอาไว้ กระทั่งเสียงต่อสู้ภายนอกสงบลง เขาจึงค่อยๆ คลานออกมา จึงพบซากศพมือสังหารหลายชีวิต ส่วนเสี่ยวเชี่ยนหายตัวไปอย่างลึกลับ
เขาออกตามหาเด็กหญิงอยู่เกือบหนึ่งชั่วยาม แต่ไม่พบร่องรอยใดๆ กระทั่งนางแมวป่าตัวเดิมเดินเข้ามาคลอเคลีย เขามองมันด้วยความสงสัย ก่อนจะเห็นว่าขาขวาด้านหน้าของมันได้รับบาดเจ็บ เป็นแผลคล้ายถูกของมีคมบาด
เด็กหนุ่มทำแผลให้นางแมวอย่างง่ายๆ แล้วเอาผ้าพันไว้ จากนั้นทั้งคู่จึงเข้าไปหลบในศาลเจ้าร้างที่อยู่ไม่ไกล
ช่วงเวลากลางคืนนั้นยาวนาน เขานอนเล่นโดยกอดนางแมวป่าตัวอ้วนกลมเพื่อช่วยคลายความหนาวเหน็บ และให้คำสัญญาราวกับอีกฝ่ายเป็นมนุษย์
“หากพ้นคืนนี้เราทั้งคู่ปลอดภัย ข้าจะพาเจ้าไปอยู่ด้วย และเลี้ยงดูเจ้าให้เป็นแมวนำโชคของสกุลไป๋”
เมี้ยว!...เสียงนางร้องตอบอย่างฉอเลาะ
ไป๋หลิวหยางดึงสติตนกลับคืน พักหลังมานี้เขารู้สึกเหมือนถูกสะกดรอยจนนึกหวาดระแวง
“คุณชาย ไม่ว่าท่านจะมาที่นี่กี่ครั้ง ข้าก็บอกแล้วว่าไม่มีนางเล็กๆ ที่ชื่อเสี่ยวเชี่ยน” แม่เล้าออกมาต้อนรับชายหนุ่ม ท่าทางนางไม่พอใจที่เขายังแวะเวียนมาถามหาคนที่นางไม่รู้จัก
“แต่ข้ามั่นใจ สหายท่านหนึ่งบอกไว้ เขาเคยเห็นคนของข้าที่นี่”
ไป๋หลิวหยางจ้างนักสืบตามสืบข่าวเสี่ยวเชี่ยน ได้ข้อมูลว่ามีคนพบหญิงงามที่หออิงเถา หญิงงามลึกลับที่ผู้ใดได้ยลโฉมแล้วเหมือนล่องลอยสู่สรวงสวรรค์
“คนของท่าน!” แม่เล้าทวนคำพลางมองชายหนุ่มอย่างไม่ใคร่ยินดีในสิ่งที่เขาเอ่ย
“กลับไปเสียเถอะ ไม่อย่างนั้นข้าคงให้เด็กหนุ่มๆ เป็นธุระจับท่านโยนออกจากที่นี่” แม่เล้าบอก แต่พอเห็นคนติดตามของไป๋หลิวหยางอีกห้าคนที่เดินป้วนเปี้ยนอยู่มิไกล นางจึงประจักษ์ว่าคุณชายรูปงามหาใช่คนธรรมดาที่นางควรตอแยด้วย
“นั่นเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าที่สุด ถ้าเจ้ายังขวางทางข้าอยู่เช่นนี้ มิแน่สถานที่คาวโลกีย์แห่งนี้อาจถูกสั่งปิด” ไป๋หลิวหยางเอ่ยจบก็ก้าวไปอีกทาง เขาหมายมั่นค้นให้ทั่วหอคณิกาเพื่อให้รู้แน่ชัดว่าเสี่ยวเชี่ยนอยู่ที่นี่หรือไม่
ชายหนุ่มก้าวไปด้านหลังสถานที่แห่งนั้นโดยมีแม่เล้าและสมุนของนางเดินตามไปเป็นพรวน เขาหาได้เกรงกลัวผู้ใด กระทั่งสะดุดตากับใบหน้าสวยหวานของหญิงนางหนึ่ง สตรีคนดังกล่าวกำลังเยื้องย่างลงมาจากบันไดสูง ท่าทางอ่อนช้อยนุ่มนิ่มหากแฝงด้วยความยวนยั่ว นางถือผีผาแนบอก ดวงตากลมโตมองอย่างชมดชม้อยมาที่เขา
ในโมงยามนั้นหัวใจชายหนุ่มแจ้งชัดว่า นางคือคนที่พลัดพรากจากเขาเมื่อแปดปีก่อน!