8

1481 Words
ก๊อก... ก๊อก... ก๊อก... “ใครกันล่ะนั่น” “ผมเองครับคุณย่า” เสียงคุ้นเคยนั้นทำให้เจ้าของห้องถึงกับอมยิ้ม      แต่คนที่นั่งอยู่บนฟูกนอนถึงกับสะดุ้งสุดตัว “แม่เนยไปเปิดประตูให้ลุงเขาหน่อยสิ” คำสั่งของหญิงชราทำให้เธอต้องลุกไปเปิดประตูให้นรราชอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นิรินเปิดประตูให้นรราชอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เผลอมองสบตาเขาก่อนจะก้มงุดหลีกทางให้คนตัวสูงเดินเข้ามาในห้อง “อะไรกันราช หอบผ้าหอบผ่อนมาทำไมกันล่ะนั่น” หญิงชราที่นั่งอยู่บนเตียงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ผมคิดถึงคุณย่าน่ะครับ คืนนี้เลยอยากจะมานอนด้วย” เขายิ้มประจบ ทำเอาหญิงชราต้องยิ้มกว้างแทบจะทันที “ปากหวานเชียว แม่เนยมานอนกับย่าแล้วนะ” “เขานอนได้ แล้วผมนอนไม่ได้เหรอครับ” คนตัวโตที่อายุปาเข้าไปสี่สิบสองแล้วทำท่างอแงกับญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของตนเอง นิรินได้แต่กะพริบตาปริบๆ เธอไม่กล้ามองหน้าเขาหรอก “นอนได้สิ เอาเถอะๆ นอนกันหลายคนจะได้ไม่เหงา” หญิงชราตอบอย่างใจดี “งั้นผมนอนตรงนี้แล้วกันครับ” คนที่หอบฟูกนอนเข้ามา ซึ่งเขาอุตส่าห์ให้แม่บ้านสูงวัยจัดหาให้ รีบปูที่นอนลงไปใกล้ๆ ฟูกนอนของเด็กสาว กลิ่นกายหอมกรุ่นของเธอลอยอบอวลไปทั่วห้อง ทำให้เขาต้องเผลอสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ “เราจะไปนอนเบียดแม่เนยตรงนั้นทำไม มองแล้วไม่งาม ขยับไปนอนอีกฝั่งสิ” หญิงชราทำเสียงดุหลานชาย “ไม่งามอะไรกันครับ ลุงกับหลานนอนด้วยกัน” “แม่เนยไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ เหมือนแต่ก่อนแล้วนะ แม่เนยโตเป็นสาวแล้ว” ประโยคนั้นของหญิงชราทำให้นิรินนึกถึงตอนเด็กๆ เธอตามบิดามากราบคุณย่าทวดทำให้ต้องเจอเข้ากับคนหน้ายักษ์อย่างนรราชหลายครั้ง เขาชอบทำหน้าบึ้งใส่เหมือนอารมณ์บูดอยู่ตลอดเวลา เธอเลยชอบหลบอยู่ด้านหลังของบิดาเวลาเจอเขา นรราชจำต้องหอบฟูกนอนของตัวเองไปปูนอนอีกฝั่งหนึ่งของเตียงอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก นิรินนั่งอยู่บนฟูกนอนของตัวเองด้วยหัวใจเต้นแรง จะขอคุณย่าทวดออกไปนอนที่อื่นในเวลานี้ก็คงไม่ดีแน่ “อยากคุยอะไรกับย่าเหรอราชหรือเราจะมีเมีย” คนเป็นย่าเอ่ยถามขณะนั่งพิงไปกับพนักหัวเตียง หันไปสนทนากับหลานชาย หลานและเหลนมานอนด้วยแบบนี้ ท่านเลยยังไม่ง่วง อยากหาเรื่องคุยจนกว่าจะง่วง “เปล่าครับ” “อายุปูนนี้แล้ว คนอื่นเขามีลูกกันเป็นโขยงแล้วนะราช เราจะครองตัวเป็นโสดไปถึงไหนกัน” หญิงชราบ่นเบาๆ เข้าใจว่าหลานชายยังรักปักใจกับมุกดา มารดาของนิรินไม่จืดจาง จึงไม่อยากมีหญิงอื่นและครองตัวเป็นโสดเรื่อยมา แต่มุกดาแต่งงานกับสุทธิศักดิ์ แถมยังมีลูกเต้าไปแล้วด้วย ที่สำคัญก็คือเธอได้จากไปนานหลายปีมากแล้ว ท่านจึงอยากให้หลานชายลองพิจารณาผู้หญิงคนอื่นดูบ้าง ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวในโลก คนที่นิสัยดี เป็นคนดีก็ยังมีอีกมาก เคยแนะนำให้ก็ไม่เอา ไม่สนใจท่าเดียว ท่านล่ะหนักใจนักกับเรื่องนี้ “มีลูกกวนตัว มีเมียกวนใจจะตายไปครับคุณย่า” “ย่าไม่พูดกับเราแล้ว” หญิงชราค้อนหลานชาย ก่อนจะหันไปคุยกับ   เด็กสาวที่นั่งฟังตาปริบๆ อยู่อีกฟากของเตียง “นอนเถอะแม่เนย พรุ่งนี้ต้องตื่นมาทำกับข้าวใส่บาตรอีกไม่ใช่รึ” “ค่ะคุณท่าน” คนรับคำนั่งพับเพียบเรียบร้อยก่อนจะสวดมนต์และก้มลงกราบก่อนจะทิ้งตัวลงนอน เธอเผลอพลิกตัวตะแคงไปยังด้านที่นรราชนอนอยู่ เขาจ้องมองเธอตาไม่กะพริบ ก่อนจะตาโตเมื่ออ่านปากที่เขาพูดแต่ไม่มีเสียง นึกว่าจะหนีฉันพ้นเหรอ... เธอรีบพลิกตัวนอนตะแคงไปอีกด้านทันที จัดการดึงผ้าห่มมาห่มจนถึงคอ พยายามข่มตาให้หลับก็นอนไม่หลับเอาเสียเลย พอเคลิ้มๆ เธอก็สัมผัสได้ถึงปากร้อนรุ่มของใครบางคน นิรินทำท่าจะร้อง แต่โดนปิดปากเอาไว้ เธอตาโตอยู่ในความมืด เขาจุ๊ปากเบาๆ เบียดร่างสูงนอนมาบนฟูกเดียวกับเธอ “อย่าเสียงดังไปสิ เดี๋ยวคุณย่าก็ตื่นหรอก” เขากระซิบกระซาบอยู่ตรงริมหู เธอไม่ส่งเสียงแต่พยายามดิ้น เขาจึงรัดเอาไว้แน่นขึ้น “ตรงโน้นหนาว ขอนอนตรงนี้ด้วยคนนะ” “ไม่ได้ค่ะ” เธอกระซิบตอบกลับไป “แต่ฉันจะนอนตรงนี้” “เผด็จการแบบนี้แล้วลุงราชจะมาขอทำไมคะ” เธอพูดเสียงเบาแต่ประชดประชันอยู่ในที เขาไม่ยี่หระและไม่ทุกข์ร้อน รัดร่างเธอแน่นขึ้นไปอีก “นอนนิ่งๆ สิ เห็นไหมว่าฝนตกหนัก หนาวจะตายไป” เขากอดเอวบางเอาไว้แน่น ดึงรั้งเธอมากอดแนบอก “ลุงราชก็อย่ามากอดเนยสิคะ เดี๋ยวคุณท่านก็ตื่นมาเห็นเข้าหรอก”      เธอกระซิบตอบกลับไป สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆ ของเขาที่เป่ารดอยู่ตรงใบหน้าของเธอ “ถ้าขืนยังดิ้นอยู่แบบนี้ ฉันจะปล้ำเธอตรงนี้แหละ” เขากระซิบขู่ นิริน ได้ยินแบบนั้นก็นอนตัวแข็งทื่อในทันที เพราะกลัวเขาทำอะไรแบบนั้นจริงๆ “ลุงราช” เธอตะปบมือของเขาที่ล้วงเข้ามาในเสื้อนอนแล้วสัมผัสกับทรวงอกอวบอิ่ม “นอนนิ่งๆ สิ ฉันหนาว ขอที่ซุกมือหน่อย” คนหน้ามึนแถมยังซุกมาที่ซอกคอหอมกรุ่นกระซิบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า นิรินนอนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับหรือดิ้นแรงหรือแม้แต่ร้องโวยวาย เพราะกลัวเจ้าของห้องที่แท้จริงที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงจะตื่น “อยู่ในห้องคุณย่า ฉันไม่ทำอะไรหรอกน่า แต่ถ้าเป็นที่อื่นน่ะไม่แน่”     เขายังยั่วแหย่ ใจของนิรินอยากกัดมือเขาให้ขาดนัก แต่อีกใจก็กลัว นรราชยิ้มกริ่มสมใจที่ได้กอดร่างน้อยหอมกรุ่น ก่อนที่เขาจะหลับลงอย่างรวดเร็ว แต่พอคนที่อยู่ในอ้อมแขนขยับหนี เขาก็ตื่นขึ้นมากอดรัดเธอเอาไว้แนบอกอีกครั้ง นิรินนอนดิ้นไปดิ้นมาอยู่แบบนั้นจนเหนื่อยใจ แล้วเธอก็เผลอหลับตามเขาไปในที่สุด “ตายแล้วตาราช มานอนทำอะไรตรงนี้” หญิงชราที่ยังร่างกายแข็งแรงตื่นตอนหัวรุ่งเป็นนิตย์เอ่ยถามหลานชายด้วยน้ำเสียงตกใจ ท่านไม่เคยนอนตื่นสายเพราะติดนิสัยตื่นเช้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ลักษณ์นาราคิดเสมอว่าหากเราตื่นเร็วก่อนคนอื่น เราก็จะได้ทำอะไรได้มากกว่า เวลาไม่รอใคร การทำอะไรที่อยากทำแข่งกับเวลาจะได้กำไรในชีวิตมากกว่า หญิงชราคิดเสมอว่าการตื่นเช้าทำให้เราได้ทำอะไรหลายอย่างเยอะขึ้น คนเรามีเวลาเท่ากันยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่ที่ว่าใครจะแบ่งเวลาทำอะไรที่มีประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหน นิรินรีบผลักร่างของคนตัวโตที่นอนกอดเธอจนเกือบค่อนรุ่งออกไปอย่างตกใจ นรราชปรือตาขึ้นมาบิดตัวไปมาก็เห็นผู้เป็นย่ากำลังมองมาตาเขียวปัด “คุณย่าโกรธอะไรผมอีกครับ มองผมเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ” “ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยพ่อตัวดี ตื่นแล้วก็คุยกันให้รู้เรื่องก่อน เราไปนอนกอดแม่เนยแบบนั้นได้ยังไงกัน” “อ้าว... ผมมานอนตรงนี้ได้ยังไงกันครับ” นรราชทำหน้าตาเหลอหลาได้อย่างแนบเนียน นิรินได้แต่นึกค่อนขอดเขาในใจ “อย่าบอกย่านะว่าเรานอนดิ้นจากฟากโน้นของเตียงมาถึงฟากนี้”       คุณย่าประชดหลานชาย “ผมก็ไม่แน่ใจครับ สงสัยจะนอนดิ้นจริงๆ อย่างที่คุณย่าบอก คุณย่าก็รู้นี่ครับว่าผมชอบนอนดิ้น อ้อ... หรือตอนไปเข้าห้องน้ำผมง่วงมาก เลยกลับมานอนผิดที่ครับ นิรินเขาไม่ได้ว่าอะไรผมเลยไม่รู้ว่านอนผิดที่ ยังคิดอยู่เลยว่าทำไมอยู่ดีๆ มีหมอนข้างอุ่นๆ มาให้กอด” คนพูดตบต้นคอไปมาให้เหตุผลจนลักษณ์นาราต้องค้อนหลานชายอีกรอบ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD