7

1442 Words
“ทีหลังก็ดูด้วย แล้วเมื่อคืนไปนอนที่ไหนเหรอ” นัสรินทร์เอ่ยถาม “เอ่อ... คือว่าเนย” “จะไปนอนที่ไหนก็ไปเถอะ แต่ไม่ต้องมานอนกับพวกเรา” “พี่ๆ โกรธเกลียดหรือไม่ชอบอะไรเนยเหรอคะ ทำไมต้องไล่เนยออกจากห้องด้วย” เธอถามอย่างน้อยใจ “ไม่ต้องรู้หรอก ไปเถอะพวกเรา” ดมิสราเป็นคนตอบก่อนจะเดินหนี    ทำให้นิรินมองตามไปด้วยความสงสัย จนตอนนี้เธอก็ยังไม่เข้าใจว่าทำอะไรให้คนทั้งสามขุ่นข้องหมองใจ ปกติญาติๆ นั้นจะมีไมตรีจิตที่ดีต่อกัน ไม่มีใครทะเลาะเบาะแว้งกัน เธอเลยไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับใคร เพราะกลัวว่าเดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โดนหาว่าเป็นแกะดำเข้ากับใครไม่ได้ บิดามารดาของญาติสาวทั้งสามก็ดีกับเธอนัก เธอเลยไม่อยากพูดอะไรที่ไม่ดีทำให้ผู้ใหญ่ต้องเดือดเนื้อ ร้อนใจ บางทีเธอทำขนมไปง้อพี่ๆ ทั้งสาม พวกหล่อนอาจจะกลับมาใจดีกับเธอเหมือนก่อนก็เป็นได้ นิรินคิดว่าคืนนี้ไปนอนห้องบิดาก็แล้วกัน แต่เธออึดอัดเรื่องมารดาเลี้ยงท่านไม่ค่อยชอบเด็กมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทำให้ไม่ยอมมีลูก นิสัยของท่านก็ค่อนข้างถือตัวเอามากๆ ทำให้เธอไม่สนิทสนมกับท่านเลยแม้แต่น้อย นิรินครุ่นคิด หรือว่าเธอจะไปขอนอนกับป้าแม่บ้าน แต่ให้ป้าแม่บ้านปิดเป็นความลับ ลูกหลานมากมายทำให้ห้องนอนเต็มทุกห้อง คุณย่าทวดเองก็คงไม่รู้เรื่องของเธอ ไม่ใช่ความผิดของท่าน ถ้าไม่มีใครบอกท่านก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง คิดว่าลูกหลานปรองดอง สาวรุ่นๆ ก็นอนด้วยกันรักใคร่กลมเกลียว    คุณย่าทวดจะสอนให้ทุกคนรักกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกพี่ๆ รังเกียจไล่ออกมาจากห้องนอน “แม่เนยมาหาฉันหน่อยสิ” เสียงของคุณย่าทวดทำให้เธอต้องคลานเข่าเข้าไปหา “ค่ะ” “เป็นไงบ้าง เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม” คำถามของท่านทำให้นิรินอึกอัก ก่อนจะโกหกคำโต “หลับสบายดีค่ะ” “ไหนให้ฉันดูหน้าชัดๆ หน่อยสิ เหลนของฉันโตเป็นสาวสวยเชียว เรียนก็จบแล้ว เก่งจริงๆ เหลนคนนี้ เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเชียวนะ ดีๆ จะได้มาช่วยกันทำงาน” ท่านเชยคางเด็กสาวให้แหงนขึ้นสบตา เธอยิ้มให้ท่านอย่างเคารพรัก “คืนนี้ไปนอนกับฉันไหม จะได้คุยกัน” คำชวนของคุณย่าทวดทำให้นิรินยิ้มกว้างในทันที คำชักชวนให้ไปนอนด้วยกันคืนนี้คือเสียงสวรรค์มาโปรด เธออยากจะก้มลงกราบสักร้อยครั้งพันครั้งกับความดีใจในครั้งนี้ “ค่ะคุณท่าน” นิรินรีบรับคำ ญาติผู้ใหญ่คนอื่นๆ ที่นั่งคุยอยู่กันกับหญิงชราก็ซักถามถึงเรื่องการเรียนและการทำงานในอนาคตของเธอ นิรินนั่ง พับเพียบเอ่ยตอบอย่างนอบน้อมมีสัมมาคารวะ พร้อมทั้งหันไปยิ้มให้คุณย่าทวดอย่างฝากเนื้อฝากตัว บิดาเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆ เธอร้องไห้โยเย ท่านเป็นคนอุ้มและร้องเพลงกล่อมทำให้เธอสงบลง พอโตขึ้น นิรินจึงตามติดคุณย่าทวดลักษณ์นาราไม่ห่าง ญาติๆ ของเธอเป็นคนดีมีเมตตา เพราะเป็นเด็กกำพร้าเหมือนๆ กับบิดา หญิงชราจึงรักและเมตตาทุกคนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ใจของนิรินนั้นนึกลิงโลดที่จะได้รอดพ้นจากเงื้อมมือของนรราชในค่ำคืนที่จะถึงนี้ นั่นเป็นผลพลอยได้ที่เธอยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่งกับการเอ่ยชวนไปนอนค้างอ้างแรมด้วยกัน เพราะเวลาเธอมาเยี่ยมท่านก็มักจะไปนอนค้างกับท่านเพื่ออ่านหนังสือให้ท่านฟังอยู่เสมอ ในมื้อเย็นของวันนั้น นิรินเข้าครัวไปช่วยแม่ครัวทำอาหาร เธออยากจะตอบแทนหญิงชราจึงลงมือทำของโปรดของท่านสุดฝีมือ เพื่อเป็นการขอบคุณกลายๆ ที่ท่านได้ช่วยเธอเอาไว้ในค่ำคืนที่จะถึงนี้ การทำให้หญิงชรามีความสุขคือจุดมุ่งหมายสูงสุดของทุกคนในบ้าน เพราะท่านเป็นผู้มีพระคุณ เธอไม่ได้หวังผลอะไรจากสิ่งที่ทำ แค่อยากทำให้คนที่เคารพรักมีความสุขที่สุดเหมือนๆ กับบิดาและญาติๆ คนอื่นๆ แม้จะต่างสายเลือดกัน แต่ที่นี่ก็คือครอบครัวของเธอ มีพี่สาวทั้งสามเท่านั้นที่แปลกไป ไม่อยากคุยกับเธอเหมือนก่อน เอาจริงๆ เธอกับพี่ทั้งสามนั้นไม่ได้สนิทสนมกันมาก เพราะต่างคนต่างไปอยู่กับครอบครัวของตัวเอง นานๆ จะเจอกันสักครั้ง จึงไม่ได้รู้จักนิสัยใจคออะไรกันมากมายนัก “แกงจืดผักรวมนั่นแม่เนยเป็นคนทำ ของโปรดของย่าเลย กินแล้วคล่องคอ น้ำต้มกระดูกหมูรสชาติกลมกล่อม เคี่ยวจนน้ำใส ชิมดูสิราช” คุณย่าทวดของเธอบอกหลานชายสุดที่รักของท่านด้วยรอยยิ้ม “จะกินได้เหรอครับ” นรราชพูดลอยๆ ก่อนตักมาชิม “เป็นไง อร่อยใช่ไหมล่ะ” คนเอ่ยถามยิ้มละไม นรราชเผลอยิ้ม ก่อนจะยักไหล่เบาๆ “รสชาติก็งั้นๆ ล่ะครับคุณย่า แค่พอกินได้เท่านั้น” นิรินได้ยินดังนั้นก็เม้มปากเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะคลายออก เธอทำอะไรต้องไม่ถูกใจเขาอยู่แล้ว นิรินรีบหลบสายตาในทันทีที่เผลอเงยหน้าขึ้นมองสบดวงตาสีเหล็กกล้า ก่อนจะสะดุ้งเงยหน้ามองเขาอีกครั้งอย่างตระหนก คนบ้าเอาขาเลื้อยมาสัมผัสกับขาของเธอ เธอดึงขาหนี ในขณะที่เขาก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เบื้องล่างคือสงครามการตามราวีอย่างแท้จริง     และเธอก็หนีจนต้องเผลอขยับเก้าอี้ไปทางด้านหลังเสียงดัง “เป็นอะไรแม่เนย ขยับเก้าอี้เสียงดังขนาดนี้ คนอื่นเขาตกอกตกใจกันไปหมดแล้ว” มยุริญเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตำหนิเล็กๆ เพราะเห็นหลายคนสะดุ้งจากเสียงขยับเก้าอี้ของนิริน “ขอโทษค่ะ” คนพูดรีบก้มหน้าก้มตารับประทานอาหาร นึกค่อนขอดคนที่คอยกลั่นแกล้งเธออยู่ในใจ “เป็นอะไรหรือเปล่าแม่เนย” คุณย่าทวดเอ่ยถาม “ไม่มีอะไรค่ะคุณท่าน เนยขอโทษค่ะ” เธอรีบกล่าวขอโทษขอโพยยกมือไหว้คนอื่นๆ อีกครั้ง ญาติๆ ที่มาก่อนวันงานนั้นคือญาติที่ทำงานอยู่ที่ปักษ์ใต้ ส่วนที่อื่นนั้นยังเดินทางมาไม่ถึง ถ้าเดินทางมาถึงจริงๆ คงเต็มบ้านมากกว่านี้ เพราะว่าหลายคนต้องแยกย้ายกันไปทำงานหลายๆ ที่ คุณย่าทวดตามใจทุกคน อยากจะไปทำงานที่ไหน ทำงานอะไรก็สนับสนุนเต็มที่ บางคนไม่อยากดูแลธุรกิจก็ไปเป็นตำรวจ ทนายความหรือไปเป็นครูอยู่บนเขาก็มี ทุกคนรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาในตอนเย็น นิรินแอบเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอ เขามีสีหน้าเรียบเฉยไม่ใคร่จะอยากคุยกับญาติคนอื่นๆ นัก จะว่าเขาถือตัวก็ใช่หรือจะว่าเขาไม่ถือตัวก็ใช่อีก เพราะต่างคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันมากมายนอกจากรุ่นบิดาของเธอที่ค่อนข้างสนิทกันพอสมควร อีกอย่างคนมีปมในใจอย่างนรราชก็ไม่อยากสุงสิงกับใคร เมื่อใครถาม เขาก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง เรียกว่าถามคำตอบคำ จึงไม่มีใครกล้าเซ้าซี้กับเขานัก นิรินเดินตามคุณย่าทวดเข้าห้องนอนต้อยๆ เธอไม่เปิดโอกาสให้คนที่จ้องจะรังแกทำอะไรได้อีก “นอนกับคนแก่เบื่อไหมลูก” คุณย่าทวดเอ่ยถามอย่างเอ็นดู นิรินกำลังตบฟูกนอนเนื้อนุ่มอยู่ข้างๆ เตียงของท่านอย่างยินดีปรีดา “ไม่เลยค่ะคุณท่าน เนยต้องขอบคุณมากๆ ที่คุณท่านชวนมานอนด้วยกันแบบนี้นะคะ” “ขอบคุณทำไมเหรอจ๊ะ” ท่านขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยสีหน้าสงสัย นิรินจึงรีบพูดกลบเกลื่อน “ก็เนยจะได้มาดูแลคุณท่านก่อนนอนยังไงล่ะคะ” “ปากหวานเสียจริงแม่คุณ นอนเถอะจ้ะ พรุ่งนี้ฉันอยากจะตื่นใส่บาตรแต่เช้า” ท่านพูดอย่างเอ็นดู “พรุ่งนี้เนยจะรีบตื่นมาทำอาหารถวายพระนะคะ” “ดีจ้ะ ทำบุญทำทานเอาไว้ ชีวิตจะได้เจริญรุ่งเรือง” ท่านพูดยังไม่ทันขาดคำ ยังไม่ได้ล้มตัวลงนอนเสียด้วยซ้ำ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD