เสี่ยวจื้อยกถาดของว่างเข้ามา ด้วยท่าทีงงงัน
อินจิ๋นก้าวขึ้นจากเรือ ผลักถาดของว่างเบาๆ
“เอาไปกินเอง นายหญิงของเจ้าเอาใจยากเสียจริง”เสี่ยวจื้อยิ้ม งอนกันอีกแล้วเมื่อไหร่จะตกลงปลงใจร่วมหอลงโรงกันเสียทีเสี่ยวจื้อเบื่อที่จะต้องลุ้นแล้ว
“นายหญิง”ฟางหลันย่อกายลงตรงหน้าอันอันอีกครั้ง
“ยังไม่ถึงเวลาเจ้ารอก่อน”อารมณ์ไม่สู้ดีนัก
“นายหญิง นายหญิงเป็นนางหน้าพระพักตร์จะจัดหานางในถวายตัว ในเมื่อฝ่าบาทมีบัญชาให้ฟางหลันเข้าถวายตัว นายหญิงก็ควรจะเตรียมการให้ข้าตั้งแต่ตอนนี้”
อันอันยิ้ม
“องค์หญิงใหญ่ก็เพิ่งถวายตัวเมื่อวานเย็น แต่ฝ่าบาททรงไม่โปรดปราน ทั้งๆ ที่นางเป็นถึงองค์หญิงแคว้นฉี คุณหนูคิดว่าแค่เพียงบิดาเป็นขุนพลเช่นคุณหนู…..”มอง ฟางหลันด้วยสายตาเรียบเฉย อยากจะปรามนางว่า ไม่ควรรีบขึ้นวอทั้งๆ ที่แค่เพียง กำลังจะถวายตัว
“ท่านพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก ฐานันดรไม่มีผลอื่นใด ฝ่าบาทจะโปรดปรานหรือไม่ขึ้นอยู่กับลีลาและการปรนนิบัติบนแท่นนอน ซึ่งข้าเชื่อว่าข้าทำได้ดีกว่าคนอื่นไม่น้อย”นางช่างมั่นหน้ายิ่งนัก อันอันแค่เพียงถอนหายใจ
“เช่นนั้นข้าก็คงไม่มีอะไรจะติเตือนคุณหนูฟางหลัน ข้าต้องทำอย่างไรต่อจากนี้”
“นายหญิงท่านก็แค่ให้นางกำนัลขัดผิวให้ข้านานหน่อย หาน้ำอบที่กลิ่นหอมยั่วยวนแล้วก็หาอาภรณ์ที่ทำให้ข้าดูดี”อันอันยิ้ม
“เรื่องเหล่านี้ข้าทำหน้าที่นี้มาสองปีแล้ว เหล่านางในต่างรู้ดีว่าข้าดีกับพวกนางเพียงใดคุณหนูไม่ต้องกังวลจนต้องมากำชับข้า”
“ดีเพียงใดข้าหารู้ไม่ นายหญิงดีกับพวกนาง แต่แปลกจริงข้าไม่เห็นว่าฝ่าบาทจะโปรดปรานใครเป็นพิเศษหรือเรื่องเล่าลือนั้นจะเป็นความจริง หลายคนต่างพูดว่า นายหญิงอันอัน เก็บงำสิ่งที่รู้ว่าเสียครึ่งหนึ่งเพื่อกันว่าฝ่าบาทจะโปรดปราน นางในคนใดคนหนึ่งมากจนเกินไป”
“หุบปากเจ้าเสียคุณหนูฟางหลัน หากยังเรียกข้าว่านายหญิงไม่เช่นนั้นค่ำนี้ ข้าจะส่งนางในคนอื่นเข้าไปปรนนิบัติฝ่าบาทแทนเจ้า แค่เหตุผลเล็กน้อยที่ข้าจะแก้ตัวกับฝ่าบาท เกรงว่าฝ่าบาทคงจะเชื่อข้าได้ไม่ยาก”
เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับอันอันยิ่งกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วย ฟางหลันเหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังข้ามสะพานไม้ได้เพียงครึ่งไม่ควรจะขย่มสะพานไม้เกรงว่าสะพานจะหักเสียก่อนจึงนิ่งเงียบเสีย
“ไปรอที่พำนักของคุณหนูเสีย ข้าจะส่งนางกำนัลไปขัดผิว พรมน้ำอบให้คุณหนูในอีกสองชั่วยามก่อนจะมืด”
ก้าวเดินจากไป ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เจ้ากำลังเปิดศึกกับนายหญิงอันอัน
“เจ้านำอาภรณ์เหล่านี้ไปให้คุณหนูฟางหลันเลือก”ส่งอาภรณ์ให้กับนางกำนัล
นางกำนัลขมวดคิ้ว
“ไปได้แล้ว”ไล่ส่ง
“เดี๋ยว น้ำอบของคุณหนูฟางหลันเอาเป็นกลิ่นดอกมู่หลาน”นางกำนัลย่อกายจากไป
“
ฟางหลัน ยืนรอท่าในอาภรณ์สีเหลืองอ่อน อันอันยังสวมอาภรณ์ขันทีเช่นเดิม
“วันนี้ให้เสี่ยวจื้อนำเจ้าไป ข้า… รู้สึกไม่ค่อยสบาย”
ฟางหลันยิ้ม นางไม่ไปยิ่งดีเกลียดสายตาที่ฝ่าบาทมองนาง เหมือนมีบางอย่างในนั้น ทั้งเกรงใจและเว้าวอน
เสี่ยวจื้อก้าวเดินนำฟางหลันเข้าไปข้างในตำหนัก
อันอันหันหลังเดินกลับห้องของตัวเอง ทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ ปล่อยผมที่เกล้าไว้ให้ยาวสลวยละแผ่นหลังยกมือขึ้นกุมขมับมองใบหน้าของตัวเองในกระจกเงา
“อันอัน ไม่สวยแต่ขี้เหร่”
“นายหญิงฝ่าบาทเรียกหาท่านทรงกริ้วมากทีเดียว”เสี่ยวจื้อวิ่งเข้ามาในห้อง อันอันวิ่งกลับไปที่ห้องบรรทม ไม่ได้เกล้าผมรวบไว้ ด้วยความเร่งรีบสาวเท้าเร็วรี่
“อันอัน อันอัน”เสียงตวาดลั่น อันอันวิ่งเข้าไปยืนตรงหน้าประสานมือนิ่ง โกรธได้ก็โกรธไป ฟางหลันยืนตัวสั่น (อีกแล้ว) ก้มหน้านิ่ง อินจิ๋นยิ้มมุมปากใบหน้าบ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างที่สุด
“นี่คืออะไร”ชี้มือไปที่ฟางหลันที่สวมอาภรณ์สีเหลืองอ่อน อันอันเหลือบตามอง
“อันอันไม่เข้าใจ”น้ำเสียงเรียบเฉย
“เจ้าพลาดอีกแล้วอันอัน เสี่ยวจื้อพาบุตรีขุนพลจงเจี้ยนออกไป”อันอันยืนก้มหน้า
ฟางหลันกัดฟันจนเป็นสันนูน
อินจิ๋นเดินวนรอบตัวอันอันเสียสามรอบ
“คุกเข่า”อันอันทรุดกายลง กับพื้นคุกเข่าประสานมือ อินจิ๋นยิ้มยื่นหน้าไปตรงหน้าเชยคางขึ้นสบตากลม
“ร้ายยิ่งนัก”น้ำเสียงเอ็นดูเสียมากกว่าจะตำหนิ
“ฝ่าบาทอย่าทรงปรักปรำ”
“เจ้าให้นางสวมใส่อาภรณ์สีเหลืองที่ข้าเกลียดชัง ให้นางใช้น้ำอบกลิ่นดอกมู่หลานสีขาวที่เพียงแค่ข้าได้กลิ่นก็มึนเมา เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้ทันความคิดเจ้าหรือไร”อันอัน เสมองทางอื่นไม่ยอมสบตา
“อาภรณ์นั่นข้าให้นางเลือกเอาเอง นางบังอาจสั่งข้าว่าจะต้องเป็นอาภรณ์ที่ยั่วยวนฝ่าบาท ข้าก็ให้นางเลือกเอง ส่วนน้ำอบกลิ่นดอกมู่หลานสีขาว ข้าก็เห็นว่ามันหอมดีอีกทั้งกลิ่นหอมของมันยังยั่วยวนไม่น้อย”
อินจิ๋นอมยิ้ม ดึงร่างเล็กขึ้นมากอดแนบแน่น
“มู่หลานสีขาวกลีบหนาหอมชวนคลื่นเ**ยน กลีบบางสีขาวหอมสดชื่นยั่วยวน” กระซิบข้างหูเบาๆ
“อันอันมิใช่คนที่เตรียมน้ำอบ”ปฏิเสธหน้าตาย ยังหลบตาคม
“นางบังอาจสั่งเจ้าก็สมควรแล้ว ใครกล้าบังอาจสั่งเจ้าแม่อันอันของข้า ก็ต้องถูกเจ้าแม่อันอันแผลงฤิทธิ์เข้าใส่”น้ำเสียงอ่อนโยน
“ฝ่าบาท จะลงทัณฑ์ก็เชิญ”ขยับกายออกจากอ้อมกอด
“ลงทัณฑ์”กดริมฝีปากกับปากอวบอิ่ม อันอันผลักอกกว้าง แต่อีกคนกลับรั้งไว้
“ลงทัณฑ์เช่นนี้ ฝ่าบาทช่างเอาเปรียบอันอันยิ่งนัก”เช็ดริมฝีปากด้วยยังไม่หายโกรธ
“เห็นได้ชัดว่าเจ้าทำไปเพราะกลัวจะเสียข้าไป เลยหาทางจัดการนางไม่ให้ข้าพอใจในตัวฟางหลัน ก่อนหน้านั้น ข้าคิดว่าเจ้าไร้พิษสง ข้าไม่เคยรุ้มาก่อนเลยว่าเจ้า อาจจงใจให้ข้า ไม่อยากหลับนอนกับพวกนาง”
“ฝ่าบาทคิดไปเอง อันอันเป็นนางหน้าพระพักตร์ รู้ใจฝ่าบาทก็ย่อมทำให้ฝ่าบาทพอใจที่สุดเพื่อหน้าที่การงานและของกำนัล”พลิกร่างเล็กหันมาสบตา
“สบตาข้าสิแล้วบอกว่าข้าคิดไปเอง”
อันอันก้มหน้าเขินอายที่อินจิ๋นรู้ทันความคิด และไม่ยอมเชื่อเรื่องที่อันอันพูด
“บทจะงี่เง่าเจ้าก็ช่างน่ารักเหลือเกิน”
อินจิ๋น หยิบปอยผมที่ลงมาปิดบังใบหน้า ก้มลงจุมพิตที่หน้าผากเรื่อยลงมาที่แก้ม เสียงลมหายใจสั่นกระเส่า ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากอวบอิ่มอีกครั้ง
“บอกแล้วอย่างไรเล่าเมื่อสองปีก่อน ไม่ให้ปล่อยผมของเจ้าต่อหน้าผู้ใด”เสียงแหบแห้งอย่างที่ อันอันจำได้ขึ้นใจยามถูกใจหญิงใด
“อันอันไม่ได้ปล่อยต่อหน้าใครเสียหน่อย” ยังเง้างอน
“มีคนเห็นมากมาย ถึงใครไม่เห็นอย่างน้อยเสี่ยวจื้อก็เห็นเจ้าในสภาพนี้”
“ฝ่าบาท หาเหตุลงทัณฑ์อันอัน อยากปลดก็ปลดก็เท่านั้นอันอันจะไม่ร้องขอ”ปาดน้ำตาคิดไปไกลว่าอีกคนไม่อยากให้อยู่ใกล้แล้ว
“ข้าเป็นฮ่องเต้บอกว่าห้ามปล่อยผมของเจ้าให้ใครเห็นเจ้ายังขัดบัญชาข้า เช่นนั้นก็ควรจะปลดเจ้าเสีย”จูบซับน้ำตาอันอันหันหลังให้อินจิ๋นกอดรวบร่างบางจากด้านหลัง
“อันอันพร้อมจะจากไปทันทีฝ่าบาทปล่อยอันอันเสีย”ยิ่งกอดรัดไว้แน่น
“หากจะขอให้เจ้าอุ่นเตียงในคืนนี้ไม่ต้องจากไปไหนเล่า”น้ำเสียงยังสั่นกระเส่า
ฮึ จะปลดเพื่อ จะให้รับตำแหน่งนางใน คืนนี้ยังไม่มีใครกกกอดไม่สุขสม คงมึนเมากลิ่นดอกมู่หลานที่ส่งกลิ่นยั่วยวน เลยตั้งใจรวบหัวรวบหางอันอันเป็นแน่
“ฝ่าบาทใจร้ายที่สุด แม้แต่อันอันฝ่าบาทยังไม่ละเว้น แม้แต่อันอันฝ่าบาทยังจะให้ถวายตัวเป็นนางในแล้วก็ให้อยู่อย่างเดียวดายในวังหลังเหมือนนางในคนอื่นๆ ฝ่าบาทใจร้ายที่สุด”ผลักร่างใหญ่อย่างแรงวิ่งออกจากห้องไป อินจิ๋นถอนหายใจกลืนก้อนแข็งๆ ลงในลำคอ
“ข้าจะทำอย่างไรกับเจ้าดี อันอัน ใจข้า บัดนี้มีเพียงเจ้า”ทรุดกายนั่งลงบนแท่นบรรทม