อันอันลืมตาตื่นจากที่นอน ข้างกายว่างเปล่าทั้งๆ ที่เมื่อคืนรู้สึกถึงอ้อมกอดอบอุ่นทั้งคืนอ้อมกอดที่ไม่ยอมห่าง ถอนหายใจคงกลัวว่าใครจะมาพบเข้าแล้วนำไปครหา ก็อันอันแค่เพียงนางหน้าพระพักตร์จะมานอนร่วมแท่นนอนให้คน ครหาทำไมกัน
ยิ้มหยันให้กับตัวเอง อินจิ๋นจะรู้สึกอะไรแค่เพียงหาที่หลับนอนหลบกลิ่นอาเจียนขององค์หญิงใหญ่ก็เท่านั้น
“ใต้เท้าจิ้งอันอัน”ร่างสูงของขุนพลจงเจี้ยนประสานมือตรงหน้า อันอันเงยหน้าจากตำราในมือ ข้างกายมีสาวน้อยหน้าแฉล้มท่าทีแช่มช้อยดวงตาซุกซน
“ข้าน้อยคุณพลจงเจี้ยนและนี่บุตรีข้าน้อยฟางหลัน”ลอบมองใบหน้าของอันอันอย่างจงใจ สายตาพึงใจอย่างที่สุด
"ฟางหลันคารวะนายหญิง"ยิ้มทั้งม
ใบหน้าและดวงตา
"ท่านขุนพลมาถึงนี้เกรงใจยิ่งแล้ว"
"เราพ่อลูกตั้งใจมาคารวะใต้เท้าจิ้ง"อันอันเผลอยิ้มจงเจี้ยนกลับเขินอายรอยยิ้มของอันอันเหมือนดังว่าอันๆ ตั้งใจยิ้มให้เขาเปล่าเลยอันอันแค่เพียงเผลอยิ้ม
"ไม่ต้องเกรงใจเพียงนี้หากข้าต้องแบกรับความเกรงใจของพวกท่านเสียทั้งหมดเมื่อใครจะส่งบุตรีเข้าคัดตัวนางใน ป่านนี้อันอันคงต้องตอนรับผู้คนที่มาคารวะไม่เว้นแต่ละวัน"
"สำคัญยิ่งแล้วบุตรีข้าดวงไม่ดีเข้ามาพร้อมกับเครื่องบรรณาการอย่างองค์หญิงใหญ่ หลายวันมานี้ได้ยินว่าฝ่าบาทไม่ทรง….ร่วมแท่นนอนกับนางในแม้เข้าไปก็ไล่ออกมาหลายคนจึงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฝ่าบาทตั้งใจแต่งตั้งองค์หญิงใหญ่เป็นฮองเฮา"อันอันยิ้ม รู้ดีทุกอย่างแต่ไม่อาจพูดให้ร้ายองค์หญิงใหญ่อาเจียนรดแท่นบรรทมฝ่าบาทจนต้องมานอนร่วมห้องกับอันอัน
"หากเป็นเช่นนั้น ท่านก็สามารถยกเลิกการส่งบุตรีคัดตัวนางใน สองปีมานี้ฝ่าบาทไม่ได้บังคับให้ขุนนางต้องส่งบุตรีที่อายุถึงเกณฑ์ หากแต่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ"
"ฟางหลันเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวข้าส่งนางเข้าวัง จากนั้นจึงจะเดินทางกลับไปประจำการด่านชายแดนข้าไร้ฮูหยินเดิมตั้งใจกลับมาที่นี่เพื่อแต่งฮูหยินปีนี้ข้าก็36ปีแล้วยังไร้คนคอยเคียงข้างดูแล
..แต่คนที่ตั้งใจไว้แต่แรกกับปฏิเสธข้า"อันอันถอนหายใจนึกสงสารคนอาภัพรัก
"ใต้เท้ากำไลหยกที่มอบให้ท่านถึงมือท่านหรือยัง อยู่ในตำแหน่งนางหน้าพระพักตร์ห้าปีสิบปีกว่าจะได้พักพอกลับออกไปนอกวังก็โรยราไร้คนเหลียวแล ข้าอาสาดูแลท่าน" ทรุดกายลงคุกเข่าแววตาจริงใจ
"หากใต้เท้าไม่รังเกียจ มาเป็นฮูหยินข้าจะได้ไหมข้ายินดีปกป้องดูแลท่านไม่จำเป็นต้องลำบากทั้งกายใจในวังหลวง"อันอันอ้าปากค้างแววตาใสซื่อจริงใจของจงเจี้ยนบุรุษผู้นี้คงยังไม่เคยโอ้โลมหญิงใดให้หลงใหลคล้อยตามมีเพียงความจริงใจเช่นนี้เท่านั้น มิน่าคนที่เขาหมายปองจึงปฏิเสธที่จะแต่งกับคนซื่อๆ เช่นจงเจี้ยน ไปหาคนที่โอ้โลมเก่งเอาใจเก่งเหมือน..เหมือนอินจิ๋นผู้หญิงมักชอบบุรุษที่แสดงออกทางกายมากกว่าทางใจ
"ข้า ข้า"เหลือบตามองฟางหลันที่ยืนมองด้วยสายตาอ้อนวอนเช่นกัน
อันอันอยู่ในภาวะจำยอมจะปฏิเสธก็กลัวว่าจะทำร้ายน้ำใจคนที่จริงใจเช่นจงเจี้ยน
“อันอัน อันอัน” อินจิ๋นเดินเอามือไพล่หลัง พร้อมกับเสี่ยวจื้อ
“หือ ท่านขุนพลมาถึงนี่เชียวรึ”ตามองเลยผ่านไปยังฟางหลัน
“ข้าน้อยจงเจี้ยนถวายพระพรฝ่าบาท ข้าน้อยแค่เพียงแวะมาฟางหลันถวายพระพรฝ่าบาทเสีย ”ดวงตาคมของจงเจี้ยนจ้องมองอันอันที่ประสานมือแทนการจะย่อกายคิดไปเองว่าอันอัน วางตัวดีไม่ใกล้ชิดกับอินจิ๋นเกินไป อินจิ๋นยิ้มเอื้อมมือกุมมืออันอัน กระตุกดึงให้มายืนข้างกายเขา
"ฟางหลันถวายพระพรฝ่าบาท"เชิดหน้าสบตาอินจิ๋นอย่างไม่มีท่าทีเขินอาย อันๆ รู้ว่านางพลาดแล้วอินจิ๋นชอบคนที่ไร้เดียงสาเขินอายจนน่าหยอกเย้า
“อันอัน เจ้ารู้ใจข้า บางทีก็ดีบางครั้งก็ทำให้มีคนที่ตั้งใจจะหาผลประโยชน์จากการนี้ของเจ้า”จงเจี้ยนเสมองทางอื่นเสีย
"บุตรีของท่านขุนพล ถูกใจข้าไม่น้อย อันอันคืนนี้เตรียมให้นางถวายตัวไม่ต้องส่งเข้าฝึกการนางใน"อันอันถอนหายใจ ลืมไปเสียสนิทเรื่องเสียงแหบแห้งยามพบหญิงงามถูกใจ จะว่าไปเรียกเข้าในทันทีเท่ากับตัดโอกาสนาง คนที่พบแล้วถูกใจในครั้งแรกมักป็นสนมคืนเดียวแล้วก็ปล่อยให้เงียบหายไปกับสายลมสายน้ำ ต่างจากคัดตัวนางในที่มีโอกาสได้ฝึกฝนการปรนนิบัติและการเอาอกเอาใจอินจิ๋นในแบบที่อันอันสั่งสอนไม่แน่บางทีอาจถูกใจอินจิ๋นจริงๆ เข้าสักคน แต่ก็นั่นแหละอันอันอยู่ในตำแหน่งมาสองยังไม่เห็นว่าอินจิ๋นจะปล่อยใครกลับไปง่ายดายถูกใจเพียงใดก็เพียงให้อันอันบันทึกชื่อนางไว้ พอเช้ามักจะให้อันอันพาพวกนางไปชำระล้างช่องคลอดกันพวกนางตั้งครรภ์ทุกรายไป จะไม่ให้ถอนหายใจได้อย่างไรป่านนี้ไม่มีองค์รัชทายาทไม่มีฮองเฮาไม่มีสนมเรียกนางในเข้าไปทุกค่ำคืน ใครกันจะเป็นผู้โชคดีคนนั้นกันหนอ
"อันอัน ข้าหาคนเดินหมากเจ้าไปเดินหมากเป็นเพื่อนข้า ท่านขุนพลข้ารับบุตรีท่านถวายตัวคืนนี้แล้ว ท่านกลับไปเสียเรื่องบาดหมางระหว่างเราจบลงเท่านี้ ข้าไม่ถือโทษแต่อย่างใด"ดึงมืออันอันก่อนจะกอดรวบไหล่บาง พาเดินไปยังศาลาริมน้ำ
เสี่ยวจื้อหยิบกำไลหยกในอกเสื้อวางในมือให้จงเจี้ยนก้าวตามอินจิ๋นกับอันอัน
"ท่านพ่อ ฝ่าบาททรงกันนางออกจากท่านพ่อ"ฟางหลันกล่าวเบาๆ
"ข้าเห็นแล้วแววตาของฝ่าบาทยามมองนางสื่อความหมายลึกซึ้งเกินนางหน้าพระพักตร์ เช่นนั้นนางน่าสงสารที่สุดเป็นคนของฝ่าบาทถูกกักขังทั้งร่างกายและหัวใจ ย้งต้องทนแบกรับภาระจัดหานางในให้กับคนที่ตัวเองชื่นชม"
"ฟางหลันจะปลดนางออกจากพันธนาการนั้นเอง"จงเจี้ยนหันมองหน้าบุตรีบุญธรรม
"ฟางหลันจะทำให้ฝ่าบาทแต่งตั้งฟางหลันเป็นฮองเฮาแล้วปล่อยนางไปเสีย ท่านพ่อก็คอยปลอบใจนางต่อจากนี้"
ฟางหลันกับจงเจี้ยนต่างกันราวฟ้ากับเหวเป็นนางที่อาสาเข้ามาถวายตัวเพื่อช่วยจงเจี้ยนที่ซื่อตรงจนเกือบจะเป็นโง่งม
ศาลาริมน้ำ
"ข้าอยากนั่งเรือเจ้าพายเรือเป็นไหม"อันอันพยักหน้า
"เสียวจื้อไปที่ห้องเครื่อง สั่งของว่างยามบ่ายที่ศาลา"เสี่ยวจื้อยิ้มอย่างรู้ทันวิ่งหายลับไปทันที บัวหลวงสีชมพูออกดอกชูช่อหนาทึบทั้งใบทั้งดอก
อินจิ๋นก้าวลงไปในลำเรือดึงมืออันอันตั้งใจให้อกนุ่มชนเข้ากับอกกว้างของเขานิดหนึ่งหน่อยนึงก็ชื่นหัวใจ คนมันปักใจอดกลั้นได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว อันอันล้มลงไปบนอกกว้างอินจิ๋นยิ้มกรุ้มกริ่มสัมผัสได้ถึงเนินเนื้อนุ่มยุ่น
"อือ ดีจริง"นอนหงายบนลำเรือร่างอวบอั๋นของอันอันทับอยู่ด้านบนมือสองข้างกดเอวให้แนบชิดไม่ให้ขยับกาย
"ฝ่าบาท"ดิ้นรนขยับกายยิ่งขยับกายร่างอวบอั๋นยิ่งถูไถที่จุดยุทธศาสตร์
"ดิ้นๆ แบบนี้ ข้ายิ่งคิดเตลิดไปไกล"
"ปล่อยอันอันเสีย อันอันเป็นนางหน้าพระพักตร์"ส่งเสียงเข้ม อินจิ๋นถอนหายใจ
"เมื่อไหร่จะเลิกกำหนดกฎเกณฑ์เสียที"
กอดรัดแน่นขึ้นกว่าเดิมอันอันยิ่งดิ้นยิ่งรัดแน่น ผงกศีรษะจุมพิตที่ปากอวบอิ่ม อันอันยังดิ้นรนลำเรือโยกคลอนแต่อินจิ๋นกับพลิกร่างอวบอิ่มลงใต้ร่างเขาบดเบียดริมฝีปากอย่างไม่อาจห้ามใจเรือน้อยไหลเรื่อยหลบเข้าไปใต้ใบบัวหนาจนมองไม่เห็นด้วยแรงขยับกายของคนสองคนบนลำเรือ
จูบรุกเร้ากลายเป็นอ่อนหวานนุ่มนวล ขมเม้มริมฝีปากลิ้นอุ่นซอกซอน อันอันพยายามหลบหลีกลิ้นอุ่นที่ตวัดรัดลิ้นเล็กด้วยความกระสันกลายเป็นเร่งเร่าให้อีกคนยิ่งรู้สึกอยาก มือบางถูกรวบตึงไว้เสีย
ปากซุกซนกัดแกะกระดุมออกจนถึงยอดถันสีชมพู อินจิ๋นกลืนน้ำลายลงคอจมูกโด่งกดเข้าที่ร่องเนินเนื้อแน่นสูดดมกลิ่นกายสาวก่อนจะขบกัดเม็ดบัวสีชมพู คราวนี้อันอันถึงกับดิ้นพล่าน ลิ้นอุ่นวนรอบเม็ดบัวน้อยกระดกลิ้นขึ้นลงสัมผัสเม็ดบัวแข็ง พร้อมกับรอยยิ้มเมื่อเห็นว่า ร่างอวบอิ่มดิ้นพล่านแกะกระดุมต่ำลงไปเรื่อยๆ ลิ้นอุ่นไล่ลงไปด้านล่างอันอันยกมือขึ้นปิดหน้าท้องเรียบเนียน
"คราวหลัง..อย่างได้มาตั้งกฎเกณฑ์กับข้า หากข้าต้องการเจ้าข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไว้"
"ฝ่าบาท จะทำแบบนี้ไม่ได้"ริมฝีปากถูกปิดอีกครั้ง แต่คราวนี้อินจิ๋นใช้มือติดกระดุมที่อกเสื้ออย่างชำนาญจูบซอกซอนไม่ปล่อยถอนริมฝีปากออกเมื่อเห็นว่าอันอันไม่ขัดขืนแล้วยิ้มยียวน
"เจ้าก็รู้ว่าข้าซ่ำซองเรื่องแบบนี้เพียงใดคราวหลังอย่าได้เหิมเกริมมาตั้งกฎเกณฑ์กับข้าอีกไม่อย่างนั้น หากมีอีกครั้งข้าไม่หยุดเท่านี้แน่"กดริมฝีปากที่ปากที่ปากอวบอิ่มหนักหน่วง
อันอันผลักร่างใหญ่อย่างแรง
"นี่เจ้า ข้าชักจะหมดความอดทนกับเจ้าแล้วเดี๋ยวข้าจับทำเมียเสียตรงนี้เลย หากไม่ติดที่อยู่บนเรืออย่าคิดว่าจะหนีพ้น"จะบอกอย่างไรว่าน้ำเกือบทะลักแค่เพียงขบกัดเม็ดบัวใช้ลิ้นตวัดหน้าท้องเนียนเขาอดกลั้นจนจุก หากปล่อยให้ทะลักตอนนี้อายอันอันแย่ เขารึอุตส่าห์รีบติดกระดุมเสียจะได้ไม่ต้องหลั่งน้ำหากมองต่ำลงไปกว่านั้นอินจิ๋นคงไม่อาจห้ามใจ ครั้งแรกของเขากับอันอันจะต้องไม่ใช่แบบนี้จะต้องดีที่สุด ดีกว่าร่วมหลับนอนกับนางในทั่วไปจะต้องในห้องหอเท่านั้นก็อันอันเป็นคนสำคัญของเขา
"ฝ่าบาทร้ายกาจร้ายกาจที่สุดมีนางในมากมายยังเห็นอันอันแค่เพียงของเล่น"ถอนหายใจ
"เจ้าบอกเองมิใช่หรือว่าเจ้าเป็นนางหน้าพระพักตร์"
"นางหน้าพระพักตร์ไม่ใช้นางบำเรอ"ผลักร่างสูงอีกครั้ง ดันลำเรือให้เข้าหาฝั่ง อินจิ๋นกอดรวบจากด้านหลังกดจูบที่ไหล่บาง
"เมื่อไหร่จะเข้าใจเสียที ว่าข้า...ขาดเจ้าไม่ได้"เรือชนตลิ่งเสียแล้วอันอันแกะมือออกวิ่งขึ้นฝั่งหายลับไปกับตา (จูบที่ไหล่หมายถึงคำสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไปคล้ายๆ เป็นคำสัญญาอย่างหนึ่งเหมือนกันฉะนั้นการจูบที่ไหล่เมื่อเจอหญิงที่รักและอยากอยู่ด้วยกันตลอดไปการจูบที่ไหล่จึงเป็นสัมผัสพิเศษที่อยากมอบให้หญิงที่รักเพื่อบอกเธอว่าอย่างอยู่เคียงข้างเธอนะตลอดไป)