“ฉันแค่เห็นใจเขานะ ฉันรู้ดีว่าความเศร้าเป็นยังไง” พบูไม่เคยมีใครปลอบใจ อ้อมกอดที่หวังเป็นที่พึ่งก็ทยอยหายไป ตอนนี้เธอพึ่งพาได้แค่ตัวเองเท่านั้น
“ถึงเวลาพักแล้ว คุณควรไปพักก่อนนะบู” เกื้อสะกิดเตือนตอนเกือบสิบแปดนาฬิกา พบูพยักหน้า ถอดผ้ากันเปื้อนพาดไว้ตรงราวด้านหลัง
“ถึงว่า หิวชะมัดเลย” พบูเดินเลยไปตามทางที่เกื้อบอกไว้ ด้านหลังกำลังวุ่นวาย มีพนักงานหลายคนมาถึงก่อนหน้าเธอ พบูหยิบจานเดินไปต่อแถว มีหลายคนหันมามองเธอ แล้วก็หันไปซุบซิบกัน พบูสูดลมหายใจลึกๆ พยายามไม่สนใจเสียงน่ารำคาญนั่น
จนกระทั่ง...
“เด็กใหม่เหรอ หน้าตาดีนี่” ผู้ชายรูปร่างปราดเปรี้ยว อายุอานามไม่น่าแก่กว่าเธอ แต่คำวิจารณ์นั่นทำให้พบูเริ่มไม่พอใจนิดๆ
“ฉันไม่เอากะหล่ำปลีนะ หมอห้าม” พบูชี้ไปที่ผัดผัก มีผักต้องห้ามที่เธอกินไม่ได้
“อนามัยจัดเสียด้วย ได้ข่าวว่าเป็นแค่พนักงานพาร์ทไทม์ใช่ไหม จะทำครบเจ็ดวันหรือเปล่า ได้ข่าวลูกค้าผู้ชายติดตรึมเลยนี่” คำกระเซ้าที่ค่อนข้างคุกคามยังดังไม่หยุด
พบูมองหน้าชายผู้นั้นตรงๆ “เป็นเซฟเหรอ เป็นเซฟน่ะ ควรสนใจแค่เรื่องทำอาหารก็พอนะ อย่าสอดรู้เรื่องชาวบ้านนักเลย” หลังพบูพูดจบ เธอก็ยังมองหน้าเหมือนท้าทายชายผู้นั้นต่อ
“ปากดีนะ ทำหน้าที่ตัวเองให้ได้อย่างปากก็พอ”
“เหลืออีกหกวันนะ คอยจับตาดูฉันดีๆ ละ ห้ามพลาดสักช็อตเลยด้วย” พบูตอบคำถามด้วยความท้าทาย เธอเดินถือจานเลี่ยงไปนั่งคนเดียว ความหิวของเธอลดลงเกินครึ่ง
“เอ้า ขอโทษที่เสียมารยาท ผมก็แค่ไม่อยากให้คุณทำให้พี่ผมเหนื่อยมากขึ้น” แก้วน้ำเย็นเฉียบถูกกระแทกวางตรงหน้า หลังจากนั้นคำพูดมากมายก็พรั่งพรูออกมา
“พี่” เรียวคิ้วขมวดเป็นปมตอนที่เงยหน้ามองสบตาชายแปลกหน้า
“ใช่ พี่เกื้อเป็นพี่ชายผม” เก้าทรุดนั่งฝั่งตรงข้ามพบู
“อ้อ ไม่ทำงานของตัวเองหรือไง แอบมาอู้แบบนี้เดี๋ยวโดนเซฟดุหรอก” พบูเตือนแล้วก็กินต่อ
“ถึงเวลาเลิกงานของผมแล้ว ผมจะทำอะไรไปที่ไหนก็ได้” เก้าตอบ แล้วก็ล้วงอะไรบางอย่างจากอกเสื้ออกมายัดใส่ปาก
“หิวทำไมไม่กินให้เป็นเรื่องเป็นราว กินแต่ของจุบจิบเดี๋ยวก็อ้วนหรอก” พบูเตือน ขนมขบเคี้ยวที่ชายตรงหน้ายัดใส่ปากไม่มีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการเลย
“ผมทำงานหนัก ต้องการน้ำตาลไม่ใช่โปรตีน” เก้าเถียงกลับ
พบูอมยิ้มไม่ได้ตอบโต้ พอดีกับที่ใครบางคนเดินมานั่งด้วย พร้อมกับอาหารจานพิเศษ “คุณไม่กินกะหล่ำปลีเพราะกำลังรักษาไทรอยอยู่ใช่ไหมครับ” ฝรั่งรูปร่างใหญ่ ท่าทางใจดีหย่อนก้นนั่งแล้วเสือกจานอาหารให้กับเธอ
พบูยิ้มให้ “คุณรู้ได้ยังไงคะ?”
“เคยเป็นน่ะ อันนี้ทำมาให้ รับรองอร่อย” อดัมตอบ แล้วก็หันไปทักทายเก้าที่เป็นผู้ช่วยของเขา
“ธรรมเลิกงานจะไม่เห็นหัวเลย ทำไมวันนี้ยังอยู่?”
พบูหัวเราะ “เขามาแขวะฉันค่ะ เขากลัวว่าฉันจะทำงานไม่ทนแล้วพี่ชายจะเหนื่อย”
อดัมหันกลับมามองหน้าพบู “อ้อ เป็นบาร์เทนเดอร์คนใหม่นี่เอง ตาเผ่าพูดให้ฟังอยู่เหมือนกัน”
“ลุงเผ่าเขานินทาฉันว่าไงบ้างคะ?”
“จะว่าไงได้ ก็ชมน่ะสิ ชมว่าสวยแล้วก็เก่งด้วย” อดัมหัวเราะร่วน เก้าแอบเบ้ปาก เขาไม่เคยไว้ใจผู้หญิงหน้าตาดีที่ทำงานร่วมกับพี่ชาย ส่วนใหญ่เป็นนักตกทอง พอจับผู้ชายรวยได้ก็ทิ้งให้เกื้อทำงานคนเดียว
“นี่เธอ ไปช่วยเกื้อสิ กลัวพี่เหนื่อยไม่ใช่หรือไง” พบูกระเซ้าเก้าที่นั่งหน้าหงิกอยู่ข้างๆ อดัม
“เจ้าเด็กคนนี้ไม่ชอบไปเกาะแกะแถวนั้นหรอก หากไปทำขวดเหล้าแตก ทำงานทั้งเดือนยังใช้คืนไม่หมดเลย” อดัมตอบแทนเก้า เพราะเก้าเคยก่อเหตุแบบนั้นมาแล้วครั้งหนึ่ง
“นั่นสิคะ ฉันยืนตัวเกร็ง กลัวเผลอไปทำขวดเหล้าแตก เหล้าอะไรไม่รู้แพงชะมัด กินแล้วก็เมาเหมือนกันแท้ๆ” พบูบ่นตาม
เก้าขยับเข้ามาใกล้ “ใช่มั้ย คุณก็กลัวทำขวดแตกใช่ไหม เหล้าพวกนั้นไม่น่าแพงขนาดนั้นเลย แค่น้ำที่ผสมแอลกอลฮอล์แค่นั้นเอง” เก้าบ่นอุบ
อดัมท้วง “ไม่ใช่แค่น้ำที่ผสมแอลกอฮอล์สิ กว่าจะกลั่นออกมาได้สักขวด ผ่านกรรมวิธีตั้งหลายอย่างแค่เราไม่เคยรู้ ไหนจะค่าจ้างคนงาน ค่าวัสถุดิบ ไหนจะต้องจ่ายค่าทางการตลาด มันก็เหมือนผักผักนี่แหละ ผัดกับน้ำมันเฉยๆ จะอร่อยหรือไง”
เก้าย่นจมูกแม้ไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่มีเหตุผลที่มีน้ำหนักคัดค้าน
“ความชอบของคนไม่เหมือนกันเนอะ สำหรับบูนะคะ ถ้ามีพิชซ่าสักถาด กับบรั่นดียี่ห้อดังสักขวด บูเลือกพิชซ่าค่ะ อิ่มท้องดีกว่า ดื่มแล้วก็ฉี่ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย”
เก้าหัวเราะ รู้สึกถูกชะตากับพบูมากขึ้น
“ขอบคุณนะคะเซฟ ได้เวลาที่บูต้องกลับไปทำงานแล้ว” พบูลุกขึ้นยืน ถือจานไปวางตรงที่ล้างจาน แล้วก็เดินออกไป เก้าวิ่งตามมาติดๆ
“ผมไปด้วยนะ”
“ไม่กลัวทำขวดเหล้าแตกเหรอไงหะ?” พบูย้อนถาม
“ผมจะระวัง แต่ไม่รับประกันนะ” เก้าตอบหน้าตาเฉย
“ไม่ได้สิ ห้ามทำแตกเด็ดขาด มันไม่คุ้มสักนิดที่จะเอาหยาดเหงื่อของเขาไปแลกกับน้ำเมาไร้ประโยชน์นั่น” พบูตอบเสียงขึงขัง
“ทำไมมาด้วยกันได้” เกื้อเหลือบมองเมื่อเห็นน้องชายก็อดถามไม่ได้
“มาช่วยบูสิ เดี๋ยวเกื้อไปพักบูอยู่คนเดียวตายแน่” พบูตอบแทน เก้าเลยทำแค่ยิ้ม
“มาช่วยหรือมาป่วน หมอนี่ซุ่มซ่ามจะตายไป”
“เกื้อลากเก้าอี้ตรงนั้น มาไว้ตรงนี้ทีสิ เก้าจะได้นั่งเฉยๆ ไม่เดินเกะกะจนเผลอทำขวดเหล้าแตก” พบูแนะนำ และเกื้อก็ยอมทำตาม
“อย่าใจดีนักนะคุณ ไอ้หมอนี่มันจะได้ใจ” เกื้อปรามน้องชายด้วยสายตา
“ไม่เป็นไร อย่างน้อยเก้าก็ช่วยให้บูอุ่นใจในระดับหนึ่ง” เวลาผ่านไปสักพัก ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เริ่มเมา การมีผู้ชายสักคนใกล้ตัว ก็ช่วยให้พบูอุ่นใจขึ้น
“พี่เกื้อ ทำไมโหลนี้ทิปเยอะจัง?” เก้าแทรกถาม
เขาไม่เคยเห็นพี่ชายได้ทิปจากลูกค้าเยอะขนาดนี้
พยูยิ้มมุมปาก แล้วก็ไหวไหล่ “ฝีมือ”
เก้าเบิกตาโต มองพบูแบบไม่อยากเชื่อตา
“จะอยู่จนถึงตอนเลิกงานเลยไหม จะได้รู้ว่าจะต้องแบ่งทิปกันคนละเท่าไหร่” พบูถามพร้อมกับยิ้มมากขึ้น เก้าขมวดคิ้วจนหัวคิ้วเกือบเป็นรูปโบ
“แบ่ง”
“ใช่ แบ่งกัน แต่หารสามนะ แบ่งให้เกศด้วย”
“เกศ อ้อ คนที่เป็นสาวเสิร์ฟโซนริมสระน่ะเหรอ?” เก้าครางในลำคอท่าทางตื่นเต้นแทบปิดไม่มิด
“ใช่ คนนั้นแหละ”
“อยู่ถึงตอนนั้นไม่ได้สิ ต้องรีบตื่นแต่เช้า ผมเริ่มงานตอนตีห้า” เก้ามีสีหน้าเสียดาย เขาทำงานตั้งแต่ตีห้าจนถึงสิบเจ็ดนาฬิกา แต่กว่าจะได้เลิกงานจริงๆ ก็เกือบสิบแปดนาฬิกานั่นแหละ
“ขยันจัง แต่บูขยันกว่า สมัยเรียนบูนอนเต็มที่แค่สองสามชั่วโมงเอง” พบูคุยข่ม เธอผ่านความลำบากแบบนั้นมาแล้ว พอหันกลับไปมองตอนนั้น เธอก็เก่งไม่ใช่เล่น
“เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยเหรอครับ?” เก้าถามแววตาวิบวับ
“ใช่ เหนื่อยหน่อย แต่เมื่อสำเร็จก็โคตรภูมิใจเลยนะ”
ระหว่างที่ชวนเก้าคุย พบูก็ชงเครื่องดื่มตามที่ลูกค้าสั่งไปด้วย ท่าทางคล้องแคล้วจนเก้ามองเพลินไป จนกระทั่ง...
“ขอ...ขวด ส่งที่โซฟาครึ่งวงกลม” เคเดนเดินมาสั่งบรั่นดีให้เจ้านาย เขามองพบู แล้วก็มองเลยไปที่เก้า
“ขอโทษนะคะ ตอนนี้ฉันไม่สะดวก คุณลูกรออีกสักชั่วโมงได้ไหมคะ?”
ตอนที่ 6.แผนล่อเหยื่อ
เคเดนมองสบตาแม่สาวใจกล้าที่กล้าต่อต้านอาเชอร์ เขาอมยิ้ม แล้วก็เผยอปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่...
“พี่บู ให้ผมเอาไปให้เองก็ได้” เก้าเสนอตัว
พบูส่ายหน้า เธอรู้สึกแปลกๆ ชายตรงหน้ามีแววตาหลุกหลิก เหมือนเขากำลังวางแผนอะไรอยู่
“อย่าเลยเก้า เหล้าขวดนี้แพงนะ เกื้อบอกว่าราคาเท่ากับคฤหาสน์หนึ่งหลังเลย” เหมือนพบูจะพอเดาเจตนาของชายผู้นี้ออก หากเก้าเป็นคนนำขวดเหล้านี้ไปเสิร์ฟ แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ ผู้ชายน่าสงสารคนนี้คงไม่มีปัญญาชดใช้