ตอนที่ 5.เมื่อต้องเผชิญหน้ากับวายร้าย

1529 Words
“ลูกค้าให้ทิทำไมไม่รับไว้ละ!!” ป่านตอบเสียงกระแทก “อ้อ...” พบูลากเสียงยาวเหยียด เธอยื่นถาดไปตรงหน้าดีน แล้วก็แสยะยิ้ม “วางตรงนี้ค่ะ” ดีนหยิบสตางค์วางบนถาดแบบงงๆ ตอนที่พบูหมุนตัวกลับและเดินจากไป เขาก็ยังงงไม่หาย มีคนเดียวที่เก็บอาการอยู่ อาเชอร์ทั้งขำ ทั้งโมโห เขาฉวยบรั่นดีมารินใส่แก้วแล้วก็เอนตัวจิบบรั่นดี ด้วยท่าทางสบายอารมณ์ “ยัยนั่นแปลกๆ ว่าไหมวะ!!” ดีนกระซิบถามอาเชอร์ “น่าสนใจดี” เขาตอบกลับเสียงเรียบ เคเดนถึงกับขมวดคิ้ว หากเขาไม่ได้จับตามองเจ้านายมาสักพัก เขาคงไม่รู้มีทางรู้ ความสนใจของเจ้านายที่มีต่อหญิงผู้นั้นไม่ธรรมดาเสียแล้ว “น่าสนใจ บ้าเหรอวะ!! หล่อนต้องเป็นแม่มดแน่ๆ หล่อนสะกดผม จนผมเผลอหยิบสตางค์วางบนถาด ตามที่หล่อนสั่งด้วยนะ” ดีนโวยเสียงแหลม เขาไม่เคยถูกใครสั่งมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ดีนรู้สึกว่าตัวเองตกเป็นเบี้ยล่าง “แค่สาวเสิร์ฟจะใส่ใจทำไม” อาเชอร์เปรยลอยๆ เขากดยิ้มมุมปาก ท่าทางถือดีนั่นไม่เข้ากับหล่อนสักนิด เขาเคยคิดว่าหล่อนยิ่งใหญ่ ที่ไหนได้ ก็แค่คนงานระดับล่าง ที่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน คนระดับนี้ยอมก้มศีรษะให้กับเงิน หากเขาต้องการหล่อน งานนี้ก็คงไม่ยากนัก “เคเดน จัดการให้หน่อยนะ” อาเชอร์สั่งสั้นๆ แล้วก็หลับตาฝันหวาน “เชอะ!! รวยตายละ” พบูบ่นพึมพำ พอเข้าไปอยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์ เธอก็ค่อยรู้สึกหายใจคล่องขึ้น เธอพยายามดึงเอวกระโปรงช่วงสะโพกให้ยืดขึ้นอีกสักเล็กน้อย แต่มันคงไม่มีทางเป็นไปได้ ชุดที่เธอสวมใช้ผ้าฝ้ายคอนตอน ที่ช่วยเรื่องระบายความร้อนแต่ไม่ใช่ผ้าที่ยืดหยุ่นเลย “ไง แก๊งนั้นทิปคุณหนักไหมบู?” เกื้อกระซิบถามแล้วก็ยิ้ม “สองตระกูลนี่ไม่ถูกกันหรอก เขาชอบข่มกันบ่อยๆ แต่น้อยครั้งนะที่จะเจอตัวพ่อมาเผชิญหน้ากันแบบนี้” พบูเอียงคอมองแทนคำถาม “ทายาทฟลินต์คือคุณอีริค ส่วยทายาทเคอร์ตีสก็คือคุณอาเชอร์” พบูมองตามสายตาของเกื้อไป เธอยกมือขยี้ตา พยายามคิดเข้าข้างตนเอง คงไม่ใช่หมอนั่นหรอกมั่ง ท่าทางเขาดูดีก็จริง แต่ไม่น่าใช่คนมั่งคั่งตระกูลนั้นหรอก “ผู้ชายผมสีบอร์นใช่ไหมเกื้อ เคอร์ตีสน่ะ” เกื้อส่ายหน้า “ไม่ใช่ คุณอาเชอร์ผมดำ แม่ของเขาเป็นคนเอเซียนี่แหละ ไม่แน่ใจว่าฟิลิปินหรือไทยนะ” พบูแอบเบ้ปาก เธอจุดไต้ตำตอเข้าจังเบอร์ บางที่การทำงานบนเรือนี่ก็คงไม่ใช่ที่ทางของเธอ แค่วันแรก เธอก็สร้างปัญหาและเกือบมีอริที่ไม่มีทางสู้อีกแล้ว “เกื้อๆ ถ้าหารสาม เราจะแบ่งกันคนละแปดหมื่นเลยนะ” พบูตาโตหลังเทโหลทิปออกมานับ ทิปหนักๆ ของเธอมาจากตระกูลผู้มั่งทั้งสองเจ้า “หารสาม ใครอีกคนเหรอคุณ?” เกื้อย้อนถาม “เกศไง สาวเสิร์ฟที่รับบูเป็นเพื่อน” เพื่อนพบูมีไม่มาก น้อยคนที่จะยอมคบค้ากับเธอ เพราะความจนของเธอนั่นเอง “เกศน่าสงสารพอๆ กับบูเลย” “ถ้าคุณจะแบ่งให้ผม ก็ต้องเอาทิปของผมไปรวมด้วยสิ” เกื้อแย้ง “ไม่ได้หรอก เอาเปรียบเกื้อตายเลย บูต้องแบ่งให้เกศได้ เกื้อเก็บของเกื้อไว้เถอะ เกื้อเองก็คงมีความจำเป็นต้องใช้เหมือนกัน” พบูส่ายหน้าปฏิเสธเสียงแข็ง “งั้นก็ได้ แต่ผมคิดว่า คืนนี้น่าจะได้มากกว่านี้นะคุณ เวลาทำงานยังไม่ถึงครึ่งเลย” เกื้อพูดยิ้มๆ สงครามเพิ่มเริ่มต้น เวลาอีกยาวนานกว่าจะถึงเวลายุติ ท่าทางที่บ่งบอกความเป็นปรปักษ์กันนั้น เค้าลางความวุ่นวายคงตามมาในไม่ช้า “นี่เธอ บอกไว้ก่อนเลยนะ อย่ามาอ่อยคนของฉัน!!” ป่านเดินเข้ามาหาพบู และชะโงกหน้ามาพูดใกล้ๆ แต่น้ำเสียงบ่งบอกความไม่พอใจสุดฤทธิ์ “ป่าน อย่ามาระรานกัน คุณเขาไม่เหมือนเธอหรอก” เกื้อปรามเพราะรู้จักป่านดี พบูเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง “คนของเธอ? ใครเหรอ?” แล้วก็ย้อนถามเสียงเรียบ “คุณอาเชอร์ ฉันเจอเขาก่อน และฉันจองแล้ว” ป่านตอบเสียงแข็ง พบูพยักหน้า “กันไว้ให้ดีละ อย่าปล่อยให้เขามาเกาะแกะฉันด้วย” ป่านแยกเขี้ยวใส่แล้วก็กระแทกเท้าเดินเลี่ยงไปอีกทาง พบูมองตามแล้วก็รู้สึกอดสูในใจ ผู้หญิงบางคนลดคุณค่าในตัวเอง โยนศักดิ์ศรีทิ้งเพียงเพราะอยากสบาย “อย่าสนใจเลย ความคิดคนเราไม่เหมือนกัน ป่านอาจจะมีเหตุผลที่บีบบังคับให้เขาเดินไปทางนั้น” เกื้อเปรยลอยๆ พบูเห็นด้วย หากคนบนโลกนี้มีความคิดเหมือนกันหมดทุกคน โลกคงสงบแต่ไม่น่าอยู่ เพราะความเรียบง่ายจะทำให้คนเบื่อนั่นเอง “ชีวิตใครชีวิตมันสิ กรรมขึ้นอยู่กับการกระทำนะ” เกื้อยิ้มตาม พบูมีแนวคิดแง่บวกจนน่านับถือ ทั้งที่ชีวิตของพบูผ่านความลำบากมานับไม่ถ้วน ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าผู้หญิงคนนี้จะถูกบ่มเพาะให้เป็นประชากรคุณภาพ ไม่แหลกเหลวเหมือนชาติกำเนิด พบูทำงานมือเป็นระวิง ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการมีแต่เพศชาย เธอพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด พยายามยิ้มแม้รู้สึกกล้ำกลืนเกือบสุดทน คำพูดบางคำทำร้ายเธอทั้งทางตรงและทางอ้อม พบูพยายามไม่ใส่ใจ บางครั้งก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน “เลิกงานแล้วไปต่อกับผม คิดราคายังไงเหรอ?” ผู้ชายท่าทางกักฬะวางบัตรเครดิตลงบนเคาน์เตอร์กับข้อเสนอที่ทำเอาพบูถึงกับชะงัก เธอแสร้งยิ้มหวาน แล้วชี้มือไปอีกทาง “ตรงนั้นอาจมีสิ่งที่คุณต้องการอยู่นะคะ ส่วนตรงนี้ หากคุณต้องการเครื่องดื่มก็สั่งมาค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการให้” เป็นคำตอบตรงๆ ไม่ต้องอ้มไปอ้อมมาให้คนฟังอารมณ์เสีย คนที่เข้าใจก็ดีไป คนที่ไม่เข้าใจอาจจะแสดงท่าทางไม่พอใจใส่ ซึ่งพบูยอมรับได้ เธอทำหน้าที่พนักงานของเรือ หน้าที่หลักๆ ของเธอคือการเป็นบาร์เทนเดอร์ นอกเหนือจากนี้ เธอจะไม่คุยด้วย “ฉันเสนอให้เธอน้อยไปหรือไง?” ลูกค้าบางเจ้าพยายามตื๊อ พบูยิ้มจนตาหยี๋ “ไม่น้อยไปหรอกค่ะ แต่ฉันไม่อยากทำร้ายตัวเองด้วยการก้มหัวให้เงิน” “คุณพูดตรงดีนะ ผู้หญิงความคิดแบบนี้น่านับถือ” “ขอบคุณค่ะ ความจำเป็นของคนไม่เท่ากันค่ะ พวกเธออาจมีเหตุผลที่ยอมลดคุณค่าตัวเองก็ได้ ยังไงก็สงสารพวกเธอหน่อยนะคะ” พบูไม่ได้พูดให้ตัวเองดูดี ทุกคนมีความจำเป็น และความจำเป็นของแต่ละคนไม่เท่ากัน ภาระของพบูมีแค่เรื่องเดียว เธอต้องหาเงินเลี้ยงตัวเอง และสำรองไว้ในอนาคต ในเมื่อเธอไม่มีใครไม่มีแม้แต่ญาติสนิท “รับเครื่องดื่มไหมคะ?” “เอาอะไรก็ได้มาให้ผมสักแก้วเถอะ” พบูยิ้ม เธอรินน้ำเปล่าใส่แก้วแล้ววางตรงหน้าชายผู้นั้น “หมายความว่าไง?” สีหน้ากับความสงสัยที่ปิดไม่มิดแสดงออกทั้งทางแววตาและโครงหน้า “คุณควรไปพักผ่อนค่ะ คุณมาพักผ่อนไม่ใช่เหรอคะ” “ผมดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” “ค่ะ แววตาคุณเต็มไปด้วยความเศร้า คุณเพิ่งสูญเสียคนที่คุณรักมาใช่มั้ย อย่าคิดมากค่ะ ถึงความตายพรากคนที่คุณรักไป แต่เธอจะอยู่ตรงนี้ไม่มีทางไปไหนหรอก เชื่อฉันสิ” พบูวางมือบนเนินอก ความสูญเสียแบบไม่มีวันหวนกลับเธอผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่ผอ. สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ใจดีมีเมตตา แล้วก็ตามด้วยแม่ชีที่คอนแวนซ์ ความตายพรากผู้มีพระคุณของเธอไป แต่ทั้งสองท่านนั้นจะสถิตอยู่ในใจเธอตลอดไป “คุณพูดถูก ผมไม่ควรเศร้า ผมควรมีความสุข เพราะอีกไม่นานผมกับเธอจะได้เจอกัน” “ใช่แล้วค่ะ พักผ่อนเยอะๆ เก็บเกี่ยวความสุขมากๆ ชีวิตคนแสนสั้น เราไม่มีทางรู้ล่วงหน้า เดาอนาคตในวันพรุ่งนี้ยังไม่ได้เลยค่ะ” พบูชวนคุยและให้ความเป็นกันเอง “แซม ผมชื่อแซมนะ หากเจอกันครั้งหน้า ผมจะต้องดูดีขึ้น” แซมโบกมือลา เขาเดินกลับเข้าไปในเคบิน ไม่ได้เฉียดใกล้กลุ่มคนที่กำลังสนุกกับอบายมุขและผู้หญิงสักนิดเดียว “โอโห้ คุณนี่มันนางฟ้าชัดๆ เลยพบู” เกื้อแซว พบูยิ้มแก้เขิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD