บทที่2 ฉวยโอกาสจนได้เมียเด็ก

2223 Words
"กวางขึ้นมาสิ ส่งมือมาให้ผม" คมพยัคฆ์เรียกชมพูแพรพร้อมกับส่งมือให้ชมพูแพรจับเพื่อจะดึงตัวชมพูแพรขึ้นมาบนหลังม้า ชมพูแพรส่งมือให้คมพยัคฆ์แบบกล้าๆ กลัวๆ แต่ในที่สุดก็ได้ขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังม้ากับคมพยัคฆ์ "อาพยัคฆ์ ไม่ต้องกอดกวางแน่นก็ได้ค่ะ กวางไม่ตกหรอกค่ะ" ชมพูแพรพูดประท้วงเมื่อเริ่มรู้สึกอึดอัดจากอ้อมกอดแกร่งของคนตัวใหญ่ "อึดอัดเหรอ ผมขอโทษ ผมกลัวกวางจะตกม้า ก็ตัวนิดเดียวนี่นะ" "ค่ะ อึดอัด ก็อาพยัคฆ์ตัวใหญ่ยังกับยักษ์ สงสารเจ้าสีนิลมันคงหนักแย่ เล่นขึ้นมานั่งบนหลังมันถึงสองคน" ชมพูแพรพูดน้ำเสียงฟังดูรู้ว่าเห็นใจเจ้าสีนิล "ถ้ากลัวเจ้าสีนิลมันจะหนักก็ตั้งใจเรียน ผมก็จะตั้งใจสอนวันหลังจะได้ขี่มันได้คนเดียว" "รู้แล้วค่ะ กวางก็ตั้งใจ แต่ว่าตอนนี้เรามาไกลมากแล้วนะคะ อยู่ท้ายไร่แล้ว มันจะบ่ายอยู่แล้วกวางหิวข้าวแล้วค่ะ" "มีเด็กหิวข้าวหนึ่งอัตรา ผมเข้าใจแล้ว นี่ก็จะพาไปกินข้าวไง ให้คนเตรียมมื้อเที่ยงไปตั้งรอไว้ที่ริมลำธารท้ายไร่แล้วนะ" "ท้ายไร่มีลำธารด้วยหรือคะ ตอนแรกกวางคิดว่าฟาร์มม้าของอาพยัคฆ์จะมีสักประมาณสัก10ไร่ที่ไหนได้มันกว้างมากเลยค่ะ" "กว้างๆ แบบนี้แล้วกวางชอบหรือเปล่า" คมพยัคฆ์ถามและอยากพูดต่อด้วยว่า กว้างๆ แบบนี้จะได้ให้ลูกไว้วิ่งเล่น "ชอบสิคะ กวางจะได้มีที่ขี่ม้า ถ้ากวางมารบกวนขอใช้สถานที่บ่อยๆ อาพยัคฆ์ไม่รำคาญกวางใช่มั้ยคะ" "ไม่หรอกครับ ผมไม่รำคาญ" คมพยัคฆ์รีบพูด อยากจะพูดต่อเสียด้วยซ้ำว่า อยากให้มาอยู่ด้วยกันเสียเลยจะทำลูกให้หลายๆ คนจะได้ออกมาวิ่งเล่นเป็นเพื่อนกับแม่ หลังจากเจ้าสีนิลพาคนทั้งสองมานั่งกินอาหารเที่ยงกันที่ริมลำธารแล้ว คนได้กินข้าว ม้าก็ได้กินน้ำและได้ไปเดินเล็มหญ้าสบายอุราอยู่ตรงบริเวณลำธารด้วยเช่นกัน ในขณะที่กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่นั้น คมพยัคฆ์ก็ชวนชมพูแพรพูดคุยถามโน่นถามนี่ "ได้ข่าวว่ากวางจะสอบแล้ว" "ค่ะ อาทิตย์หน้าก็สอบเสร็จแล้วค่ะอาพยัคฆ์" "เรียนจบแล้วจะไปเรียนต่อที่ไหนเหรอ" "กวางสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพไว้ได้แล้วค่ะ" "แล้วกวางเรียนต่อสาขาอะไรเหรอ" "กวางเรียนบัญชีการเงินค่ะ" "แล้วเอ่อ กวาง....." คมพยัคฆ์จะถามว่าชมพูแพรมีแฟนแล้วยังแต่ก็เลือกที่จะไม่พูดเสียกลางคัน "กวาง กินยำอันนี้ดูสิอร่อยนะ" คมพยัคฆ์เปลี่ยนเรื่องพูดแล้วตักยำให้ชมพูแพรลองชิม "ขอบคุณค่ะ ข้าวผัดปูก็อร่อยค่ะ กินเยอะมากสงสัยว่ากว่าจะเรียนขี่ม้าเป็นกวางต้องอ้วนแน่ๆ" "ไม่อ้วนหรอก ตัวเล็กนิดเดียวเอง" "ก็อาพยัคฆ์บอกกวางเองว่า ถอดเหล็กดัดฟันแล้ว กินเยอะจะอ้วน" "อ้วนก็สวย ผมว่าอ้วนอีกหน่อยก็ดีนะ" "เอ่อ ไม่ดีหรอกค่ะ กวางคิดว่าถ้าอ้วนแล้วต้องเปลืองเงินคุณตาซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้กวาง ว่าแต่อาพยัคฆ์เถอะค่ะ มาเสียเวลาสอนกวางขี่ม้าวันหยุดแบบนี้ไม่มีเวลาให้แฟน กวางเกรงใจอาพยัคฆ์มากเลย" "ยังไม่มีแฟน" คมพยัคฆ์ตอบสั้นๆ แล้วมองหน้าชมพูแพรด้วยท่าทางเคร่งขรึม "จริงเหรอคะ แต่ไม่แปลกใจหรอกค่ะก็อาพยัคฆ์ชอบทำหน้าเคร่งขรึมน่ากลัวแบบนี้ สาวๆ เขาก็กลัวอาพยัคฆ์จะไปบีบคอเขาตายหรือเปล่า" "แล้วกวางล่ะ กลัวผมหรือเปล่า" คมพยัคฆ์ถามขึ้นน้ำเสียงเรียบนิ่ง "ไม่กลัวหรอกค่ะ อาพยัคฆ์ใจดีออก แต่กวางคิดว่ายิ้มหน่อยก็ดีนะคะสาวๆ จะได้หลง ขายออกเสียที นี่อาพยัคฆ์แพ้เด็กแล้วนะคะ สมัยนี้เขามีแฟนกันแล้วทั้งนั้น เพื่อนๆ กวางยังมีกันแล้วเลยนะคะ" "ไม่ต้องไปสนใจเรื่องของคนอื่นหรอก เราเถอะมีแฟนกับเขาด้วยแล้วยัง" คมพยัคฆ์ถามเสียงขรึมเข็มขึ้นกว่าเดิมอีก "ยังหรอกค่ะ กวางยังเรียนไม่จบ ยังไม่อยากมีแฟนอยู่กับคุณตาคุณยายก็ดีแล้ว กวางไม่อยากมีแฟนไม่อยากแต่งงานด้วย กวางไม่อยากท้อง ไม่อยากมีลูกแล้วต้องตายเหมือนแม่" "ยังไม่มีแฟนน่ะดีแล้ว แต่ไม่คิดจะมีเลยไม่ดีหรอก อยู่คนเดียวมันเหงานะ แล้วมันก็ไม่ใช่ทุกคนที่คลอดลูกแล้วจะเสียชีวิต แม่ของกวางท่านมีโรคประจำตัวอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่จะท้องกวางอีกนะ ก็เลยทำให้ท่านเสียเลือดมากตอนคลอดอย่าเอาเรื่องนี้มาคิดมากเลยนะกวาง" คมพยัคฆ์พูดอธิบายด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป "อ้าว ไม่มีแฟนไม่ดี มันเหงา แล้วทำไมอาพยัคฆ์ไม่ยอมมีเมียเล่าคะ" "รออยู่เหมือนกัน หมายถึงรอเนื้อคู่น่ะ" คมพยัคฆ์อยากจะพูดว่ารอให้ชมพูแพรโตอยู่นี่ไง "รอเหรอคะ กวางคิดว่ารอนานไปแล้ว อาพยัคฆ์อายุเยอะแล้วแต่งงานได้แล้วค่ะ" "ครับ...." คมพยัคฆ์รับคำสั้นๆ แต่ในใจคิดว่า น้องเปิดไฟเขียวให้พี่เองนะ หลังจากทานอาหารเที่ยงกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คมพยัคฆ์ก็พาชมพูแพรเดินเล่นรอบๆ ทุ่งหญ้าเลี้ยงม้า จนแดดร่มจึงให้ชมพูแพรลองขี่เจ้าสีนิลคนเดียวดู ชมพูแพรทำได้ดีมาก เรียนรู้ไวสามารถบังคับม้าและขี่เจ้าสีนิลได้ด้วยตัวเอง เสร็จจากกิจกรรมขี่ม้าแล้วคมพยัคฆ์ก็ได้พาชมพูแพรกลับบ้านไปทานข้าวเย็นที่บ้านกับพ่อแม่ของเขาก่อน เสร็จแล้วจึงพาชมพูแพรกลับบ้าน เป็นกิจกรรมที่เป็นมาแบบนี้ทุกวันเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว จนมาถึงตอนบ่ายแก่ๆ ของวันนี้ ชมพูแพรกำลังขี่หลังเจ้าสีนิล ส่วนคมพยัคฆ์กำลังขี่หลังเจ้าสีกรดตามหลังกันไป อยู่ๆ ฟ้าก็เริ่มมืดตั้งเค้าเหมือนฝนกำลังจะตก ชมพูแพรขี่ม้าไปเรื่อยๆ ตั้งใจว่าจะพาม้ากลับไปหลบฝนที่กำลังจะตก แต่ไม่ทันได้กลับ ฟ้าก็ร้องและฝ่าลงมาที่ต้นไม้จนกิ่งไม้หักทำให้เจ้าสีนิลตกใจวิ่งเตลิดไปด้วยความตกใจ "ว้าย กรี๊ด.... "ชมพูแพรร้องขึ้นด้วยความตกใจ "กวาง..." คมพยัคฆ์ตกใจร้องเรียกชมพูแพรขึ้นแล้วรีบควบม้าตามไปแต่ก็ไม่ทันการณ์ เจ้าสีนิลมันตกใจวิ่งเตลิดสลัดชมพูแพรตกลงมาจากหลังของมัน แล้ววิ่งเตลิดไปทางริมลำธาร คมพยัคฆ์ไม่ได้สนใจม้ารีบถลาเข้าไปดูชมพูแพรทันที "กวาง กวางครับได้ยินเสียงพี่มั้ยคนดี" คมพยัคฆ์ใช้มือประคองศีรษะของชมพูแพขึ้นแล้วพูดถามออกไปด้วยความเป็นห่วงน้ำเสียงฟังดูกังวลและตกใจมาก กลัวว่าชมพูแพรจะเป็นอะไรไป พอคมพยัคฆ์ร้องเรียกชมพูแพรก็ลืมตาขึ้นแล้วพูดเรียกคมพยัคฆ์เบาๆ ก่อนที่จะสลบไปอีกครั้ง "อาพยัคฆ์ กวางเจ็บจัง..." ชมพูแพรพูดขึ้นเบาๆ ก่อนที่จะสลบไปอีกครั้ง คมพยัคฆ์จึงก้มสำรวจเพื่อดูบาดแผลประเมินเบื้องต้นว่าชมพูแพรมีแผลที่ไหนบ้าง พบว่าที่ศีรษะไม่ได้รับอันตราย มีแผลถลอกเล็กน้อยที่ข้อศอกและแขน คมพยัคฆ์เห็นดังนั้นก็รีบซ้อนแขนไปที่เรือนร่างสวยยกชมพูแพรขึ้นอุ้มพากลับไปที่กระท่อมก่อนเพราะตอนนี้ฝนตกหนักมาก คมพยัคฆ์จัดการถอดเสื้อผ้า เปลี่ยนชุดให้ชมพูแพรใหม่ หายาแก้ไข้แก้อักเสบมาให้ชมพูแพรกินและให้นอนพักผ่อนต่อ ด้วยฤทธิ์ยาทำให้ชมพูแพรหลับสนิทไปหลายชั่วโมง คมพยัคฆ์เองก็เผลอนอนหลับตามชมพูแพรไปเหมือนกัน หลับไปนานจนฟ้าเริ่มมืด โทรศัพท์ก็แบตหมดทำให้คุณประพลตาของชมพูแพรเริ่มร้อนใจเพราะตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้วแต่คมพยัคฆ์ยังไม่มาส่งชมพูแพรกลับบ้านจึงตามมาที่บ้านของคมพยัคฆ์ พ่อแม่ของคมพยัคฆ์ก็แจ้งว่าคมพยัคฆ์กับชมพูแพรยังไม่กลับบ้านมาเลย เมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนั้นทั้งพ่อแม่ของคมพยัคฆ์และตาของชมพูแพรจึงร้อนใจ ชักชวนพากันไปตามลูกและหลานที่ฟาร์มม้า แต่พอไปถึงก็เห็นรถยนต์ของคมพยัคฆ์จอดอยู่จึงเปิดประตูบ้านเข้าไปข้างในบ้าน แล้วก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า ภาพที่ชมพูแพรนอนหลับตาพริ้มและคมพยัคฆ์นอนกกกอดสาวน้อยอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง "เจ้าพยัคฆ์....." คุณอาคมพ่อของคมพยัคฆ์เขย่าแขนปลุกลูกชาย คมพยัคฆ์ลืมตาขึ้นทำหน้านิ่งเงียบมองผู้เป็นพ่อแม่และตาของชมพูแพร จริงๆแล้วคมพยัคฆ์ได้ยินเสียงรถของพ่อแม่มาจอดนานแล้ว แต่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินและวิ่งขึ้นเตียงมากอดชมพูแพรไว้อย่างคนเจ้าเล่ห์มีแผนการในใจ "ครับพ่อ กวางหลับอยู่พ่อจะตะโกนเสียงดังทำไม" "ออกไปคุยกันข้างนอก นี่แกทำบ้าอะไรของแกลงไปเจ้าตัวดี" พ่อของคมพยัคฆ์ขึ้นเสียงใส่ลูกชาย คมพยัคฆ์แกล้งทำหน้าสลดแล้วพูดบอกพ่อแม่และขอโทษตาของชมพูแพรและพูดรับสารภาพออกไปว่า "ผมยอมรับผิดกับเรื่องที่ทำลงไปครับ ผมขอโทษคุณลุงประพลนะครับที่ล่วงเกินกวาง แต่ผมรักกวางด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ ครับและยินดีจะรับผิดชอบชีวิตของกวางจะดูแลกวางให้ดีที่สุดครับคุณลุง" คมพยัคฆ์ยกมือไหว้ขอโทษคุณประพล พูดรับสารภาพว่าได้ล่วงเกินชมพูแพรไปแล้วและยินดีจะรับผิดชอบชมพูแพรทุกอย่างด้วยความเต็มใจ "ไม่ต้องพูดขอโทษแก้ตัวหรอกคุณพยัคฆ์ ออกไปคุยกันข้างนอกเถอะ คุณพริ้มเพราฝากปลุกยายกวางด้วย" คุณประพลสั่งว่าที่หลานเขยให้ออกไปคุยกันข้างนอกสีหน้าไม่พอใจแต่จะให้ทำอย่างไรได้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกไปแล้ว บอกว่าที่หลานเขยเสร็จก็ฝากชมพูแพรไว้กับนางพริ้มเพราแม่ของคมพยัคฆ์ที่ตอนนี้นิ่งเงียบกำลังช็อกกับเหตุการณ์ที่ลูกชายได้ทำขึ้น เมื่อลูกชายและทุกคนได้เดินออกไปจากห้องแล้วคุณพริ้มเพราจึงค่อยๆ เขย่าแขนปลุกว่าที่ลูกสะใภ้เบาๆ  "หนูกวางลูก ตื่นเถอะ" นางพริ้มเพราปลุกเรียกชมพูแพร "อือ โอ๊ยเจ็บแขนจังเลยค่ะ" ชมพูแพรได้สติแล้วพูดเพ้อออกมา ก่อนที่จะค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วเห็นว่าคุณพริ้มเพรานั่งอยู่ข้างเตียง "คุณป้าพริ้ม กวางมาอยู่ที่บ้านคุณป้าหรือคะ คือกวางจำได้ว่ากวางตกม้า แล้วอาพยัคฆ์ละคะ" "พยัคฆ์อยู่คุยกับคุณตาของหนูและพ่อของเขาอยู่ข้างนอกจ๊ะ หนูกวางลุกขึ้นแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วออกไปคุยกันข้างนอกนะลูก" คุณพริ้มเพราบอกชมพูแพร ทำให้ชมพูแพรได้สติแล้วก้มสำรวจตัวเอง แล้วพบว่าชุดชั้นในโดนถอดออกไปแล้ว เสื้อที่ใส่อยู่เป็นเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของคมพยัคฆ์ "คุณป้าคะ คือหนู......" ชมพูแพรพูดขึ้นด้วยความตกใจ มึนงงสงสัยในสภาพที่เกิดขึ้นและเป็นอยู่ของตัวเอง "พยัคฆ์บอกกับป้าและตาของหนูว่าเขาได้ล่วงเกินหนูกวาง และเขาพร้อมยินดีจะรับผิดชอบหนูกวางทุกอย่าง" นางพริ้มเพราบอกกับชมพูแพร "อะไรนะคะ ล่วงเกินกวาง กวางยังไม่ได้.... คือกวางจำได้แค่ว่าตกม้าแล้วหมดสติไป อาพยัคฆ์มาช่วยแล้วก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย คุณป้าพริ้มคะ คือกวาง...." ชมพูแพรพูดเล่าปากคอสั่นด้วยความตกใจ ก่อนจะร้องไห้ปล่อยโฮออกมาอย่างเด็กเสียขวัญ คุณพริ้มเพราจึงเข้าไปกอดปลอบแล้วพูดจาปลอบขวัญ "โธ่ลูกเอ๊ย ไม่เป็นไรนะลูกป้าอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครว่าหนูกวางหรอกลูกป้าเข้าใจ ทั้งหมดมันเป็นเพราะไอ้ลูกชายตัวดีของป้าเอง หนูกวางไม่ต้องกลัวนะลูกป้าจะจัดการเจ้าพยัคฆ์ให้เอง หนูลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะแล้วออกไปคุยกันข้างนอกนะลูก" "ค่ะ คุณป้าพริ้ม" ชมพูแพรรับคำก่อนที่จะเดินเขย่งไม่ค่อยถนัดเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ "เจ้าพยัคฆ์นะเจ้าพยัคฆ์ มันก่อเรื่องขึ้นจนได้ ไอ้ลูกเจ้าเล่ห์ นี่มันคิดฉวยโอกาสจับเขาทำเมียเลยเหรอนี่ ฉันจะเป็นลมกับลูกชายฉันจริงๆ" คุณพริ้มเพราพูดบ่นกับตัวเองเบาๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD