บทที่8 งานหมั้น จดทะเบียนแต่ไม่ได้เข้าหอ

1986 Words
หลังจากที่ชมพูแพรแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว คมพยัคฆ์ก็ได้พาชมพูแพรเดินกลับออกมาข้างนอก แล้วพาเดินผ่านห้องรับแขกไป พ่อแม่และพี่ชายน้องชายที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ก็หันมามองอย่างพร้อมเพรียงกัน คนที่ทำหน้าที่ถามยังคงคอนเซ็ปคนปากปีจอของตัวเองเอาไว้เสมอก็คงหนีไม่พ้นคมกริช "ไงวะไอ้พยัคฆ์ ช่วยกันหากุญแจรถกันนานเลยนะ แล้วนี่หาเจอแล้วใช่มั้ย" คมกริชแกล้งพูดทักขึ้น "ครับ..." คมพยัคฆ์รับคำพี่ชายสั้นๆ ออกอาการเขินเล็กน้อยแต่ก็ยังแกล้งลอยหน้าลอยตาทำเป็นกลบเกลื่อนความผิดเอาไว้ "เก่งเนอะหาเจอด้วย มึงไปหยิบกุญแจสำรองมาหรือเปล่าไอ้พยัคฆ์ ก็ไอ้เดชมันเป็นคนเก็บกุญแจรถมึงที่วางอยู่ในห้องรับแขกนี่ไว้ได้เมื่อกี้ไม่ใช่เหรอไอ้เดช" คมกริชยังคงพูดต้อนน้องชาย "นั่นสิ พวงกุญแจรถรูปคิตตี้น่ารักไปอีก ใช่ของพี่หรือเปล่าพี่พยัคฆ์" คมเดชแกล้งถามล้อเลียนพี่ชาย เพราะเขาเองนั้นรู้อยู่เต็มอกว่าพวงกุญแจนี้เป็นของพี่ชาย ได้มายังไงนะเหรอ ก็ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาคมพยัคฆ์ออกรถใหม่แล้วขับไปอวดสาวที่บ้าน ทำทีว่าไปคุยเรื่องธุรกิจกับคุณตาของสาวเจ้า แต่จริงๆ ก็แค่อยากไปเห็นหน้าสาวที่แอบรักแอบหลงเขาแค่นั้นเอง เมื่อสาวเจ้าเห็นว่าซื้อรถใหม่ยังไม่มีพวงกุญแจ เลยแบ่งพวงกุญแจที่ตัวเองซื้อมาห้อยกระเป๋านักเรียนให้เสือเฒ่ามาหนึ่งอัน "อาพยัคฆ์ซื้อรถใหม่หรือคะ สวยจัง ไว้วันหลังกวางขอนั่งบ้างนะคะ อะนี่ค่ะกวางให้ กวางยังไม่ได้ใช้เลยนะ" คมพยัคฆ์นึกย้อนไปนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อนตอนเขาซื้อรถใหม่ป้ายแดงแล้วขับไปกินข้าวเย็นที่บ้านคุณตาของชมพูแพร วันนั้นชมพูแพรกลับมาจากโรงเรียนพอดี มาถึงก็ยิ้มยินดีกับรถใหม่ของเขาพร้อมกับให้พวงกุญแจคิตตี้แสนหวานแหววกับเขาด้วย หลักฐานมันคาตาขนาดนี้จะดิ้นยังไงไหววะ ชมพูแพรเห็นแบบนั้นก็ยิ่งโกรธคมพยัคฆ์และอายทุกคนเป็นอย่างมาก หันมาถลึงตาใส่คมพยัคฆ์ทันที หลังจากนั้นพ่อของคมพยัคฆ์ก็ได้ช่วยพูดแก้สถานการณ์ให้ "มืดค่ำดึกดื่นแล้วนะพยัคฆ์ พาน้องกลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวพ่อกับแม่จะได้โดนคุณประพลเขาถอนหงอกเข้าให้สักวัน แกนี่น่า ไปๆ พาน้องไปส่งได้แล้ว" คุณอาคมพ่อของคมพยัคฆ์พูดขึ้น "ครับผม อ้าวส่งกุญแจรถมาสิวะไอ้เดช กูต้องรีบไปส่งเมียเข้านอน วัยกำลังโตเลยนะกินแล้วก็นอนจะได้โตเร็วๆ" คมพยัคฆ์รับคำพ่อแล้วแกล้งพูดให้ตลก "นี่ครับพี่ชาย เชิญได้เลยครับ" คมเดชยิ้มแล้วส่งกุญแจรถที่ใส่พวงกุญแจคิตตี้หวานแหววส่งคืนให้กับพี่ชาย "หนูกวาง กลับบ้านดีๆ นะลูก แล้วเจอกันวันหมั้น เตรียมตัวแต่งหน้าสวยๆ นะลูก แล้วแม่จะรีบยกขันหมากไปขอให้ลูกชาย" คุณพริ้มเพราพูดลั่นอย่างอารมณ์ดี ชมพูแพรได้แต่คิดว่า คนบ้านนี้นี่เขาเป็นเหมือนกันทั้งบ้านเลยเนอะ "เอ่อ ค่ะ กวางกลับก่อนนะคะคุณป้า คุณลุง แล้วก็พี่ๆ ด้วยค่ะ สวัสดีค่ะ" ชมพูแพรรับคำว่าที่แม่สามีแล้วยกมือไหว้ลาทุกคนในบ้านก่อนที่จะเดินไปขึ้นรถ คมพยัคฆ์ขับรถมาส่งชมพูแพรถึงหน้าบ้าน พอรถจอดสนิทชมพูแพรก็ตั้งท่าจะลงจากรถแต่คมพยัคฆ์กลับฉุดแขนเอาไว้แล้วพูดขึ้นว่า "จะเข้าบ้านเลยเหรอ เดี๋ยวก่อนสิ" "อะไรอีกละคะ อาพยัคฆ์จะเข้าบ้านไปเจอคุณตาด้วยกันก่อนหรือคะ เผื่อจะได้โดนบ่นจนหูดับไปสักยกสองยก" "ไม่เอาหรอก ไม่กล้าลงไปสู้หน้า พาหลานสาวเขามาส่งดึกอีกแล้ว แต่เอาจริงนะยังไม่อยากกลับบ้านเลย อยากอยู่ใกล้ๆ คนสวย" คมพยัคฆ์แกล้งพูดหยอดให้ชมพูแพรเขิน แล้วชมพูแพรก็เขินจริงๆ ด้วย "ปล่อยกวางได้แล้ว" "ปล่อยก็ได้ แต่รับปากมาก่อนว่า กว่าจะถึงวันงานพี่โทรหาต้องรับสายพี่ด้วยนะ พี่คิดถึง" "ค่ะ รู้แล้ว เข้าบ้านได้ยัง" "ยัง จุ๊บลาพี่ก่อน" "ร่ำไรจริง ไม่เอา ไม่จุ๊บ ปลดล็อกประตูด้วยกวางจะเข้าบ้านแล้ว" "ก็ได้...." พูดได้เท่านั้นคมพยัคฆ์ก็ปลดล็อกประตูรถ แล้วรีบจู่โจมเข้ามาจุ๊บปากบางเบาๆ ด้วยความรวดเร็วหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะส่งยิ้มยียวนอารมณ์ดีใส่ชมพูแพร ตลอดระยะเวลาก่อนจะถึงงานหมั้นคมพยัคฆ์จะวิดีโอคอลมาหาชมพูแพรทุกวัน จนถึงคืนก่อนวันหมั้นหนึ่งวัน คมพยัคฆ์ก็โทรหาชมพูแพรหลายรอบแต่ชมพูแพรก็ไม่รับสาย จนถึงช่วงหัวค่ำชมพูแพรก็โทรกลับมาเอง "ทำไมไม่รับสายพี่เลยนะกวาง พี่โทรทั้งวันแล้วก็ไม่ยอมรับสายสักที" "แล้วอาพยัคฆ์จะโทรมาหลายสายทำไม มีอะไรด่วนหรือเปล่าคะ วันนี้กวางไปอยู่ที่ร้านสปาทั้งวัน ขัดผิวขัดตัวจนตัวแทบจะเปื่อยยุ่ยอยู่แล้ว เล็บก็ต้องทำ ไม่รู้จะอะไรกันนักกันหนา กวางเหนื่อย" ชมพูแพรโทรกลับไปแล้วบ่นให้คมพยัคฆ์ฟัง แทนที่คมพยัคฆ์จะได้เป็นฝ่ายบ่นชมพูแพรกลับเป็นชมพูแพรที่บ่นเสียเอง แต่เมื่อได้ยินเสียงหวานๆ บ่นมาตามสาย คมพยัคฆ์ก็เผลอแอบยิ้มอย่างนึกเอ็นดูคนสวยของเขา "ก็ต้องขัดผิวให้ผ่องรอผัวยกขันหมากไปหานั่นแหละ" คมพยัคฆ์พูดอย่างอารมณ์ดีขึ้นเป็นพิเศษเมื่อรู้ว่าที่ชมพูแพรหายไปนั้นไม่ได้หายไปไหนแต่หายไปเพื่อเตรียมตัวสวยสำหรับงานหมั้น "ใครอยากขัดผิวรออาพยัคฆ์กันเล่า กวางโดนคุณยายบังคับไปต่างหาก เหนื่อยแล้ว กวางจะไปอาบน้ำเข้านอนแล้วนะคะ" ชมพูแพรรีบพูดตัดบท ที่ยอมโทรกลับไปก็ไม่ใช่ไม่รู้นะว่า คมพยัคฆ์ไม่ได้มีธุระอะไรหรอกเขาแค่โทรมาเพื่อคุยเพื่อหยอดจีบตนเองก็เท่านั้น แต่ถ้าไม่โทรกลับก็กลัวเสือบ้าจะมาหาถึงบ้านในตอนดึกของคืนนี้ "ครับ พี่คิดถึงนะ" คมพยัคฆ์พูดหยอด ทำเสียงอ้อนจีบว่าที่เมียของตัวเองนิดหน่อยก่อนที่จะวางสายไป เช้าตรู่ของวันใหม่ชมพูแพรแต่งหน้าแต่งตัวทำผมทรงเจ้าสาว เก็บมวยเกล้าผมขึ้นสูง แต่งตัวในชุดงานวันหมั้นเป็นชุดไทยจักรีสีงาช้างเรียบหรูสวยงาม ใส่แล้วยิ่งขับผิวขาวเนียนทำให้ชมพูแพรยิ่งดูสวยผ่องขึ้นไปอีก ฤกษ์หมั้นวันนี้เป็นช่วงเก้าโมงแปดนาที คมพยัคฆ์ที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ในชุดสูทโทนสีน้ำเงินเข้ม นั่งตาลอยมองว่าที่คู่หมั้นสาวอยู่อย่างไม่ได้ละสายตาไปมองผู้ใด จนผู้เป็นแม่อย่างคุณพริ้มเพราต้องเรียกให้คมพยัคฆ์ได้สติเพราะกลัวจะเลยฤกษ์ดีเสียก่อน "พยัคฆ์ลูก หยิบแหวนขึ้นมาสวมให้น้องสิลูกประเดี๋ยวจะไม่ทันฤกษ์ดี" คุณนายพริ้มเพราสะกิดเตือนลูกชายเบาๆ "อ๋อ ครับแม่" คมพยัคฆ์ได้สติแล้วฉีกยิ้มกว้างหันไปมองแขกเหรื่อซึ่งเป็นเหล่าบรรดาญาติๆ ของเขา ส่วนกลุ่มเพื่อนๆ ก็มีเพื่อนสนิทของเขามาจากกรุงเทพแค่สองคน ส่วนเพื่อนคู่หมั้นสาวของเขาก็มีเพียงน้ำผึ้งเพื่อนสนิทของชมพูแพรเพียงคนเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นคมพยัคฆ์ก็ได้หยิบแหวนเพชรเม็ดงามขึ้นมาถือไว้ พอแม่ให้สัญญาณว่าสวมแหวนได้ คมพยัคฆ์ก็ใช้มือฉวยมือเรียวของชมพูแพรขึ้นมา แล้วสวมแหวนให้ชมพูแพรบนนิ้วนางข้างซ้ายของชมพูแพรทันที เมื่อคมพยัคฆ์สวมแหวนให้เสร็จแล้วชมพูแพรก็ก้มลงกราบที่ตักของคมพยัคฆ์ คมพยัคฆ์ใช้มือจับที่ศีรษะของสาวเจ้าเบาๆ แววตาเอ็นดูรักใคร่ "ถ่ายรูปเก็บไว้ให้กูหน่อยนะไอ้เดช คงอีกนานเลยเชียวแหละกว่าที่กวางเขาจะกราบกูแทบตักแบบนี้" คมพยัคฆ์หันไปสั่งน้องชายน้ำเสียงฟังดูมีความสุขมาก เมื่อคมพยัคฆ์สวมแหวนให้ชมพูแพรเสร็จ ชมพูแพรเองก็หยิบแหวนอีกวงขึ้นมาสวมให้คมพยัคฆ์ด้วย ซึ่งแหวนวงนี้ก็เป็นคมพยัคฆ์นั่นแหละที่ได้จัดเตรียมซื้อแหวนเพชรคู่เอาไว้เพื่อเตรียมให้ชมพูแพรสวมให้ตนเองในวันนี้ เมื่อสวมแหวนหมั้นให้กันเสร็จเรียบร้อย ฝั่งเจ้าบ่าวก็ได้ทบทวนรายการสินสอดของหมั้นให้กับทางฝั่งเจ้าสาวได้รับทราบ ความพิเศษของงานหมั้นในวันนี้ก็คือ ไม่ใช่งานแต่งงานแต่เป็นงานหมั้นที่มีการจดทะเบียนสมรสกันเอาไว้ก่อน เมื่อเจ้าสาวเรียนจบแล้วค่อยกลับมาจัดงานฉลองมงคลสมรสและจะได้เข้าหอตามประเพณี โดยเงื่อนไขนี้คุณประพลตาของชมพูแพรได้เป็นคนกำหนดเงื่อนไขนี้ขึ้นมาเอง โดยท่านได้ให้เหตุผลว่า หลานสาวของท่านยังเด็ก อยากให้เรียนหนังสือให้จบเสียก่อนและคมพยัคฆ์เองก็ต้องรอไปจนกว่าชมพูแพรจะเรียนจบถึงจะได้เข้าหอ "โห คุณตาครับ ตกลงว่าจดทะเบียนสมรสกันแล้วผมก็ยังไม่ได้เข้าหอกับกวางหรอกหรือครับ" คมพยัคฆ์พูดโอดครวญ ได้ทีก็ทำเป็นเนียนเรียกคุณประพลว่าคุณตาตามภรรยาทางนิตินัยไปทันที "จะเข้าหอได้ยังไงนี่มันแค่งานหมั้น หลานสาวผมยังเด็ก ยังต้องไปเรียนต่ออีกหลายปี คุณพยัคฆ์ก็รอไปก่อนแล้วกัน คิดจะรักเด็กก็ต้องรอให้โตก่อนนะครับ" คุณประพลตาของชมพูแพรพูดขึ้น ชมพูแพรฟังแล้วก็สมใจเผลอยิ้มน้อยๆ ออกมาไม่ทันรู้ตัว คมพยัคฆ์เห็นแล้วแทบอยากจะจับปล้ำเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป "อ้าวคุณตา แต่กวางกับผมเราจดทะเบียนสมรสกันแล้วก็ต้องได้เข้าหอกันถึงจะถูกนะครับ" "อันนี้ถือว่าผมอนุโลมให้แล้วนะคุณพยัคฆ์ หมั้นแล้วจดทะเบียนก็ถือว่าแปลก แต่หมั้นแล้วเข้าหอเห็นจะผิดทำเนียบอยู่มาก ผมไม่เห็นด้วยนะ รอยายกวางหลานสาวผมเรียนจบมาก่อนก็แล้วกัน" ตาของชมพูแพรพูด "โธ่ๆ น้องชายกู อกร้าวใจช้ำไปอีก จดทะเบียนสมรสกันเมียก็ไม่ยอมเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ หอก็ไม่ได้เข้า" คมกริชกระซิบคุยกับคมเดชน้องชายของตัวเอง "พี่กริช ก็จะให้เปลี่ยนเป็นนางได้ยังไง น้องกวางยังต้องไปเรียนหนังสือ แค่เขายอมเปลี่ยนนามสกุลมาใช้นามสกุลพี่ชายผม ก็ถือว่าเป็นบุญของพี่พยัคฆ์มันแล้วนะ ไม่ไหวได้เมียเด็กเกิน ก็เหมือนตาเขาว่านั่นแหละ ริอ่านจะรักเด็กก็ต้องรอหน่อย" คมเดชพูดกับพี่ชายอย่างเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะตัวเองก็กำลังตกอยู่ในสภาพไม่ต่างจากพี่ชายคนรองมากนักก็ต้องรอให้แพรพลอยเรียนจบเหมือนกันถึงจะได้  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD