บทที่9 สี่ปีนะน้อง พี่จะท่องคำว่ารอ (รอกวางคลอดลูกเป็นลูกเสือ)

1742 Words
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีหมั้นแล้วคมพยัคฆ์ก็ได้พาชมพูแพรมานั่งคุยกันในสวนหลังบ้าน เพราะในอีกสองวันที่จะถึงชมพูแพรต้องเดินทางไปเรียนต่อที่กรุงเทพแล้ว วันหมั้นวันนี้เป็นวันพฤหัสบดี ชมพูแพรต้องรายงานตัวในวันจันทร์และจะมีการเดินทางไปกรุงเทพในวันอาทิตย์ คมพยัคฆ์จึงจูงมือชมพูแพรมานั่งคุยกันตรงม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่หลังบ้าน "กวาง วันอาทิตย์นี้พี่จะไปส่งกวางเองนะ" "ค่ะ คุณตาคุณยายก็คงไปด้วย แต่พ่อของกวางยังไม่รู้เรื่องที่กวางหมั้นและกำลังจะไปเรียนต่อเลยนะคะ" ชมพูแพรรับคำและมีการพูดถึงพ่อของตัวเอง ซึ่งในตอนนี้ท่านเองก็ได้แต่งงานใหม่มีลูกสาวคนใหม่อายุห่างกับชมพูแพรแค่สองปี แถมยังมีลูกชายที่เป็นลูกติดของภรรยาใหม่ของพ่อด้วยอีกคน "แล้วกวางจะบอกพ่อของกวางหรือเปล่า" คมพยัคฆ์ถามขึ้น "คงไม่ไปรบกวนพ่อเขาหรอกค่ะ พ่อเขาก็คงยุ่งอยู่กับงานของท่านเหมือนกัน" ชมพูแพรพูดถึงคุณภาคภูมิผู้เป็นพ่อ พ่อของชมพูแพรเองก็มีบริษัทรับเหมาก่อสร้างเล็กๆ รับงานก่อสร้างภายในจังหวัดไม่ได้ใหญ่โตมาก ตอนนี้ท่านเองก็เริ่มปล่อยมือจากงานบางส่วน แล้วให้ลูกเลี้ยงอย่างชาญชัยที่เรียนไม่จบ ต้องลาออกจากคณะวิศวะเพราะเรียนต่อไม่ไหวจึงโดนรีทายออกมาตอนที่กำลังเรียนอยู่ปีสอง ตอนนี้ก็ได้ออกมาช่วยงานพ่อของชมพูแพรได้หลายปีแล้ว พี่ชายนอกไส้คนนี้ของชมพูแพรอายุมากกว่าชมพูแพรหกปี ในขณะที่น้องสาวต่างแม่อย่างฤทัยอายุน้อยกว่าชมพูแพรหนึ่งปีกว่าเกือบสองปี "ไม่บอกก็ดีแล้ว ไม่เห็นเป็นไรเลยเดี๋ยวผัวไปส่งเองได้ครับ" คมพยัคฆ์พูดบอกชมพูแพรยิ้มๆ "ชอบพูดจาเถื่อนๆ อยู่เรื่อยเลย" ชมพูแพรพูดดุคมพยัคฆ์ "พูดว่าผัวนี่อะนะเถื่อน เถื่อนตรงไหนกัน ก็เป็นผัวแล้วจริงๆ เราจดทะเบียนสมรสกันแล้วนะกวาง" "ไม่ต้องพูดย้ำๆ บ่อยๆ ว่า ผัวก็ได้ กวางรู้แล้วว่าเราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว จำได้ สมองยังดีอยู่ค่ะ" "ก็ดีแล้วจำให้แม่นๆ เลยนะว่าตัวเองมีผัวแล้ว ไปเรียนห้ามใครมาจีบ แล้วก็ห้ามนอกใจพี่ด้วย อย่าให้รู้นะ บอกเลยว่าไอ้เสือผัวของกวางหึงโหดมาก" "รู้แล้วค่ะว่าน่ากลัว เจ้าเล่ห์ ฉวยโอกาสด้วย" "ได้ที รีบด่าพี่เลยนะ เออ พี่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับกวางด้วย" "ค่ะ จะคุยเรื่องอะไรคะ คุยได้เลยกวางรอฟังอยู่" "พี่ซื้อคอนโดเตรียมไว้ให้กวางแล้วนะ อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยของกวางมากนัก นั่งรถไฟฟ้าไปเรียนได้สบาย ลองนั่งรถไปเรียนก่อนถ้าอยู่จนชินแล้วพี่ค่อยซื้อรถให้ขับไปเรียนนะ" "คุณยายบอกกวางเรื่องคอนโดแล้วค่ะ ส่วนเรื่องรถกวางยังขับรถไม่ค่อยแข็งเพิ่งสอบใบขับขี่ได้ คุณตาก็จะซื้อให้นั่นแหละ แต่กวางยังไม่กล้าขับเองหรอกค่ะ กรุงเทพรถมันเยอะจะตาย กวางนั่งรถไฟฟ้าไปเรียนน่าจะสะดวกกว่า" "ครับ งั้นก็ตกลงตามนี้" "ค่ะ.." ชมพูแพรรับคำแล้วทำท่าจะลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้านแต่คมพยัคฆ์กลับดึงแขนเรียวเอาไว้แล้วพูดว่า "แล้วนั่นจะไปไหน พี่ยังพูดไม่จบเลยนะ" "ค่ะ แล้วอาพยัคฆ์จะพูดอะไรอีกละคะ" "พี่จะไปหากวางทุกวันหยุดนะ จะไปรับกลับบ้าน" "กวางกลับทุกอาทิตย์ไม่ได้หรอกค่ะ เทอมแรกปีหนึ่งมันมีกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยเยอะนะคะ" "ไม่กลับบ้านเราก็ไม่เป็นไร พี่ก็ไปค้างที่คอนโดกับกวางด้วยก็ได้" "บ้า จะไปค้างด้วยกันได้ไง กวางเป็นผู้หญิงนะ" "เดี๋ยวๆ ทำไมจะไปค้างด้วยไม่ได้ ไอ้เป็นผู้หญิงนะใช่ พิสูจน์มาแล้วเพราะถ้าเป็นผู้ชายพี่คงไม่เอากวางทำเมียหรอก กวางลืมอะไรไปหรือเปล่า เราเป็นผัวเมียกันแล้วเราจดทะเบียนสมรสกันแล้วนะ" คมพยัคฆ์พูดเรียกสติของชมพูแพร ชมพูแพรนิ่งแล้วคิดตามแต่ก็ไม่วายเถียงคมพยัคฆ์กลับไปว่า "จดทะเบียนสมรสแล้วก็จริง แต่ว่ากวางยังเด็ก กวางยังไม่พร้อมนะคะ แล้วคุณตาก็พูดแล้วว่าให้อาพยัคฆ์รอให้กวางเรียนจบก่อน อาพยัคฆ์จำไม่ได้เหรอคะ" "จำได้ จำได้ว่าคุณตาบอกให้กวางเรียนให้จบ แต่ไม่ได้บอกว่าห้ามเราสองคนผัวเมียได้กันเสียหน่อย" "บ้า อาพยัคฆ์พูดอะไรคะ อย่ามาพูดจาป่าเถื่อนกับกวางนะ กวางเคยบอกแล้วว่าจะไม่ยอมให้อาพยัคฆ์ฉวยโอกาสอีก กวางยังไม่พร้อมไง ขอให้เราได้ศึกษานิสัยใจคอกันไปก่อนได้มั้ยคะ กวางอยากตั้งใจเรียนหนังสือให้จบก่อน" "ทำไมล่ะ มีผัวก็ตั้งใจเรียนได้ สมัยนี้นักศึกษามหาลัยวิทยาลัยนี้ถือว่าโตแล้ว บางคนเขามีผัวตั้งแต่เรียนมัธยมเสียด้วยซ้ำไปนะกวาง"  "ไม่ได้ เดี๋ยวกวางจะใจแตกเรียนไม่จบเอา ถ้าอาพยัคฆ์รักกวางเหมือนกับที่บอกคุณตาคุณยายจริงๆ อาพยัคฆ์ก็ต้องรอกวางได้สิคะ" "รักกวางจริง น่ะมันก็ใช่ แต่ต้องรอสี่ปีเลยนะเว้ย รอให้เรียนจบแบบเป็นผัวเมียกันไปด้วยไม่ได้เหรอวะ พี่จะไปทนไหวได้ยังไง ไม่ได้เอากวางทำเมียเลยให้รอตั้งสี่ปีใครมันจะไปทนไหว ห่มผ้าเหลืองบวชเป็นพระยังทนไม่ได้เลย" "ไม่รู้แหละ ไม่ไหวก็ต้องไหว ถ้าไม่ไหวอาพยัคฆ์ก็ไปหาเมียใหม่เอาแล้วกัน เพราะถ้าอาพยัคฆ์กล้าปล้ำกวางอีก กวางจะไม่มีวันรักอาพยัคฆ์ จะเกลียดแล้วจะหาทางหนีอาพยัคฆ์ไปให้ไกลๆ ด้วยไม่เชื่อก็คอยดู" "เออ รอก็รอ ไม่ต้องมาขู่ว่าจะทิ้งผัวเลย เพิ่งหมั้นเพิ่งจดทะเบียนสมรสกันวันแรก จะพูดว่าเลิกกันให้มันเป็นลางไม่ดีทำไมกันวะ" คมพยัคฆ์พูดขึ้น เสียงดังฟังดูก็รู้ว่าเริ่มหัวร้อนไม่พอใจชมพูแพรเป็นอย่างมาก "ไม่พูดว่าเลิกกันก็ได้ค่ะ อาพยัคฆ์ก็รอให้กวางเรียนจบก่อน" "สี่ปีเลยนะเว้ยกวาง น้ำได้ท่วมปอดตายกันพอดี" "ค่ะ งั้นถ้ากลัวตายก็ไม่ต้องรอก็ได้นะคะ ถ้าอาพยัคฆ์อยากหย่ากันวันไหนก็บอกกวางได้ กวางจะเซ็นใบหย่าให้" "เอาอีกแล้ว บอกว่าไม่ให้พูดว่าเลิกกันไงมันเป็นลางไม่ดี พี่จะรอ" "จะรอวันที่กวางคลอดลูกเสือของมาให้พี่" คมพยัคฆ์ได้แต่คิดเอาไว้ในใจ "ค่ะ อาพยัคฆ์ก็รอไป กวางก็จะตั้งใจเรียนให้จบ จะได้มีความรู้เอากลับมาช่วยคุณตาคุณยายทำงาน ช่วยอาพยัคฆ์ด้วยค่ะ" "ไม่มีแบบว่า จะใจอ่อนระหว่างทางบ้างเลยเหรอ" คมพยัคฆ์แกล้งถามทั้งๆ ที่ในหัวสมองก็ได้วางแผนการเอาไว้หมดแล้ว "น้ำหยดลงหิน หินมันจะกร่อน นับประสาอะไรกับการจีบเมียตัวเองวะ มันต้องได้สักวันแหละวะ" คมพยัคฆ์คิดในใจอย่างหมายมาด "ไม่มี ไม่ใจอ่อนอะไรทั้งนั้นค่ะ ตอนนี้เข้าไปในบ้านได้แล้วยังกวางหิวข้าวแล้ว เมื่อเช้าได้กินข้าวไปไม่กี่คำเอง เพราะมัวแต่ห่วงสวย กลัวใส่ชุดไม่ได้กลัวนั่งแล้วจะก้มไม่ลง" ชมพูแพรพูดเล่าคมพยัคฆ์ด้วยท่าทางน่ารักแล้วยิ้มสารภาพว่าหิวข้าว กินข้าวได้น้อยเพราะมัวแต่ห่วงสวย "ห่วงสวยกับเขาเป็นด้วย พี่คิดว่ากวางจะไม่ตื่นเต้นกับการใส่ชุดงานหมั้นของเราเสียอีก" คมพยัคฆ์พูดยิ้มๆ พึงพอใจเมื่อได้ยินว่าชมพูแพรใส่ใจและให้ความสำคัญกับงานในวันนี้เหมือนกัน อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ตื่นเต้นจนนอนแทบไม่หลับ "อ้าว ใครบ้างไม่อยากสวยเล่า เมื่อวานก็ไปขัดตัว อาบน้ำแร่ แช่น้ำนมมาทั้งวัน ไม่อยากสวยยังไงไหวละคะ" "กวางก็สวยอยู่แล้วไง พี่ก็แค่แปลกใจที่กวางห่วงสวยเป็นพิเศษ แบบนี้เขาเรียกว่ามีใจให้หรือเปล่า" "ไม่รู้ค่ะ รู้แค่ว่าอยากสวยดูดี ไม่อยากพุงปลิ้นให้ต้องอายแขกที่มางาน และตอนนี้ก็อยากไปเปลี่ยนชุดกินข้าวแล้วค่ะ อาพยัคฆ์ไม่หิวหรือไง" ชมพูแพรแกล้งพูดไปเพราะเริ่มเขินคมพยัคฆ์ที่พยายามพูดป้อจีบตนเองอยู่ "หิว..." "ถ้าหิว งั้นไปค่ะไปกินข้าวกัน" ชมพูแพรพูดสรุปแล้วลุกขึ้นดึงแขนคมพยัคฆ์ชวนเข้าไปกินข้าวในบ้าน "หิว อยากกินเนื้อกวางราดไวน์แดง" คมพยัคฆ์พูดไปแล้วกำลังจินตนาการว่า กำลังดื่มไวน์แดงเคล้าเสียงเพลงเบาๆ กำลังนอนแช่น้ำอยู่ในอ่างน้ำวนกับชมพูแพร แต่ความฝันตอนกลางวันก็ต้องดับลงเมื่อชมพูแพรพูดขึ้นว่า "ไม่น่าจะมีเมนูนี้นะคะ เนื้อกวางราดซอสไวน์แดงคุณยายไม่น่าจะสั่งมาจากโรงแรมมาเลี้ยงแขกหรอกค่ะ กินเนื้อปลาแซลมอนย่างเนยแทนไปก่อนได้มั้ยคะอาพยัคฆ์" ชมพูแพรพูดพาซื่อไปเรื่อย "ครับ ปลาแซลมอนย่างเนยก็น่ากินอยู่ งั้นเราเข้าบ้านไปกินข้าวกันเถอะนะครับ" คมพยัคฆ์รับคำแล้วเดินจูงมือชมพูแพรเข้าไปในบ้าน ระหว่างจูงมือชมพูแพรเข้าไปคมพยัคฆ์ก็ได้ลูบไล้มือเรียวสวยและแหวนเพชรเม็ดงามที่ใส่ติดอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของชมพูแพรด้วยท่าทีทะนุถนอมนุ่มนวลหวงแหนในตัวคนรัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD