“เป็นแบบพี่ชินก็ไม่ได้แย่นะคะ ทำงานเก่ง แถมยังใจดี ใครได้ไปเป็นสามีมีหวังโชคดียิ่งกว่าถูกหวย!” พิณรวีไม่ได้พูดเกิดจริงเลย แต่เป็นเขาเองเสียมากกว่าที่ชอบคิดว่าตัวเองดีไม่พอที่จะได้รับความรักจากใครสักคน ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วไม่ใช่ ไม่ใกล้เคียงเลยด้วย
หากว่ากันตามความจริงแล้ว พี่ชินของเธอเป็นผู้ชายที่ดีพร้อมเอามากๆ คนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เธอเชื่อว่าหากเขายอมเปิดใจ คงมีผู้หญิงไม่น้อยเลยที่พร้อมจะรัก และทำให้เขามีความสุข อย่างน้อยก็มีเธอคนนึงที่อยากเป็นคนที่ว่าคนนั้น แม้จะรู้ว่าโอกาสที่จะได้รับความรักจากเขานั้นมันช่างมีอยู่น้อยนิด แต่ก็ยังอยากที่จะรักเขาอยู่ดี
“ขอบใจนะพีช ที่อยู่เป็นเพื่อนพี่คืนนี้ ขอบคุณจริงๆ” หญิงสาวยิ้มรับในคำขอบคุณที่ได้ยิน ก่อนจะใช้เวลาที่เหลือพูดคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ต่างฝ่ายเจอะเจอมาตลอดหลายปีที่ต้องห่างไกลกัน
มันเป็นเช้าที่พิณรวีตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุขมากกว่าวันไหนๆ ที่ล่วงเลยผ่าน เหตุคงเป็นเพราะเมื่อคืนก่อนแยกย้าย พี่ชายข้างบ้านก็ทำให้เธอต้องใจสั่นอีกครั้งเมื่ออยู่ๆ เขาก็ยื่นกุญแจบ้านอีกดอกมาให้ พร้อมเอ่ยปากอนุญาตให้เธอเข้าออกบ้านได้เหมือนเดิม
แต่ถึงจะได้รับอภิสิทธิ์แบบนั้น หญิงสาวก็ไม่กล้าไปกวนใจเขามากนัก เธอทำได้แต่ชะเง้อมองดูเขาทำกิจกรรมยามเช้าผ่านม่านหน้าต่างอยู่ห่างๆ ก่อนจะหอบข้าวของเดินออกจากบ้านเมื่อถึงเวลาที่ต้องออกไปทำงานเหมือนปกติทุกวัน หากแต่สิ่งที่เหมือนจะไม่ปกติ เห็นทีจะหนีไม่พ้นตอนนี้ มีรถคันหรูสีดำจอดรออยู่บริเวนหน้าบ้าน
“ขึ้นรถสิ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” เพราะอยากขอบคุณน้องสาวข้างบ้านที่เมื่อคืนอยู่เป็นเพื่อนกันจนดึก เช้านี้ดรัณภพเลยตั้งใจจอดรถรออีกฝ่ายอยู่ที่หน้าบ้าน ก่อนจะเอ่ยเรียกเมื่อเห็นร่างบอบบางเดินออกมา
“จะดีเหรอคะ พีชว่า…”
“ไม่ต้องว่าอะไรทั้งนั้น ขึ้นมาเร็วๆ เข้า วันนี้พี่มีประชุมเช้า” เพราะเขาว่ามาแบบนั้น เธอจึงไม่มีทางเลือกมากนัก จำต้องรีบเดินขึ้นมานั่งบนรถของเขา ก่อนจะเอ่ยขอบคุณเบาๆ เมื่ออีกฝ่ายขยับมาช่วยรัดเข็มขัดให้โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า
“ตอนเย็นเลิกงานกี่โมง เดี๋ยวพี่แวะไปรับ” ดรัณภพไม่ได้ถือสาต่อภาพใบหน้าแดงซ่านของอีกคนเท่าไหร่ ตัดสินใจเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ชิน พีชกลับเองดีกว่า อีกอย่างวันนี้พีชนัดกับเฟื่องไว้ ว่าจะไปดูหนังด้วยกันหลังเลิกงาน” คนได้ยินพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เหมือนจะจำได้ว่าเจ้าของชื่อที่ว่านั้นคือเพื่อนสาวเพียงหนึ่งเดียวของอีกฝ่าย ที่แม้จะเป็นชายแต่ใจนั้นกลับเป็นหญิงเกินร้อย
ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบครอบงำต่อไปอีกพักใหญ่จนกระทั่งถึงบริษัท พิณรวีจึงยกมือขึ้นเตรียมจะไหว้ขอบคุณเขาที่อุตส่าห์มาส่ง หากแต่สิ่งที่เธอได้รับกลับมานั้น กลับเป็นโทรศัพท์มือถือของเขาแทน
“อะไรเหรอคะ…”
“พี่ขอเบอร์พีชหน่อยสิ” คนที่อยู่ๆ ก็ถูกขอเบอร์ซึ่งๆ หน้าทำตัวไม่ถูกอยู่นานร่วมนาทีเห็นจะได้ ก่อนจะยอมกดเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองให้เขาไป ไม่กี่อึดใจเขาก็โทรเข้ามาพร้อมกับเสียงเข้มที่ดังขึ้น
“นี่เบอร์พี่ อย่าลืมบันทึกไว้ด้วย”
หญิงสาวยิ้มรับ ก่อนจะเดินลงมาจากรถ พร้อมหัวใจที่อัดแน่นไปด้วยความสุขมากกว่าวันไหนๆ
พิณรวีไม่เพียงแต่บันทึกเบอร์เขาเท่านั้น แต่เธอยังแอดไลน์เขาไปด้วย ซึ่งเขาก็ตอบรับกลับมาด้วยสติกเกอร์รูปแมวอ้วนน่ารัก
“ผีเข้ารึไงย่ะหล่อน ถึงได้มานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียวแบบนี้! แล้วนั่นแอบคุยกับหนุ่มที่ไหน!” เดือดร้อนเฟื่องฟ้าที่อดไม่ได้จนต้องเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นท่าทีที่ดูแปลกไปจากทุกวันของเพื่อนรักเข้า
“พี่ชินน่ะ”
“ต๊ายยย นี่เขายอมคุยกับหล่อนแล้วเหรอ แล้วเป็นยังไงบ้าง เขายังเย็นชาใส่หล่อนอยู่ไหม” พิณรวีส่ายหน้ากลับไปเบาๆ ก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวาน ให้เพื่อนรักฟังอย่างไม่คิดปกปิด
“นังโง่! ทำไมหล่อนไม่ให้เขามารับย่ะ หนังน่ะดูวันไหนก็ได้ไหม ผู้ชายต้องมาก่อนสิถึงจะถูก!” จนเมื่อได้รู้ว่าเพื่อนเพิ่งจะปฏิเสธหนุ่มหล่ออันดับหนึ่งของมหาลัยที่อาสาจะมารับกลับบ้าน เสียงแหลมๆ ถึงได้ตวาดขึ้น ด้วยพอจะรู้ดีว่าโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆ
“ก็ตอนนั้นมันคิดไม่ทันนี่ แกก็รู้ว่าฉันรักเขามานานตั้งกี่ปี แค่เขายอมกลับมาพูดด้วย มันก็ดีมากแล้ว…” เธอไม่หวังอะไรที่มันเกินไปมากกว่านี้ เพราะรู้ตัวเองดีกว่าสำหรับเขา เธอเป็นได้แค่ไหน
และเพราะรู้ถึงได้พยายามอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง
ไม่ทำให้เขาต้องอึดอัด!
“เพราะแกมันมัวแต่ช้าเป็นเต่าแบบนี้ไง ถึงทำได้แต่นั่งมองเขาตาละห้อยผ่านริมหน้าต่างบ้านมาเป็นปีๆ แบบนี้! ลองเป็นฉันหน่อยเถอะ แม่จะจับปล้ำทำผัวให้มันรู้แล้วรู้รอดไป โทษฐานที่หยิ่งดีนัก!” หญิงสาวไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไปนอกจากยิ้มสู้ แค่จะสารภาพรักเขายังไม่กล้า เรื่องที่ว่าจะให้เที่ยวไปไล่ปล้ำเขา ลืมไปได้เลย…
สองสาวนั่งรถไฟฟ้ามาดูหนังที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งหลังเลิกงาน ก่อนที่จะพากันออกมาหาอะไรทานที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเจ้าประจำ แต่ยังไม่ทันจะได้ทิ้งตัวลงนั่ง สายตาเจ้ากรรมของพิณรวี ดันเหลือบไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งเข้า ซึ่งมันคงดีกว่านี้มากหากหนึ่งในนั้นไม่ใช่คนๆ เดียวกับคน ที่พูดคุยกับเธอผ่านไลน์มาตลอดทั้งวัน
“นั่นพี่ชินนี่! ว่าแต่สาวสวยข้างๆ เขาใครอะ สวยจัง” คำถามของเพื่อนไม่ได้ช่วยทำให้ความรู้สึกหน่วงในหัวใจของเธอเบาบางลงเลยสักนิด แต่ถึงจะรู้สึกไปก็เท่านั้น เพราะเธอก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ตอนนี้เขากลับมาโสดอีกครั้ง
มันจะแปลกอะไรตรงไหน ถ้าวันนี้เขาจะนั่งทานข้าวกับใครสักคน คนที่ยิ่งได้มองก็ยิ่งรู้สึกถึงความเหมาะสมกับเขา ต่างจากเธอ!
ที่เป็นพนักงานกินเงินเดือนธรรมดา หน้าตาก็งั้นๆ เรื่องที่จะให้พาตัวเองขึ้นสังเวียน เพื่อสู้รบปรบมือกับใครที่ไหนน่ะลืมไปได้เลย
“ถ้าแกไม่สบายใจ เราเปลี่ยนร้านได้นะ” เพราะเห็นท่าทีหงอยๆ ของเพื่อนเข้า เฟื่องฟ้าจึงตัดสินใจเอ่ยถามขึ้น
“ช่างเถอะ เขาก็อยู่ส่วนเขา เราก็อยู่ส่วนเรา อย่าไปสนใจเลย รีบสั่งอาหารเถอะ ฉันหิวแล้ว” เมื่อเพื่อนรักว่ามาแบบนั้นเธอจึงไม่คิดที่จะขัดใจอีกฝ่าย แต่กระนั้นสายตาก็อดตวัดไปมองชายหญิงอีกคู่ไม่ได้ ก่อนที่ดวงตาจะเบิกโพลงขึ้นเมื่อหนึ่งในนั้นหันมาสบตากันเข้า
“ชิบหายแล้วนังพีช! พี่ชินเขาหันมาเห็นฉันแล้ว! ทำยังไงดี!” พิณรวีไม่ได้ตกใจอะไรนอกจากกระซิบบอกเพื่อนรักให้เลิกมองพวกเขา ทว่าไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เสียงเข้มที่คุ้นหูก็ดังขึ้นจากด้านหลัง…
“ดูหนังกันเสร็จแล้วเหรอครับ” เป็นดรัณภพที่เอ่ยถาม ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ พิณรวีทันทีที่พูดจบ
“คะ…ค่ะ! เพิ่งดูเสร็จเมื่อกี้นี้เองค่ะ” เป็นเฟื่องฟ้าที่เอ่ยตอบแทนเพื่อน ก่อนจะยกมือไหว้รุ่นพี่สุดหล่อที่ไม่ได้เจอกันมานาน หากแต่ความหล่อเหล่าของเขานั้นกลับยังคงอยู่ ไม่ได้จางหายไปไหน
เหมือนจะหล่อ น่ากินกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ!