“อืม”
ใบหน้าหวานที่ไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มเข้าซุกซบกับหมอนข้างที่ทั้งแข็งแรงและอุ่นๆโดยที่ดวงตายังคงหลับพริ้มอยู่กับความฝันหวานยังไม่ได้ตื่นขึ้นมา
ปภินดาเธอกำลังหลับสบายอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆที่มีหมอนข้างขนาดใหญ่ไว้ซุกกอด มันช่างเป็นอะไรที่แสนสบายหลังจากที่ต้องเหนื่อยกับงานแต่งงานนั้นมาหลายชั่วโมง
ถึงแม้ป่านนี้มันจะสายโด่งมากแล้วแต่หญิงสาวก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา ยังคงมีความสุขกับการนอนในสถานที่ใหม่ๆที่เจ้าของบ้านยกให้เป็นสถานที่ส่วนตัวของเธอ
“ปภินดา อืม”
เสียงหนาของมาเฟียหนุ่มครางชื่อของหญิงสาวเบาๆ ปลายจมูกกดไปตามเรือนผมแสนหอมอย่างอดใจไม่ไหว
เขาแค่ตั้งใจมานอนพักเอาแรงก่อนจะออกไปทำงานต่อ หลังจากที่ทำงานมาแล้วทั้งคืน ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอหญิงสาวอ้อนเข้าให้แบบนี้
ไม่อยากจะลักหลับเธอเพราะมันดูเป็นการไร้มารยาท แต่ทว่าเธอทั้งกอดทั้งซบเขาแบบนี้ใครมันจะไปอดใจไหว
ปลายจมูกร้ายของมาเฟียหนุ่มยังคงไม่หยุดแค่เรือนผมหอมๆนั้น ขยับเลื่อนลงต่ำหาซอกคอระหงที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆเฉพาะตัวของเธอ
ลากไล่ปลายจมูกโด่งไปกับความหอมของเธอเพื่อเรียกเอากลิ่นหอมนั้นเข้าปอดระลอกแล้วระลอกเล่า บางคราปลายคางที่เต็มไปด้วยหนวดเคราที่เพิ่งจะโกนจัดระเบียบไปตอนงานแต่งก็เข้าทิ่มแทงเนื้ออ่อนของเธออย่างไม่ได้ตั้งใจ
เขารู้ว่าอาจทำให้เธอระคายเคืองผิวเนื้ออ่อนๆนั้น แต่เขาก็หยุดตัวเองไม่ได้แล้ว
“ตัวอะไรกัดอ่ะ อื้อ มดตัวเท่าควายที่ไหนเนี้ย”
หญิงสาวเริ่มตื่นจากฝันหวานพร้อมกันเสียงโวยวายถึงความเจ็บปวดเล็กๆน้อยๆที่ดูน่ารำคาญที่ต้นคอนั้น
“อืม”
ถึงจะมีเสียงร้องท้วงจากหญิงสาวดังออกมาแล้ว แต่คนกำลังตักตวงความหอมหวานของเธอเข้าปอดก็ไม่อาจหยุดตัวเองได้
พร้อมกันนั้นก็เริ่มส่งปลายมือเข้าไปลูบไล้แถวบริเวณหน้าท้องน้อยของเธอไปพร้อมกันด้วย
“กรี๊ดดดดดดด”
ดวงตากลมสวยของหญิงสาวเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกใจเมื่อมีมือของใครก็ไม่รู้เข้ามาสัมผัสที่ตัวเธอ พร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจคิดว่าเจอผีเข้าให้แล้ว
กรีดร้องเสียงดังลั่นเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นว่าเจ้าของมือที่เข้ามาสัมผัสหน้าท้องของเธอเป็นใคร
เขาคือคนที่แสนเกลียดชังและปฏิญาณตนเอาไว้แล้วด้วยว่าจะไม่มีวันร่วมเตียงเคียงหมอนกับเขาเป็นอันขาด แล้วทำไมเขาถึงได้ขึ้นมาอยู่บนเตียงของเธอได้
“หืม”
สองมือหนายกขึ้นป้องหูของตัวเองเพื่อหลีกหนีเสียงดังๆที่กรีดร้องเข้ามาไม่ให้หูนั้นเกิดอาการอื้ออึ้งคล้ายคนหูตึงขึ้นมาได้
แล้วก็ลอบถอนหายใจอย่างนึกเสียดายเป็นที่สุดที่ต้องออกห่างจากเรือนกายหอมๆที่กำลังเพลิดเพลินกับการตักตวงความหอมนั้นเข้าปอด
อีกนิด อีกนิด อีกนิด เขาก็น่าจะพอใจไปกับความหอมอ่อนๆของเธออยู่แล้วเชียว
“ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ ไอ้สกปรก”
เธอต่อว่าเขาด้วยถ้อยคำสารพัดที่จะนึกคิดออกมาจากสมองน้อยๆของเธอได้เพื่อปกป้องตัวเอง ก็ด้วยทั้งตกใจและก็ทั้งหวาดกลัวนั่นแหละที่ลืมตาตื่นขึ้นมาเจอเขาอยู่บนเตียงเดียวกับเธอ
“เออๆ พอแล้ว”
เขาจำต้องยอมรับเป็นทุกอย่างที่เธอด่าออกมาเพื่อให้เธอนั้นสงบลงก่อนที่เขาจะหูตึงอย่างถาวรจากน้ำเสียงดังๆนั้น
“นายขึ้นมาทำอะไรบนเตียงฉัน ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะ”
ปภินดาไม่หยุดแค่ที่จะต่อว่าเขา เธอไล่เขาออกไปจากห้องที่เรียกว่าห้องนอนของเธออีกด้วย
คนเกลียดกันมันก็ไม่ควรจะอยู่อาศัยร่วมห้องเดียวกันให้พาลหายใจไม่สะดวกแบบนี้ เขาควรออกไปได้แล้วไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
“โทษที แค่เข้ามานอนผิดห้อง”
วิกเตอร์เขาเป็นฝ่ายขอโทษเธอก่อนเพื่อให้เธอดูอารมณ์เย็นลงและพูดคุยกันดีๆแบบที่คนทั่วไปเขาพูดคุยกัน โดยที่เขาไม่ปริปากบอกกับเธอเกี่ยวกับห้องนอนที่เธอนั้นนอนอยู่ว่าเดิมทีแล้วมันคือห้องนอนของเขา
“ฉันไม่รับคำขอโทษอะไรทั้งนั้น ออกไปเดี๋ยวนี้”
เธอยังคงยืนยันคำเดิมยังคงไล่เขาออกจากห้องนอนส่วนตัว ไม่สนว่าห้องนี้มันจะอยู่ใต้ชายคาบ้านของเขาก็ตาม
“จะโวยวายอะไรนักหนา ผัวมานอนกับเมีย ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน”
มาเฟียหนุ่มทำหน้ามึนๆเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเสียงหวานๆที่กำลังไล่เขาอยู่ แล้วนั่งนิ่งอยู่ข้างๆเธอต่อบนเตียงเดียวกัน
“สำหรับฉัน คุณไม่ใช่สามีของฉัน”
เธอกระแทกปลายเสียงอย่างหนักแน่นเน้นคำ
“เธอสวมแหวนแต่งงานอยู่ แล้วฉันจะไม่ใช้ผัวของเธอได้ยังไงกัน”
เขากระแทกเสียงกลับพร้อมกับชี้ไปที่แหวนแต่งงานวงใหญ่ที่ถูกใส่อยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ
“เอาคืนไปสิ”
ปภินดาถอดแหวนออกจากนิ้วนางนั้นด้วยความรวดเร็ว แล้วปาใส่หน้าเขา
“ปภินดา”
เขาตะคอกเรียกชื่อเธอเสียงดังลั่น พร้อมกับคว้าแหวนนั้นที่ถูกปามากระทบใบหน้าไว้ได้ทันจนมันไม่ตกหายไปที่พื้นห้อง
“แล้วอย่ามาอ้างสิทธิ์ความเป็นสามีกับฉันอีก คุณก็เป็นแค่เจ้าหนี้เท่านั้น ถึงเวลาที่ฉันใช้หนี้หมดแล้ว ทุกอย่างมันก็จบ”
“ถ้างั้นก็อย่าหวังจะได้ใส่แหวนของชู้รักเธอเลย”
สายตาคมตวัดมองไปที่กล่องกำมะหยี่สีแดงสดทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกวางอยู่ที่หัวเตียงนอน เขาเห็นมันมาตั้งแต่เดินเข้ามาภายในห้องนี้ตอนเช้ามืดแล้ว
และด้วยความรวดเร็วเขาคว้ากล่องกำมะหยี่นั้นที่ภายในคงมีแหวนของไอ้ผู้ชายคนนั้นอยู่ขึ้นมา แล้วรีบเดินออกจากห้องนอนไป
“นี่คุณ จะเอาของของฉันไปไหน หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
ปภินดารีบหยิบเอาเสื้อคลุมที่วางพาดอยู่ตรงโซฟาปลายเตียงขึ้นห่อคลุมเรือนกายที่ใส่เพียงชุดนอนวาบหวิวเอาไว้ แล้วรีบวิ่งตามเขาออกไป
แต่ทว่าก็เหมือนเธอจะวิ่งช้าไป พอออกมาจากภายในห้องก็กลับไม่เห็นใครแล้ว
“คุณปภินดา”
พ่อบ้านโชที่กำลังเดินสำรวจความเรียบร้อยของบ้านอยู่พอดี พอเห็นว่านายหญิงของบ้านวิ่งไปวิ่งมาในบ้านก็ตั้งท่าตกใจขึ้นมา
คิดไม่ถึงว่านายหญิงของบ้านจะคิดออกกำลังกายด้วยชุดนอนที่ไม่เหมาะสมแบบนี้
“เจ้านายคุณไปไหน”
ปภินดาตะโกนถามจากไกลๆกับคนที่น่าจะเป็นพ่อบ้านของบ้านหลังนี้เมื่อเธอนั้นไม่ว่างที่จะมาถามใกล้ๆเพราะว่ากำลังตามหามาเฟียหน้าหนวดหน้าตากวนส้นเท้านั้นอยู่
พ่อบ้านโชทำได้เพียงแค่เงียบแม้จะเห็นว่าเจ้านายนั้นเดินเข้าไปพักที่ทำงานลับก็ตาม ด้วยเขาไม่มีสิทธิ์พูดเรื่องของเจ้านายถ้าไม่ได้รับการอนุญาต
“เขาอยู่ห้องไหน”
เมื่อไม่ได้รับคำตอบ เธอก็เลยตะโกนถามกลับออกไปอีก
“ผมตอบได้เพียงแค่ว่า อาหารเช้าพร้อมเสิร์ฟแล้วนะครับที่ห้องอาหาร”
พ่อบ้านโชยิ้มอ่อนๆให้กับคำตอบที่เขาพอจะตอบนายหญิงของบ้านได้ ด้วยเวลานี้มันถึงเวลาอาหารเช้าแล้ว
“ฉันไม่กิน”
ปภินดาปฏิเสธเสียงแข็งที่จะไม่กินมื้อเช้านั้น เธอไปวิ่งตามหามาเฟียหน้าหนวดนั้นต่อ เข้าห้องนู้นออกห้องนี้วุ่นไปทั่วบ้าน แต่หาเท่าไหร่ก็หาเขาไม่เจอ
จนสุดท้ายเธอหมดแรงก็เลยจำต้องกลับไปกินอาหารเช้าที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธเสียงแข็งใส่ไป
และเก็บความแค้นนั้นเอาไว้ในใจ รอเจอเขาอีกเมื่อไหร่เธอต้องเอาแหวนของพี่ซันคืนมาให้ได้