แต่สำหรับไทเลอร์ เขารู้ว่ามันยากเหลือเกินที่จะสะกดกลั้นความต้องการเอาไว้ได้
“แอลลี่…ผม…”
บอกแล้วก็กดจมูกกับพวงแก้มเปล่งปลั่งอย่างถือวิสาสะ
“เร็วไปค่ะ…”
เธอบ่ายหน้าหนีจูบของเขา
ไทเลอร์จ้องมองแก้มระเรื่อไปด้วยเลือดฝาดของวัยสาวอย่างนึกเสียดาย แต่เขาก็ยิ้มพรายอยู่ในหน้า ด้วยคำว่า ‘เร็วไป’ ที่หญิงสาวเอ่ยออกมานั้นมีนัยสำคัญว่ามันมีโอกาสที่จะเป็นไปได้ ที่ความสัมพันธ์จะพัฒนาจนไปถึงขั้นลึกซึ้งต่อกัน เพียงแต่เขาต้องใจเย็น…อดทนรอให้นานกว่านี้สักหน่อย
“ขอโทษครับ ผมอดใจไม่อยู่…บอกตามตรงว่าคุณเป็นผู้หญิงที่สวยมากแอลลี่”
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น มือใหญ่ของเขาก็ลูบไล้ลงมาบนหน้าขาเบียดชิดของหญิงสาวด้วยความลืมตัว ชั้นเชิงเจ้าชู้ฉายชัดออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้แอลลี้ต้องทาบฝ่ามือเล็กๆ ลงบนหลังมือใหญ่ของไทเลอร์ แล้วหยิกแรงๆ เพื่อหยุดความซุกซนของเขา
“คุณโอเคแล้วนะครับ”
ไทเลอร์พยายามระงับอารมณ์ความต้องการเสียก่อนที่มันจะพลุ่งพล่านเกินยับยั้ง รีบหันเหความสนใจไปที่อาการป่วยของเธอ
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ…นอนพักสักครู่ก็คงจะหาย”
“งั้นผมกลับก่อนนะครับ”
เขาบอกลาเจ้าของห้อง แล้วกลับออกไปด้วยความรู้สึกแสนเสียดาย
ครู่สั้นๆ ต่อมา…
แอลลี่หยัดร่างขึ้นจากโซฟา รีบก้าวออกไปที่ระเบียงหลังห้อง ทอดสายตามองตามรถปอร์เช่ บ็อกสเตอร์ สไปเดอร์ สีดำขลับคันหรู ราคาเกือบสิบล้านของไทเลอร์ที่กำลังแล่นออกไปสู่ถนนใหญ่ด้วยความรู้สึกกระหยิ่มใจ เมื่อสังเกตเห็นว่าเขาแสดงความต้องการในตัวเธอออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน ทั้งที่ก็ยังไม่ได้ยั่วยวนอะไรมากมายเลยด้วยซ้ำ
หญิงสาวก้าวกลับเข้ามาในห้อง ค่อยๆ เดินไปหยุดยืนที่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ ค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด ถอดกระโปรงจนเกือบเปลือยเปล่า เหลือแต่ชั้นในสีดำ ตัดกับสีผิวขาวละเอียดลออ
จากนั้นมือเรียวก็เอื้อมคว้านิตยสารจีเอ็ม แมกกาซีนที่มีรูปของไทเลอร์อวดความหล่อเหลาอยู่บนปก หยิบขึ้นมาดูด้วยสายตาชื่นชมพอๆ กับนึกชิงชังอยู่ในที ด้วยรู้ว่าอีกไม่นานไทเลอร์กำลังจะเข้ามาเกี่ยวดองกับตระกูลอัครพลไพศัลย์ที่เธอเกลียดชังในฐานะ ‘ลูกเขย’ ของตระกูล
เธอทรุดร่างเกือบเปลือยเปล่าลงนั่งไขว่ห้าง เปิดอ่านเนื้อหาด้านในซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนคนย้ำคิดย้ำทำ
ถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของไทเลอร์ทำให้เธอรู้จักพื้นเพชีวิตของเขาดีขึ้น ได้รู้ว่าชายหนุ่มผู้หล่อเหลาและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์จนน่าหลงใหลคนนี้ ‘ไทเลอร์ แบนเดอร์ราส’ สำเร็จการศึกษาทางด้านบริหารธุรกิจมาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดซึ่งมีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของโลก และยังได้รู้อีกว่ารูปร่างสูงใหญ่กว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตร ผมสีน้ำตาลเข้มและดวงตาสีสนิมเหล็กชวนฝันคู่นั้น…ที่แท้ก็เป็นลูกครึ่งสเปนนี่เอง
จากคำให้สัมภาษณ์ของไทเลอร์ที่ได้อ่าน เขาเล่าว่ามีบิดาชื่อคาร์ลอส เป็นนักธุรกิจชาวสเปนที่มาพบรักและแต่งงานกับภัสสร มารดาของเขาซึ่งเป็นคนไทย ทายาทของนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของภูมิภาคอาเซียน
“ขอบคุณที่รับเข้าทำงานนะคะไทเลอร์…”
แอลลี่รำพึงกับตัวเอง เพราะเธอตระหนักดีว่ามันจะเป็นประโยชน์กับเธอไม่น้อย ถ้าสามารถดึงไทเลอร์เข้ามาเป็นหมากตัวหนึ่งของเกมแก้แค้นในครั้งนี้ได้
‘ผู้ชายในโลกใบนี้…คนไหนๆ ก็เหมือนกันหมด’
หญิงสาวคิดในใจ ด้วยน้ำเสียงและแววตาสาปส่งผู้ชายทั้งโลก
มือเรียวไล้ลูบไปบนหน้าปกนิตยสาร สมองครุ่นคิดถึงการแก้แค้นว่าเธอควรจะใช้วิธีไหน เพื่อให้ครอบครัวอัครพลไพศัลย์ได้ชดใช้หนี้แค้นที่เคยก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้กับครอบครัวของเธอ
วาบหนึ่งในห้วงความคิด…
แอลลี่คิดถึงมารดาของตัวเองขึ้นมาจับใจ ตัดสินใจกะทันหันว่าควรจะกลับเวียดนามในวันรุ่งขึ้น เมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่าคงจะมีแต่ช่วงเวลานี้เท่านั้นที่พอจะหาเวลาไปเยี่ยมมารดาได้ ด้วยรู้ดีว่าอีกราวสัปดาห์หลังจากนี้ เธอต้องเริ่มงานที่ BK Paradise Hotel ซึ่งเธอได้เลือกแล้วว่ามันคือหนทางเดียวที่จะทำให้เธอได้เข้ามาใกล้ศัตรู แม้รู้ดีว่าถ้าเกิดพลาดพลั้งเพียงนิดเดียว คนใจร้ายพวกนี้ต้องไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่ๆ
แอลลี่วางนิตยสารในมือลงช้าๆ แล้วหยิบอีกเล่มขึ้นมา มันเป็นฉบับที่พีระพงษ์ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความสำเร็จในการบริหาร BK Paradise Hotel เอาไว้เมื่อเดือนก่อน ทำให้มีรูปของเขาในชุดสูทสีเทาอวดความภูมิฐานอยู่บนปก
“ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะเอาคืนให้สาสม…”
หญิงสาวขบกรามกรอด
เธอพูดกับตัวเอง แล้วปล่อยนิตยสารในมือให้ร่วงลงบนพื้นอย่างจงใจ จากนั้นก็ก้าวข้ามไปอย่างไม่ไยดี พาเรือนร่างเกือบเปลือยเปล่าหายลับเข้าไปในห้องน้ำ แว่วเสียงน้ำจากฝักบัวตกกระทบพื้นตามมา
ขณะที่กำลังอาบน้ำอยู่นั้น จู่ๆ ความรู้สึกหลากหลายที่ถาโถมเข้ามาในอารมณ์ก็ทำให้หญิงสาวถึงกับร้องไห้ออกมาดังๆ ด้วยความรู้สึกซึ่งยากจะบรรยาย
เสียงสายน้ำจากฝักบัวที่ตกกระทบพื้น ช่วยกลบเสียงสะอึกสะอื้นเอาไว้ เรื่องราวที่เธอพยายามจะกลบฝังเอาไว้ ก็ถูกความเคียดแค้นชิงชังก่อกวนให้ผุดพรายขึ้นมารบกวนจิตใจของเธออย่างห้ามไม่ได้
ในวันที่ชีวิตสูญสิ้นศรัทธากับเรื่องของ ‘กฎแห่งกรรม’ มานานแล้ว แอลลี่ บอกตัวเองว่าร้องไห้เสียให้พอ ปล่อยให้น้ำตาหลั่งออกมาเป็นสาย ปะปนกับน้ำประปาจากฝักบัวจนแยกไม่ออก
หลังจากนี้เธอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว
เธอจะต้องเป็นแอลลี่ที่เข้มแข็ง มิเช่นนั้นการรอคอยมานานหลายปีจะสูญเปล่า ไร้ค่า ถ้าเธอขี้ขลาดต่อความแค้นที่ศัตรูสมควรจะได้รับการชำระสะสางเสียที หลังจากได้พิสูจน์ประโยคที่ว่า ‘ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป’ มาแล้วในช่วงระยะเวลาหนึ่งของชีวิต ยืนยันด้วยความรุ่งเรืองในชีวิตของผู้คนที่เคยก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้กับครอบครัวของเธอ
โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ขณะที่คนเหล่านั้นกำลังเสวยสุข…แต่มารดาของเธอกลับต้องทนทุกข์ทรมานมาจวบจนถึงทุกวันนี้
สามวันต่อมา