ตอนที่ 1
1
ทันทีที่ก้าวลงจากรถแท็กซี่ หญิงสาวแหงนใบหน้ามองดูโรงแรมขนาดใหญ่ที่เธอตั้งใจจะมาสมัครงาน แลเห็นโครงสร้างคอนกรีตรูปทรงสี่เหลี่ยมสูงเสียดฟ้า ตกแต่งด้วยวัสดุหรูหรา ส่วนที่เป็นกระจกและโลหะเลื่อมเงาสะท้อนวาบวาววับกับดวงตะวัน ตระหง่านอยู่ในประกายแสงแดดของยามสาย
‘BK Paradise Hotel’
เธอสะกดชื่อของโรงแรมที่แลเห็นเด่นชัดจากป้ายตัวอักษรขนาดใหญ่บริเวณด้านหน้า รั้วและประตูทางเข้าก่อด้วยอิฐศิลาแลงแข็งแกร่ง บางส่วนของรั้วปกคลุมเอาไว้ด้วยสีเขียวของต้นตีนตุ๊กแก ขึ้นหนาแน่นจนแทบมองไม่เห็นสีอิฐ ถัดจากตัวตึกขนาดใหญ่มีห้องพักสไตล์รีสอร์ต ปลูกสร้างเรียงสลับออกมาเป็นปีกซ้ายขวาของโรงแรม
“มาสมัครงานค่ะ”
เธอตรงไปรับบัตรสำหรับผู้มาติดต่อที่หน้าป้อมยาม เดินผ่านประตูทางเข้าด้านหน้าของโรงแรมที่ร่มครึ้มไปด้วยต้นปาล์มหนาแน่น อวดสีเขียวขจีอันน่ารื่นรมย์ต่อสายตาผู้พบเห็น หากแต่ในความรู้สึกของหญิงสาว…กลับไม่นึกชื่นชมในความงามอย่างที่ควรจะเป็น ด้วยหญิงสาวรู้ดีว่าการที่ต้องดั้นด้นมาถึงเมืองไทยครั้งนี้ ไม่ได้มาเพื่อสร้างอนาคต หรือหวังเอาความก้าวหน้าจากหน้าที่การงานจากที่แห่งนี้ แต่เธอมาเพราะมีเหตุผลบางอย่างเป็นแรงผลักดัน
ขณะก้าวเดินเข้ามาถึงบริเวณลานโล่งชั้นใน ก่อนถึงประตูขนาดใหญ่ เพื่อจะเข้าสู่ภายในโรงแรมหรู ระหว่างทางที่เธอเดินผ่านบ่อน้ำพุขนาดใหญ่ มีรูปปั้นผู้หญิงเปลือยกายอะร้าอร่าม แบกแจกันใบใหญ่เอาไว้เหนือบ่า สายน้ำพร่างลงมาจากปากแจกัน ไหลสู่บึงบัวขนาดใหญ่ น้ำเบื้องล่างใสราวกระจก แลเห็นฝูงปลาคาร์ปแหวกว่ายไปมา
ในเวลาต่อมา
ภายในห้องทำงานส่วนตัวของพีระพงษ์ อัครพลไพศัลย์ ผู้เป็นเจ้าของ ‘BK Paradise Hotel’ โรงแรมหรูระดับห้าดาว มีสาขาอยู่ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญในหลายประเทศทั่วโลก
“ไทเลอร์มาหรือยัง…”
ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ที่กำลังนั่งไขว่ห้าง เอนหลังทาบไปกับพนักเก้าอี้หนังสีดำ เอ่ยถามกับวิไลวรรณ เลขาฯ ประจำตัวของเขาที่เพิ่งถูกเรียกตัวเข้ามาในห้อง
วิไลวรรณเป็นหญิงสาวชาวเหนือ เธอมีผิวขาวอวบ ละเอียดลออ หน้าตาจัดว่าสะสวย เส้นผมสีดำสลวยรัดรวบขมวดเป็นมุ่นมวยเอาไว้ที่ด้านหลัง ริมฝีปากเอิบอิ่มเคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูบาง ใบหน้ารูบไข่ฉาบเอาไว้ด้วยเครื่องสำอางแต่พองาม ไม่ฉูดฉาด แต่งกายด้วยเสื้อสูทสั้นสีดำทันสมัย กระโปรงสั้นอวดเรียวขาขาวเนียนจนไม่ต้องใช้ถุงน่อง ดูเหมาะเจาะลงตัว ไม่โป๊และไม่สุภาพจนเกินไป
“คุณไทเลอร์เพิ่งโทรเข้ามาเมื่อสักครู่นี้ บอกว่ารถเกิดอุบัติเหตุค่ะท่าน”
เธอรายงานด้วยน้ำเสียงสุภาพนิ่มนวล พร้อมกับวางถ้วยกาแฟที่ยังแลเห็นไอร้อนลอยขึ้นจากปากถ้วยไว้ตรงหน้าผู้เป็นนายอย่างรู้หน้าที่
กิริยาท่าทีของวิไลวรรณดูคล่องแคล่ว พูดจาด้วยน้ำเสียงราบเรียบน่าฟัง จะหยิบจับอะไรก็ดูทะมัดทะแมง เพราะว่าเธอทำงานอยู่ในตำแหน่งเลขาฯ ส่วนตัวของพีระพงษ์มานานหลายปีจนรู้ใจเขาไปเสียทุกอย่าง
“ยังงั้นรึ…แล้วไทเลอร์เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
เสียงทุ้มกังวานถามด้วยความห่วงใย เมื่อได้ยินที่วิไลวรรณบอกว่ารถของไทเลอร์ประสบอุบัติเหตุ
“เฉี่ยวชนกับมอเตอร์ไซค์ที่สี่แยกไฟแดงค่ะท่าน คุณไทเลอร์บอกว่าไม่เป็นอะไร ประกันกำลังเข้ามาเคลียร์ คงเข้ามาถึงออฟฟิศช้าหน่อย แต่ว่าเช้านี้คุณไทเลอร์มีนัดสัมภาษณ์งานเอาไว้ แล้วตอนนี้คนที่นัดไว้ก็มานั่งรอสัมภาษณ์ได้สักพักแล้วล่ะค่ะ”
“สัมภาษณ์งานตำแหน่งอะไร…”
หัวคิ้วสีดอกเลาระบายแนวอยู่เหนือกรอบดวงตาคมกริบชิดเข้าหากันเล็กน้อย ประธานบริษัทเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย เพราะเรื่องรับสมัครพนักงานในตำแหน่งดังกล่าวนั้นไทเลอร์เป็นคนดูแลอยู่แต่แรก พีระพงษ์ให้สิทธิ์ไทเลอร์อย่างเต็มที่ ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการงานที่ชายหนุ่มดูแลรับผิดชอบโดยตรง
“ตำแหน่ง Front Reception ค่ะ”
ตำแหน่งที่วิไลวรรณบอกไปเมื่อครู่หมายถึงพนักงานต้อนรับส่วนหน้าของโรงแรม
พีระพงษ์ยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มอย่างใจเย็น สายตากวาดดูข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์คร่าวๆ ท่าทางไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องราวที่เลขาฯ สาวกำลังรายงานสักเท่าไร ด้วยเขาไว้วางใจให้ไทเลอร์จัดการทุกอย่าง กระทั่งวิไลวรรณเอ่ยประโยคหนึ่งออกมา
“เห็นคุณไทเลอร์บอกว่าคนนี้เก่งภาษาเวียดนามค่ะท่าน แถมยังพูดได้หลายภาษา เคยสัมภาษ์คร่าวๆ ผ่านโทรศัพท์ไปแล้วครั้งหนึ่ง เพียงแต่ยังไม่เห็นตัวจริง…ถ้าเธอผ่านสัมภาษณ์ในวันนี้ อาจจะให้ไปประจำอยู่สาขาเวียดนามค่ะ”
วิไลวรรณเอ่ยไปตามที่รู้มาจากไทเลอร์
“ยังงั้นรึ…”
ได้ฟังแล้วพีระพงษ์ก็ย่นหน้าผาก
คำว่า ‘เวียดนาม’ สะกิดใจเขาอย่างแรง เพราะเมื่อยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ตอนยังหนุ่มแน่นเขาเคยเป็นผู้จัดการโรงแรมอยู่ที่นั่นมาก่อน ความรักและความหลังในวัยหนุ่มหลายๆ เรื่องเคยเกิดขึ้นและถูกกลบฝังเอาไว้ที่เวียดนาม
พีระพงษ์เริ่มต้นชีวิตการทำงานที่โรงแรมในเวียดนาม เขาไต่เต้าขึ้นมาจากตำแหน่งผู้จัดการธรรมดาๆ คนหนึ่ง หากแต่ด้วยความที่เป็นคนหล่อเหลา เฉลียวฉลาด พูดจาฉะฉานน่าเชื่อถือ มีบุคลิกภาพเป็นที่สะดุดตาของผู้พบเห็น ประกอบกับเป็นคนมีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความรู้และความสามารถโดดเด่นจนเป็นที่ยอมรับของผู้บริหาร ไม่นานเขาก็สามารถผงาดกล้าขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของโรงแรม ซึ่งทำหน้าที่วางแผนและกำหนดนโยบาย การบริหารต่างๆ หลังจากที่เคยทำงานแค่ในระดับปฏิบัติการเท่านั้น
“จะให้เลื่อนสัมภาษณ์ออกไปก่อนไหมคะ…งั้นดิฉันจะบอกให้เธอกลับไปก่อนนะคะ ถ้าคุณไทเลอร์สะดวกเมื่อไรค่อยนัดให้เข้ามาสัมภาษณ์กันอีกที…แต่ตอนนี้เธอทำแบบทดสอบความสามารถพื้นฐานเสร็จแล้วค่ะ”
“เป็นยังไงบ้าง…”
ถามพลางยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่ม
พีระพงษ์เริ่มหันเหความสนใจมายังเรื่องที่วิไลวรรณกำลังรายงาน ตั้งแต่ได้รู้ว่าหญิงสาวที่กำลังรอรับการสัมภาษณ์เป็นชาวเวียดนาม
“ความสามารถทางคอมพิวเตอร์ดีเยี่ยมค่ะ ใช้ Fidelio Opera ได้ด้วยค่ะ ส่วนเรื่องภาษา คุณไทเลอร์สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์แล้วค่ะ”
‘ฟิเดลิโอ โอเปรา’ ที่วิไลวรรณเอ่ยถึงก็คือระบบซอฟต์แวร์เพื่องานโรงแรม ไม่เฉพาะงานจองห้องพัก แต่ยังรวมถึงงานอื่นๆ เช่นการจัดทำทะเบียนเข้าพัก ประวัติของลูกค้าที่เข้าพัก การลงบันทึกค่าใช้จ่าย รวมถึงการรายงานสถานภาพห้องพัก
“อืม…ท่าทางไม่เลวนี่”
ได้ยินจากที่วิไลวรรณบอก พีระพงษ์เลิกคิ้วแสดงความสนใจ แสดงว่าผู้หญิงคนนี้เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับงานโรงแรมมาบ้างแล้ว
“ถ้างั้นดิฉันจะเลื่อนสัมภาษณ์ออกไปก่อนนะคะ ไว้คุณไทเลอร์สะดวกค่อยนัดเธอมาอีกที…”
เลขาฯ สาวเอ่ยยังไม่ทันจบประโยค ประธานบริษัทก็ขัดขึ้นเสียก่อน ด้วยเห็นว่าตอนนี้เขาเองก็ยังว่างอยู่
“ไม่ต้อง…งั้นเดี๋ยวผมสัมภาษณ์เองก็แล้วกัน”
เขาละสายตาจากหนังสือพิมพ์ตรงหน้า
“เอ่อ…แต่วันนี้ท่านมีนัดกับคุณรพีพรรณนะคะ”