ตอนที่ 9

1160 Words
แอลลี่รีบแก้ เพราะไม่อยากให้ฝานถินาล่วงรู้ว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไร มือเรียวของลูกสาวเอื้อมไปกุมมือมารดาแล้วบีบเบาๆ ด้วยความสงสารอย่างสุดซึ้งกับชะตากรรมที่ได้รับอย่างไม่เป็นธรรม ที่หน้าประตูบ้าน… ประกายแสงสุดท้ายในตอนใกล้ค่ำสาดเข้ามาทางเบื้องทิศตะวันตก ขณะกลุ่มเมฆฝนรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน เหมือนผืนผ้าใบสีดำที่คลี่คลุมจนแลดูหนักอึ้งไปทั้งผืนฟ้า ประกอบกับละอองฝนที่เริ่มโปรยสายลงมาบางๆ ก็ทำให้รถจักรยานหลายคันที่แล่นขวักไขว่สวนกันไปมาตามท้องถนนต้องเร่งรีบหลบฝนกันจ้าละหวั่น กริ๊งๆ ๆ ๆ… เสียงกระดิ่งของรถจักรยานดังขึ้นที่หน้าประตู สัญชาตญาณของคนตาบอดทำให้ฝานถินารู้ได้ในทันทีว่าจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ป้าเหวียนที่กลับมาจากขายของในตลาดเลียบฮาลองเบย์ ทุกครั้งที่กลับมาถึง แกมักจะส่งสัญญาณด้วยเสียงกระดิ่งจนเป็นที่รู้กัน ครู่ต่อมา สตรีวัยกลางคนร่างอวบก็ชะโงกใบหน้าเอิบอิ่มเข้ามาทางประตู บนศีรษะยังสวมหมวกนอนลาที่สานขึ้นด้วยใบจากอย่างที่เคยเห็นชาวเวียดนามชอบใส่ ทุกวันนี้อาจจะเรียกได้ว่าหมวก ‘นอนลา’ คือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นชนชาติเวียดนามก็ไม่ผิด “แอลลี่…” ป้าเหวียนอุทานลั่นเพราะความประหลาดใจ เมื่อสายตาปะทะเข้ากับเรือนร่างบอบบางคุ้นตาของหญิงสาวที่จากไปทำงานอยู่ในเมืองไทยนานหลายเดือน แอลลี่กลับมาโดยไม่ได้บอกกล่าวเอาไว้ล่วงหน้า “เป็นไงบ้างคะป้าเหวียน…ขายของได้ไหมจ๊ะ” รอยยิ้มเกลื่อนอยู่บนดวงหน้าของหญิงสาว ดีใจที่ได้เจอหน้าคนที่คอยช่วยดูแลมารดาตอนเธอไม่อยู่ “ขายได้จ้ะ…วันนี้ป้าขายผ้าพันคอได้ตั้งสามชิ้น หมวกอีกสี่ใบ ช่วงนี้นักท่องเที่ยวเยอะจ้ะ ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็คงจะดี” มีความดีใจอยู่ในน้ำเสียงของป้าเหวียน ร้านขายของที่ระลึกย่านฮาลองเบย์ไนต์มาร์เก็ตมีอยู่ไม่ใช่น้อย ขายได้เท่านี้ก็ถือว่าดีแล้ว “จะกลับมาทำไมไม่บอกไม่กล่าว…หิวมาหรือเปล่าจ๊ะ บังเอิญจัง วันนี้ป้าซื้อผักมาเยอะเลย รอเดี๋ยวนะ สักครู่ป้าจะทำกับข้าวให้กิน” สตรีร่างอวบบอกด้วยอารามดีใจ ตอนนั้นในมือของหล่อนยังหิ้วตะกร้าใส่ผักและหมูยอที่เพิ่งซื้อติดมือมาจากตลาด ขณะที่มืออีกข้างหิ้วถุงไหมพรมถักที่เหลือจากนำไปขายให้บรรดานักท่องเที่ยวเมื่อตอนบ่ายแก่ๆ             ป้าเหวียนเป็นคนขยันขันแข็ง สมกับที่แอลลี่ไว้วางใจชักชวนให้มาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้ เพราะว่าทั้งเรื่องอาหารการกินและงานบ้าน แกเป็นคนดูแลจัดการทุกอย่าง             ถ้าหากเปรียบเทียบกับเมื่อก่อนที่เคยใช้ชีวิตอยู่กับไร่กับนา ตอนนี้ก็นับว่าป้าเหวียนมีชีวิตที่ดีขึ้นมาก หน้าที่คอยดูแลฝานถินาไม่ได้นักหนาอะไรเลย ถ้าเปรียบกับเมื่อก่อนที่แกต้องตากแดดตากลมอยู่ท่ามกลางไร่นาทั้งวัน อีกทั้งเงินค่าจ้างที่แอลลี่จ่ายให้ในแต่ละเดือนก็ทำให้แกเริ่มมีเงินเก็บหอมรอมริบขึ้นมาบ้าง “หนูซื้อเสื้อมาฝากป้าด้วยค่ะ” แอลลี่บอกพลางหันไปคว้าถุงกระดาษอีกใบออกมาจากกระเป๋าสัมภาระ หญิงวัยกลางคนเอื้อมรับถุงกระดาษแล้วรีบล้วงเอาของฝากออกมาดูด้วยอารามตื่นเต้นดีใจ สายตาซาบซึ้งกับความมีน้ำใจของแอลลี่ที่ได้เห็นมาตลอด “ขอบใจจ้ะ…ป้าชอบนะ สวยค่ะสวย…” ป้าเหวียนคลี่เสื้อออกมาทาบกับไหล่ สายตาชื่นชมกับเสื้อผ้าฝ้ายทอมือที่แอลลี่ช่างรู้ใจซื้อมาฝาก “หนูต้องขอบคุณป้าที่อยู่เป็นเพื่อนแม่ คอยดูแลแม่…รับภาระแทนหนูทุกอย่าง” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งที่มีต่อสตรีวัยกลางคนตรงหน้า อายุอานามของป้าเหวียนแก่กว่าฝานถินาราวๆ ห้าปีเห็นจะได้ “คิดเสียว่าช่วยๆ กัน ตอนนี้ชีวิตป้าเองก็ตัวคนเดียว ไม่มีใครที่ไหน ป้ารู้ว่าหนูเองก็ไม่อยากทิ้งแม่ แต่ที่ต้องตัดใจไปทำงานไกลบ้านก็เพราะความจำเป็น ไม่ต้องห่วงทางนี้…ตั้งใจทำงานให้ดี ป้าสัญญาว่าจะดูแลแม่ของหนูให้ดีที่สุด” ป้าเหวียนเอื้อมมือมาแตะที่แขนของหญิงสาวเบาๆ บอกเป็นนัยให้แอลลี่วางใจเรื่องมารดา “ป้าขอตัวเข้าครัวก่อนนะ” แกเป็นกังวลกับเสียงลมแรงที่พัดกระโชกแรงอยู่ภายนอก นึกขึ้นได้ว่าที่หลังบ้านมีเสื้อผ้าที่ซักตากเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า ภาวนาอยู่ในใจว่าอย่าให้เกิดพายุฤดูร้อนเหมือนเมื่อเดือนก่อนที่ทำเอาสังกะสีมุงหลังคาบ้านปลิวว่อนไปหลายแผ่น ใช้เวลาเป็นสัปดาห์กว่าจะซ่อมแซมให้คุ้มแดดคุ้มฝนได้เหมือนเก่า ภายหลังจากป้าเหวียนหิ้วตะกร้าข้าวของที่ซื้อมาจากตลาดเข้าไปเก็บในครัว แอลลี่กวาดสายตาสำรวจไปรอบๆ ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ตรงกลางห้องโล่งกว้างเพราะข้าวของเครื่องเรือนซึ่งมีอยู่น้อยชิ้นถูกจัดวางให้พิงชิดผนังอย่างจงใจ ไม่มีสิ่งใดยื่นระเกะระกะออกมา ด้วยรู้ว่าไม่อยากให้เป็นอุปสรรคกับมารดาของเธอที่ตาบอด แอลลี่เคยเสนอว่าจะซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้ามาเพิ่ม อย่างน้อยก็โซฟานุ่มๆ ให้แม่ของเธอได้นอนพักผ่อนระหว่างวัน แต่ฝานถินาก็ขัดขึ้นเสียเองว่าหล่อนชอบนอนเตียงไม้ ชอบแคร่ไม้ไผ่มากกว่าโซฟานุ่มๆ ทำให้แอลลี่ขัดไม่ได้ เพราะว่าเหตุผลสำคัญอีกอย่างที่ทำให้ไม่อยากเคลื่อนย้ายข้าวของภายในบ้านก็เพราะว่าฝานถินาเคยชินกับข้าวของเครื่องใช้ในตำแหน่งเดิมๆ ที่หยิบจับมานานหลายปีด้วยความคุ้นเคย “ฝนจะตกแล้วค่ะแม่…” แอลลี่บอก ฝานถินารับรู้ได้ด้วยเสียงลมอื้ออึงอยู่ภายนอก เสียงฟ้าคำราม เหมือนเสียงคนคร่ำครวญอยู่ไกลๆ “หนูขอตัวเดี๋ยวนะคะ…” บอกแล้วหญิงสาวก็ขยับเข้าสวมกอดมารดาอีกครั้งด้วยความคิดถึง กลิ่นแป้งเด็กอ่อนๆ ที่ฝานถินาชอบใช้ยังกรุ่นอยู่ในความทรงจำของแอลลี่ไม่เคยลืมเลือน “ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเถอะลูก…” เสียงของผู้เป็นมารดาอ่อนโยนยิ่งนัก ฝานถินาลูบศีรษะของหญิงสาวเบาๆ ด้วยความรักใคร่เอ็นดู รู้ว่าเธอเพิ่งเดินทางมาถึงเหนื่อยๆ “ค่ะแม่…” กล่าวจบหญิงสาวก็หยัดร่างขึ้นจากแคร่ไม้ที่มารดาของเธอนั่งจับเจ่าอยู่เป็นประจำ 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD