Chapter 2 อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน​ 2

2026 Words
Chapter 2 อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน​ 2 "ฮ่าๆๆ" เสียงหัวเราะขบขันดังขึ้นทำลายความเงียบ เมื่อธชากลั้นเอาไว้ไม่ได้ อันมาจากการที่เห็นคนตรงหน้ายังคงนั่งลูบซีกหน้าข้างที่เป็นรอยแดงเห่อไปทั้งแถบ พร้อมคำบอกเล่าที่ยังเจือเอาไว้ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหัวเสีย มันเป็นเรื่องตลกที่สุดในรอบสัปดาห์ ที่พี่ชายเขาถูกสาวตบเพราะแค่ไปทวงหมีคืน และไม่เคยมีใครกล้าทำให้พี่ชายเขาเจ็บตัวมาก่อนเลยสักครั้ง "นี่ถ้าพี่หมอได้เห็นหน้าเฮียตอนถูกตบจะฮายิ่งกว่านี้ รินน่ะงงก็งง ขำก็ขำที่อยู่ดีไม่ว่าดีก็หาเรื่องเจ็บตัว" หรัณย์หรี่ตามองสองคนตรงหน้าที่พากันพูดเรื่องของเขาสนุกสนาน ทั้งที่เขาไม่รู้สึกตลกด้วยเลยสักนิด "แทนที่จะเข้าข้างคนของตัวเองกลับพากันนั่งซ้ำเติม มันไม่ตลกเลยนะน้องรินที่อยู่ดีๆ ยายนั่นก็มาหาเรื่องพี่น่ะ ไม่ได้รู้จักมักจี่กันเลยสักนิด" "ผู้หญิงคนนั้นว่าเฮียขี้งก ขอตุ๊กตาแล้วไม่ให้" "เหรอๆ อะไรอีก เขาแค้นอะไรมาถึงวีนแตกขนาดนี้ หาเรื่องตายชัดๆ กล้าด่าขาโหดแบบเฮียน่ะ" ธารินเล่าเหมือนเป็นเรื่องแปลกประหลาด ส่วนคนฟังก็ตั้งใจดีเหลือเกิน เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยจนคนที่เป็นผู้เสียหายกลายเป็นส่วนเกิน "เธอด่าว่าเฮียสำส่อนด้วย" หรัณย์แทบพ่นน้ำกลับเข้าไปในแก้ว รีบสวนทันควัน "จะบ้าเหรอ เธอไม่ได้เจาะจงว่าใคร เธอหมายถึงผู้ชายหลายๆ คน ก็แค่ซวยถูกด่าฝากมาเท่านั้น หยุดเลยไอ้หมอ หยุดทำสายตาแบบนั้น ฉันรู้ทันนะนายคิดอะไร" "นี่ เฮีย ถ้าเป็นผมนะ จะไม่ยืนเฉยแบบเฮียแน่ อยู่ดีๆ มาทำให้ตกอกตกใจกันแบบนี้ต้องโดนกระชากเข้ามาจูบ ยิ่งตบจะยิ่งจูบ ตบจูบๆ จูบไม่ยั้งจนต้องร้องขอชีวิต" "เหรออออ ไอ้ขี้โม้ ฉันละเบื่อพวกดีแต่ปาก แล้วถ้านายเจอแบบฉันต่อให้แถมข้าวสารสักสิบกระสอบยังคิดแล้วคิดอีก หากจะให้กระชากยายป้าสติไม่อยู่กับร่องกับรอยเข้ามาจูบน่ะ" พูดไปจู่ๆ ใบหน้าเธอคนนั้นก็ผุดขึ้นมาในมโนสำนึก หรัณย์พยายามสะบัดศีรษะไปมาพลางคิดว่ามันคือความบังเอิญ "นี่เห็นมั้ย ตอนนี้ก็ยังตามมาหลอกหลอนฉันเลย" "คิดอะไรกับเธอหรือเปล่าเฮีย" "ถ้านายเห็นสภาพเธอ นายจะไม่พูดกับฉันแบบนี้" แผงคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันคล้ายฉุกใจคิด สิ่งเดียวที่เขาจำได้เกี่ยวกับหญิงสาวแปลกหน้าคือแววตา...มันแลดูแดงช้ำและไร้ซึ่งจิตวิญญาณ หรัณย์จำภาพของเธอได้คร่าวๆ ตอนที่เขาแย่งหมีมาแล้วสัมผัสได้ถึงแรงขัดขืนนิดๆ พร้อมแววตาสิ้นหวังมองดูเหมือนคนมีปัญหาทางใจ อยู่ดีๆ หรัณย์ก็หยิบหมีมาจ้องตา มองไปที่หัวใจในมือหมีเห็นคำว่าไอเลิฟยูแล้วอดที่จะกระตุกยิ้มออกมาไม่ได้ และเขาก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าหมีมีหน้าตาแปลกไปด้วย 'ยายป้าเอ๊ย มือบอนอีก’ รอยปากกาที่วาดเติมลงตรงปากหมีจนมองดูเหมือนมันกำลังยิ้มอย่างมีความสุข ทำให้หรัณย์ถึงกับหุบยิ้มทันที "แล้วดูสิ ยายบ้านั่นเอาปากกามาวาดหน้าหมีเล่นอีก ฉันอยากจับทุ่มกับฟื้น จับขาเหวี่ยงฟาดกำแพง เอาหมอนอุดปากเสียให้สะใจ คนอะไรกวนประสาทได้แม้กระทั่งคนไม่รู้จักกัน" ธชาหัวเราะขบขันเมื่ออีกฝ่ายหันหน้าหมีมาให้ดู แต่กระนั้นเขาก็ยังสงสัยอยู่ดี "พูดก็พูดเถอะ ทำไมเฮียต้องหวงหมีตัวนี้ด้วยครับ จะว่าของลูกก็ไม่ใช่ ของแฟนยิ่งแล้วใหญ่ แล้วเฮียซื้อหมีไปให้ใคร...ระ หรือว่า! เฮียแอบไปไข่ทิ้งไว้แล้วไม่บอกใคร ไม่ดูดำดูดีแม่ของลูก ทำไมเป็นคนแบบนี้นะเฮีย โธ่..." ธชาถามเสียงลั่นพลางตบโต๊ะ เป็นอีกครั้งที่ถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ จากแขกที่กำลังนั่งทานอาหารในห้องอาหารของโรงแรม เอาเถอะ เขาชินกับความอับอายขายหน้าเสียแล้ว หรัณย์คิดขณะเหลียวมองไปรอบกาย ส่งยิ้มให้ฝรั่งสวยเซ็กซี่ที่สบตากันพอดี "นายนี่ถนัดทำเรื่องขายขี้หน้าให้ฉันดีจริงๆ เมื่อกี้ก็ยายรินคนนึงล่ะ ทุกวันนี้ไปไหนด้วยทีไรมีแต่เรื่องขายหน้าทุกครั้ง ไปที่ไหนอับอายที่นั่น อับอายยันเงาเสียด้วยสิ" ธชาหาแนวร่วม เขาจึงหันไปทางธาริน "น้องรินคิดเหมือนพี่มั้ย นาวิกโยธินแปะหน้าผากด้วยป้ายนักรบซีล บุคลิกโหดดิบเถื่อน ตัวสูงๆ ใหญ่ๆ หน้าตาก็หล่อแต่น้อยกว่าพี่นิดนึง แต่เขาไม่ได้ถือปืนครับ เขากลับหนีบตุ๊กตาหมีเดินเพ่นพ่านไปมา ตุ๊กตาหมีสีขาวเป็นปุย น่ารักฟรุ้งฟริ้งซึ่งมันไม่เข้ากับเฮียเลยสักนิด" "ก็เหมือนกับที่นายพกครีมบำรุงผิวไปไหนมาไหนนั่นแหละ" "แต่ผมก็ยังชอบผู้หญิงอยู่นะ มันก็ไม่เกี่ยวกับตุ๊กตาของเฮีย นะครับ" "ฉันก็ยังไม่ได้ว่าอะไรนี่นะ ฉันพูดตรงไหนว่านายชอบผู้ชาย" "แต่รินว่าพี่หมอก็เหมือนอยู่นะคะ" "อ้าว ทำไมเปลี่ยนสีเป็นจิ้งจกเลยล่ะครับน้องริน" "ยายรินน่ะเหรอ คบไม่ได้สุดๆ แล้วล่ะ เข้าแก๊งค์ไหนหัวหน้าตายหมด" "เฮีย ไม่ต้องเลย หยุดพูดแล้วกินซะ" ธารินแผดเสียงแทรกขึ้นพร้อมๆ กับเลื่อนจานเปล่าไปตรงหน้าหรัณย์ บอกเป็นนัยๆ ว่าไม่อยากทานกับเปล่าๆ ก็ตักข้าวเอง "เฮีย อย่ายั่วมากครับ เดี๋ยวจะเดือดร้อนต้องไปแก้ตัวกับคุณแม่ เพราะนางกุมความลับของเราสองคนไว้เยอะนะเฮีย" "กินเข้าไปเลยค่ะ เดี๋ยวก็ฟ้องจริงๆ เสียนี่ เรื่องของเฮียสองคนร่ายสามปีก็ไม่หมดหรอก เพราะฉะนั้นอย่ามาทำซ่ากับน้องริน" "ครับแม่คุณ กลัวแล้วคร้าบบบบ" สองหนุ่มพากันหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเริ่มต้นมื้ออาหารในช่วงบ่าย โอกาสมีไม่บ่อยครั้งนักกับการที่จะได้มานั่งทานด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง ด้วยภาระหน้าที่การงานทำให้ช่วงเวลาต้องคลาดเคลื่อนกันอยู่เสมอๆ "ถ้าจะมาเพื่อสาธยายถึงความดีที่คุณมี รักคิดว่ามันควรพอได้แล้วค่ะ เราควรแยกกันสักพักเพื่อไปทบทวนหัวใจว่าจะเอายังไงดี" มาลารินโพล่งออกมาภายหลังจากนิ่งฟังอีกฝ่ายพูดแก้ตัวมานาน ถ้อยคำตัดเยื่อใยของเธอทำเอาคนฟังถอนหายใจ "จะให้พูดอีกกี่ครั้งกันว่าผมขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น ก็แค่อยากให้คุณฟังกันบ้าง ให้อภัยผมเถอะนะที่รัก...ผมรู้ว่าผมทำผิด ผมทำเลวจนไม่น่าให้อภัย...เรื่องนั้นผมรู้ดี" มาลารินชักมือออกจากการถูกกอบกุม เหม่อมองไปยังแปลงดอกไม้เบื้องหน้าด้วยแววตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึก...โลกของเธอยังคงดูหม่นหมองเพราะดอกไม้สวยๆ ยังทำให้เธอรู้สึกดีไม่ได้เลย "นี่เราจะกลับมาเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้วใช่มั้ยที่รัก" "ตั้งใจทำผิด กับผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ ฟังดูเหมือนจะคล้ายกัน แต่ในแง่ความรู้สึกมันต่างกันลิบลับค่ะฮัน" "แต่ผมไม่ได้ตั้งใจ จริงๆ...พูดไปก็เหมือนแก้ตัวนั่นแหละ ไม่มีใครอยากให้ลงเอยแบบนี้" "คุณจะบอกว่ามันคือความบังเอิญเหรอคะฮัน บังเอิญเพราะความหวั่นไหวหรืออะไรก็แล้วแต่ มันไม่ควรจะมีครั้งที่สองสามสี่ห้าตามมาใช่มั้ย..." หญิงสาวเว้นช่วงเพื่อกลืนก้อนน้ำตาลงไป เพียงเพราะภาพนั้นยังคงติดตา "จริงๆ มันไม่น่าเกิดความสนิทสนมระหว่างเจ้านายกับลูกน้องด้วยซ้ำ" "ก็หวานเขาไม่มีใคร ทำงานเลี้ยงแม่อยู่คนเดียว น้องชายเธอก็พึ่งไม่ได้ เธอชอบนำปัญหาที่บ้านมาเล่าให้ฟังแล้วก็ปรึกษาผมบ่อยๆ เราก็เลยสนิทกัน สาบานได้ว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอจริงๆ ผมแค่สงสารเธอ...เพราะเธอไม่มีใคร..." เหตุผลของคนเคยรักกระแทกใจคนฟังจนเจ็บจุก มันเจ็บจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก วินาทีนี้ฟางเส้นสุดท้ายของมาลารินจึงขาดผึงทันที หญิงสาวหันขวับไปจับจ้องหน้าคนพูดแล้วแผดเสียงลั่นอย่างไม่สนว่าใครจะมอง แม้จะเป็นสวนสาธารณะก็ตาม "แล้วรักละคะ คุณไม่สงสารรักเลยเหรอคะถึงทำลงไปแบบนี้ คุณบอกสงสารเธอแต่ยอมที่จะให้ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงนี้คือคนที่ต้องแบกรับความเจ็บช้ำ...ความสงสารของคุณมันย้อนมาฆ่ารัก ผู้หญิงคนนั้นใช้มันเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ" "ที่รัก..." "คุณเห็นใจคนอื่น สงสารคนอื่นจนลืมนึกถึงคนข้างกาย ทำไมคะ...รักมันไม่น่าสงสารเหรอคะ คุณถึงยอมให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาทำลายความรักของเรา คนสารเลว จะไปไหนก็ไป รักไม่ต้องการคุณอีกต่อไปแล้ว!" "แล้วงานแต่งเราล่ะครับ คุณจะปล่อยให้มันพังไปเลยใช่มั้ย" "มันจะไม่เกิดขึ้น รักจะไม่นอนกอดแผ่นกระดาษไร้ค่าในขณะที่สามีตัวเองไปกอดใครอีกคนหรอกค่ะ...กลับไปเถอะฮัน ไปดูแลผู้หญิงคนนั้นให้สมกับที่คุณสงสารเธอ" "เราคุยกันแล้ว นับตั้งแต่วันนี้หวานเขาจะไม่มาก้าวก่ายและวุ่นวายกับเราสองคน ผมรักคุณนะได้โปรดเปิดใจคุยกันอีกครั้งได้มั้ย" คำรักจากลมปากคนไม่ซื่อสัตย์ วันนี้มันไม่ซาบซึ้งอีกต่อไป มาลารินกระตุกยิ้มหยันที่เห็นว่าเขากล้าพูดมันออกมา "หึๆ รักเหรอ..." "นะครับ...ที่รัก" "ไม่มาวุ่นวาย แต่ขอแค่แบ่งพื้นที่เล็กๆ ของเราสองคนใช่มั้ยคะ คุณกำลังจะบอกรักว่า เธอคนนั้นจะอยู่แบบสงบเสงี่ยมเจียมตัว อยู่กันแบบสามคนผัวเมียแบบนี้น่ะเหรอคะฮัน" "ผม....." "จริงๆ คุณก็เลิกกับเธอไม่ได้" "แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง ตอนนี้หวานเขาก็ไม่มีใคร เขามีแม่ที่ต้องดูแลแล้วก็ตัวคนเดียว ผมทิ้งเธอไม่ได้เห็นใจกันหน่อยสิที่รัก" คนฟังกระตุกยิ้มเยาะ กับมุกอ้างแม่ที่ใช้ละลายใจผู้ชายมีเจ้าของ มันยังคงคลาสสิคเสมอ "ทำยังไงน่ะเหรอคะ...ดูปากรักนะ...ไป-ตาย-ซะ…จะได้พ้นเวรพ้นกรรมไงคะ" มาลารินลุกพรวดขึ้นด้วยอารมณ์ที่มีทั้งความกรุ่นโกรธและเสียใจเจ็บใจในคราเดียวกัน แม้อีกฝ่ายจะพยายามเหนี่ยวรั้งเอาไว้ด้วยสองมือ ยื้อยุดเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอได้เดินจากไป...แต่มันก็ไม่มีผลที่จะทำให้เธอนั้นเดินกลับไปจมกับความเจ็บช้ำอีกแน่นอน ยามที่เดินจากมาน้ำตาค่อยๆ ไหลรินอย่างไม่อาจฝืน ภายใต้ท่าทีเข้มแข็งภาคิมไม่รู้หรอกว่ามันทำยากแค่ไหน ข้างในเธอกำลังเจ็บปวดรวดร้าวจากทั้งคำพูดและการกระทำ...คำพูดของเขานั้นไม่ต่างไปจากการใช้เท้าบดขยี้ลงบนใจที่บอบช้ำจนเจ็บระบมมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งรักทั้งเกลียด เมื่อสองสิ่งมาอยู่ด้วยกันมันจึงนำพาความทรมานมาสู่ผู้เผชิญ มาลารินรู้ซึ้งด้วยตัวเองแล้วว่าการจะตัดใครสักคนออกไปจากใจนั้นไม่ง่ายเลย 'คุณสงสารผู้หญิงคนอื่นมากกว่าคนข้างกาย นั่นแหละคือสิ่งที่รักเจ็บปวดที่สุดฮัน...’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD