Chapter 2
อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน
"อะไรนะ! ไหนบอกว่าแค่คืนเดียวไงน้องริน"
หรัณย์แทบเอาหัวโขลกพื้น เขาไม่คิดว่าการที่รีบขับรถมาโรงแรมในตอนบ่ายเพื่อกลับมาเอาของที่ลืมไว้ ธารินจะบอกเขาว่าแขกที่มายึดห้องของตนนั้นขอเช็คอินต่ออีกสองคืน
"แหมเฮีย อย่างน้อยเราก็ได้เงินนะคะ เขาไม่ได้มาขอนอนฟรีเสียหน่อย ค่าเช่าห้องเฮียก็ไม่ใช่ถูกๆ แขกอยู่นานเราก็ยิ่งได้มากนะเฮีย"
"แต่พี่ลืมของไว้ในนั้น จะต้องไปเอามาเดี๋ยวนี้"
"ถ้าไม่สำคัญรอแขกเช็คเอ้าท์ก่อนก็ได้"
"ไม่ได้ ต้องเอามาเดี๋ยวนี้"
"มันคืออะไรเหรอคะ สำคัญขนาดรอไม่ได้เลยเหรอ แขกคงไม่ขโมยของเฮียไปหรอกมั้ง"
"ตุ๊กตาหมี"
คนฟังน้ำแทบพุ่งออกจากปาก เมื่อพี่ชายตนเอ่ยออกมาหน้าตาเฉย เธอก็นึกว่าเป็นของมีค่ามีราคาที่แท้มันคือตุ๊กตา ธารินหัวเราะจนท้องแข็งที่ได้รู้คนตรงหน้ากลับมาเอาอะไร
"นี่...เฮีย มาเพื่อตุ๊กตาหมีเนี่ยนะ"
"หยุดขำไปเลยเราน่ะ ไม่รู้ล่ะ โทรบอกแขกให้ทีว่าพี่จะขึ้นไป
เอาหมีตอนนี้"
"เพิ่งรู้นะคะว่าเล่นตุ๊กตากับเขาด้วย เอ่ เอ๊...แต่...ช้า...แต่..."
ธารินล้อเลียนสนุกสนาน จนคนถูกล้อต้องตีหน้าขรึมกลั้นหัวเราะเพราะเดี๋ยวหมดความน่าเกรงขาม เพราะจริงๆ เขาก็ตลกตัวเองไม่ใช่น้อย กับหน้าที่เป็นองรักษ์พิทักษ์หมีแสนน่ารัก มันไม่เข้ากับบุคลิกที่ออกจะดิบเถื่อนอย่างเขาเลยสักนิด
"ตลกอะไรนักหนาฮึ ยายบ๊อง"
"โธ่...ยายรินเอ๊ย มีพี่ชายกับเขาทั้งทีแต่ก็กลายพันธุ์กันหมดล่ะ พี่หมอก็อีกคนสำอางค์เกินเหตุ...เฮ้อ..."
หรัณย์หรี่ตามองปล่อยให้อีกฝ่ายพูดไปคนเดียว เขาขี้เกียจอธิบายว่าเหตุใดตุ๊กตาหมีจึงมีความสำคัญถึงขั้นคอขาดบาดตายเลยทีเดียว
"ระ หรือว่า! เฮียสองคน...แอบกินกันเอง!"
"จะบ้าเหรอ!" หรัณย์สวนทันควัน สอดส่ายสายตามองไปโดยรอบด้วยท่าทีหลุกหลิก "เบาๆ หน่อย พี่อายคนเห็นมั้ยแขกมองเป็นตาเดียวเลย"
พูดพลางปรายตามองไปยังบริเวณโซนรับรองหน้าล้อบบี้ ที่แขกต่างมองมาเพราะเสียงของธารินเพียงคนเดียว
"ขอโทษค่า ก็คนมันตกใจนี่นะ"
คนก่อเหตุรีบเข้าไปกอดพี่ชายตัวราวแมวน้อยขี้อ้อน มาพร้อมรอยยิ้มเจื่อนเมื่อสบกับแววตาคมกล้าที่มองรออยู่ก่อนแล้ว
"ไม่คิดว่าพี่จะอายบ้างเล้ย"
"ไปค่ะ รินจะพาไปเอาตุ๊กตาหมีคืน ก่อนจะหายไปแล้วมีคนลงไปดิ้นกับพื้น"
สองมือคล้องไปที่ท่อนแขนกำยำเพื่อตัดบท ออกแรงลากพี่ชายตนให้ตามไปที่ลิฟท์ มีจุดหมายอยู่ที่ชั้นสามสิบเก้า ห้องซีวิวที่อยู่สูงสุดของโรงแรมถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ทางโรงแรมจะปิดไม่ให้แขกเช็คอิน เพราะมันคือห้องที่หรัณย์ยึดเอามาไว้เป็นของตน
"ฮัน คนสารเลว คุณทำแบบนี้กับรักได้ยังไง เราจะแต่งงานกันอยู่แล้วนะ คุณทำลงได้ยังไง"
เสียงรำพึงรำพันยังคงดังออกมาไม่หยุด ภาพติดตายังคงตามมาหลอกหลอน...ภาพระเริงรักที่ไม่ต้องพูดอะไรก็อธิบายได้อย่างชัดเจน...มาลารินยังคงฝังร่างอยู่บนเตียงโดยไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เช้า...ชีวิตยามนี้กำลังมึนงงไม่รู้จะทำอะไรต่อไป เมื่อเช้าเธอจึงตัดสินใจโทร.ไปแจ้งพนักงานว่าขอนอนต่ออีกสักสองคืน
แววตาแดงก่ำจากการร้องไห้มาทั้งคืนเหม่อมองไปยังท้องทะเลจ้าแดดอย่างไร้จุดหมาย เห็นเรือลอยคว้างอยู่กลางทะเลไกลลิบ อดเอามาเปรียบกับชีวิตตัวไม่ได้ว่ายามนี้เธอก็ไม่ต่างไปจากเรือน้อยที่ถูกคลื่นซัด มันเซซวนรวนเรแล้วก็หลงทางจนหาวิธีกลับฝั่งไม่เจอ
"แกเห็นใจฉันไหม เจ้าหมี หน้าแกดูเศร้าแบบนี้เพราะสงสารฉันใช่ไหม...ตอบมาสิเจ้าหมีน้อย"
มือเล็กคว้าตุ๊กตาหมีตัวน้อยขนาดเดียวกับที่อยู่ในตู้หยอด
เหรียญแล้วพลิกกายนอนหงาย ชูขึ้นไปบนอากาศแล้วสบตาดำกลมโตทำราวกับมันมีชีวิตจิตใจ
"ฉันบกพร่องตรงไหนเหรอ ฮันถึงนอกใจมีคนอื่น มองหน้าฉันแล้วบอกสิว่าฉันบกพร่องอะไร ฉันต้องทำตัวยังไงถึงจะถูกใจเขา"
"....."
"คุยกับฉันสิ...อย่าเงียบ ยิ้มกับฉันก็ยังดี..."
ยิ่งมองหน้าตุ๊กตาความเสียใจยิ่งเอ่อท้น เธอมโนว่ามันมีชีวิตแล้วสบตากลับมาคล้ายปลอบใจ รอยยิ้มอ่อนเพราะการตัดเย็บทำให้รู้สึกว่ามันคือเพื่อนแท้หนึ่งเดียวในยามนี้
"หมีจ๋า ฉันเจ็บเหลือเกิน" มาลารินรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบ้าสติสตังขาดหาย ที่จู่ๆ ก็นอนกอดตุ๊กตาแล้วหลั่งน้ำตาออกมาเป็นวรรคเป็นเวร
'ใคร!’
เสียงเคาะประตูห้องดึงสติให้กลับคืนมา มาลารินเงี่ยหูฟังก็พบว่ามันดังอยู่หน้าห้องตน เสียงเคาะที่ดังขึ้นอีกครั้งทำให้หญิงสาวพาร่างในสภาพใกล้ตายลงจากเตียงแล้วเดินไปส่องตาแมว ในมือถือตุ๊กตาหมีที่ทึกทักไปแล้วว่ามันคือเพื่อนยากของตน
เมื่อเห็นว่าเป็นหญิงสาวที่ต้อนรับขับสู้ตนเมื่อคืน เธอจึงค่อยๆ แง้มบานประตูออก ก่อนหน้านั้นไม่ลืมปาดน้ำตาทิ้งและสางผมที่ยุ่งเหยิงด้วยนิ้วมือเพื่อไม่ให้ดูตลกในสายตาคนแปลกหน้า แต่ก็ยังทำให้คนที่มากับธารินถึงกับผงะตกใจในสภาพดูไม่จืดอยู่ดี
'หนะ แน่ใจนะว่าคนสติดี’
หรัณย์คิดในใจพลางสบตาน้องสาว ที่เจ้าหล่อนส่งยิ้มแหยๆ กลับมาพอดี
"สะ สวัสดีค่ะ"
มาลารินแค่นยิ้ม สายตาบังเอิญมองเลยไปยังคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเจ้าของโรงแรม...ให้ตายสิขี้เก๊กชะมัด คิดว่าหล่อนักรึไง นั่นคือความคิดแวบแรกที่มีให้กับชายแปลกหน้าที่ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
"รินต้องขออภัยคุณด้วยนะคะ พอดีคุณพี่คนนี้เขาเช็คอินก่อนหน้าคุณแล้วลืมของไว้ค่ะ จะขออนุญาตมาเก็บคืน ไม่รู้ว่ามันยังอยู่หรือแม่บ้านเก็บทิ้งไปแล้ว"
มาลารินเอียงหน้าคล้ายกำลังนึกว่ามีอะไรที่ดูแปลกปลอม เป็นจังหวะเดียวกับที่สายตาอันซอกแซกของหรัณย์ส่องประกายมาสบเข้ากับตุ๊กตาหมีในมือของเธอเข้าพอดี
'นั่นมันหมีเรา...ยายเสียมารยาทเอ๊ย กล้าดียังไงมาหยิบจับของชาวบ้านเล่นน่ะ’
หรัณย์แทบอยากจะพุ่งเข้าไปกระชากหมีในมืออีกฝ่ายมาเสียตอนนี้ เขากำลังทำตัวเหมือนเด็กที่หวงของเล่นแล้วอยากต่อยหน้าคนที่แย่งของตนไป
"ของอะไรคะ ฉันไม่เห็นมีนี่นะ"
'ก็ในมือเธอนั่นไงยัยป้า ถืออยู่แท้ๆ’
"ตุ๊กตาใช่มั้ยคะ"
ธารินหันไปถามพี่ชายที่เธอขอร้องให้เล่นบทบาทแขกของโรงแรม ก่อนน้ำเสียงจริงจังจะเอ่ยข้ามหัวเธอไป "ในมือคุณน่ะ หมีของผม...ผมต้องการตุ๊กตาหมีคืน กรุณาส่งมาด้วยครับ"
"หมี...คุณ"
มาราลินมองหน้าเจ้าของหมีสลับกับหมีในมือ อารมณ์เสียใจเหมือนจะหายไปชั่วคราวเมื่อจู่ๆ ก็เกือบหลุดขำออกมา
"มันน่าขำตรงไหนคุณ"
มาแย่งห้องเขาไม่พอยังหยิบหมีเขามาเล่นอีก แค่นั้นไม่พอยังจะแอบขันที่เขามาทวงหมี ผู้หญิงอะไรไร้มารยาทสิ้นดี นั่นคือสิ่งที่หรัณย์คิดแต่ไม่ได้พูดออกมา
"เอามาสิครับ"
ชายหนุ่มยื่นมือไปดึงตุ๊กตามาจากมือเล็ก ที่ทำท่าจะไม่คืนมาให้เขา ท่ามกลางสีหน้าที่คล้ายจะหวงหมีของเจ้าตัว มาพร้อมแววตาสั่นระริกราวเด็กถูกช่วงชิงของเล่นไปหน้าตาเฉย
"มันเป็นเพื่อนคุยของฉัน ขอฉันเถอะนะ ได้โปรด"
"อะไรของคุณ ก็นี่มันของๆผม คุณอยากเล่นตุ๊กตาก็ไปซื้อมาใหม่สิครับ"
"คนอะไรหวงแม้กระทั่งตุ๊กตาตัวเล็กๆ ไปซื้อใหม่ไม่ได้รึไง"
"อ้าว ทำไมพูดแบบนี้ครับ ไม่คิดบ้างเหรอว่ามันจะมีค่าสำหรับผมมากแค่ไหน ถ้ามันไม่สำคัญผมจะย้อนมาเอาทำไม คิดสิคิด นี่ผมถามจริง สติดีหรือเปล่าเนี่ย"
หรัณย์รัวออกมาเป็นชุด ไม่วายหันไปตำหนิน้องสาวตน
"รับใครมานอนนี่ดูบ้างหรือเปล่า ท่าทีผู้หญิงคนนี้ไม่น่าไว้ใจเลยนะ ถ้าเกิดคลุ้มคลั่งคว้ามีดไล่แทงแขกของเราจะทำยังไง"
"แล้วคุณมายุ่งอะไรกับเจ้าของโรงแรมเขาน่ะว่าจะรับใครไม่รับ ฉันไม่ได้บ้า สติดีพอที่จะรู้ว่าใครกำลังยืนด่าฉันปาวๆ ด้วย"
“ผมไม่ได้ด่า แค่บอกว่าท่าทีคุณดูหลุกหลิกดุกดิกไม่น่าไว้ใจ มีคำไหนที่ด่าครับ"
"ผู้ชายสารเลว!"
เผียะ!
หรัณย์ยืนงงกับที่อีกฝ่ายฟาดมือมาที่ซีกหน้าตนอย่างไร้เหตุผล เมื่อคิดได้ว่าต้องโกรธแววตาคมกล้าตวัดมองคนที่กล้าตบเขาทันควัน “ตบผมทำไม"
"สารเลวเหมือนกันหมดนั่นแหละ ฉันเกลียดผู้ชายทั้งโลกได้ยินมั้ย...ฉันเกลียด ฮือๆ"
"ยายบ้าเอ๊ย!"
"ฉันไม่ได้บ้านะ นายสิบ้ามายืนด่าผู้หญิงน่ะ"
"ว่างๆ ก็ไปตรวจสมองบ้างนะ นี่ผมแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายได้เลยนะเนี่ย"
"เอ่อ…ปะ…ไปจากตรงนี้เถอะค่ะ แยกย้ายนะคะ ได้ตุ๊กตาแล้วก็ไปสิคะ" ธารินเห็นท่าไม่ดีรีบดันหลังคนที่อารมณ์กำลังเดือดปุดให้แยกออกไป
"ผู้ชายก็เหมือนกันหมด พวกไม่รู้จักพอเอาไม่เลือก ฉันขอแช่งให้เป็นเอดส์ตายให้หมด บ้าเอ๊ย!"
มาลารินตะโกนไล่หลังคนที่ฟึดฟัดหัวเสียจากไป ธารินหัน
มาล่ำลาเป็นมารยาทก่อนกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามพี่ชายตนไป ได้ยินเสียงบ่นเป็นหมีกินผึ้งแว่วมาจากหน้าลิฟท์เป็นชุด
"ซวยจริงๆ ไอ้กาย อยู่ดีๆ ก็โดนมนุษย์ป้าตบ นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้หญิงจะสวนให้ร่วง บ้าที่สุด!"
"ฉันมันน่ารังเกียจนักใช่มั้ย ใช่สิฉันมันน่าเบื่อเขาถึงไปมีคนอื่น ฮือๆ"
หรัณย์คงไม่รู้ว่าทุกคำพูดของตนดั่งคมมีดแทงซ้ำลงบนใจคนที่กำลังอ่อนไหว ความอ่อนแอของใจทำให้เจ้าตัวกำลังพาล ไม่ต่างไปจากคนเสียสติในสายตาคนปกติ ใครพูดอะไรก็ดูเหมือนจะเป็นร้ายไปเสียหมด...เมื่ออยู่เพียงลำพัง หญิงสาวก็ปิดประตูขังตัวเอง ทรุดกายลงกับพื้นแล้วนั่งพิงบานประตูปล่อยใจและกายดำดิ่งสู่ความเศร้าเคล้าน้ำตาอีกครั้ง...
เธอบอกตัวเองว่าจะขอร้องไห้อีกสักสามวัน ร้องเสียจนพอใจจนกว่าน้ำตาไม่มีจะไหล เมื่อหัวใจแข็งแรงพอเธอจะลุกขึ้นมาใหม่ ก้าวเดินไปข้างหน้าโดยไร้คนข้างกายที่ชื่อภาคิม