Chapter 3
ให้ผมช่วยไหม
"บาร์โฮส?"
"ใช่ แกเคยได้ยินมั้ย"
"มันคืออะไร ฉันไม่รู้จัก"
มาลารินนั่งกอดเข่า เหม่อมองไปยังผนังสีขาวโพลน สลับกับดอกไม้หลากพันธ์หลายสีแข่งกันเด่น ในหัวของเธอมีแต่คำถามว่าสถานที่ที่เพื่อนแนะนำนั้นมันเป็นเช่นไร...เหตุใดเพื่อนจึงบอกว่า มันคือที่พึ่งทางใจของคนใจสลายเช่นเธอ
แค่ไปหาเพื่อนคุย ในนั้นจะมีหนุ่มหล่อลากกล้ามแน่นๆ ให้สาวแก่แม่ม่ายขี้เหงาเข้าไปชี้นิ้วเลือกตามแต่จะถูกใจใคร...ไม่มีอะไรเกินเลยในบาร์โฮส นอกจากความสุขในโลกฝันเพื่อข้ามผ่านคืนวันอันเปลี่ยวเหงา..เพื่อนของเธอบอกเช่นนั้น...ไม่มีอะไรเกินเลย
“แกอยากจะระบายความอัดอั้นอะไร ทุกข์มาจากไหน พวกเขาจะช่วยให้แกลืมความเจ็บปวดทั้งหมดเชื่อฉันสิ...จริงๆ มันก็คือการเดินเข้าไปผ่อนคลายสมองอย่างหนึ่ง ได้คุยกับผู้ชายหล่อๆ แสนสุภาพบุรุษ ดูแลและเทคแคร์เราประดุจเจ้าหญิง แกจะสุขจนตัวลอยจนลืมผู้ชายสับปะรังเคพรรค์นั้น...ความสุขจากการเป็นฝ่ายชี้นิ้วเลือก ไม่ใช่ผู้ถูกเลือก"
"แล้วจะไม่มีใครมองว่าเราเป็นผู้หญิงแรงๆ เหรอนังบ้า เดิน
เข้าไปออฟผู้ชายเนี่ยนะ แกไม่ใช่ผู้หญิงก็พูดได้นี่"
พูดพลางเสยผมอย่างคนหมดหวังกับชีวิต ทำหน้าเศร้านั่งกอดเข่าต่อ จนอติเทพต้องยืนท้าวเอวมองแล้วส่ายหัวออกมา
"งั้นก็หยุดนั่งเศร้าตีโพยตีพายว่าทำไมเขาต้องนอกใจได้แล้ว ในเมื่อบอกเลิกเขาเองแล้วจะมานั่งเสียใจทำไม"
"ก็ฉัน..."
"ก็อะไร"
"ก็...ฉันเสียใจ ที่ฮันเขาเงียบหายไปตั้งแต่วันนั้น ไม่ง้อฉันอีกเลยนะแก"
"มันก็บอกอย่างชัดเจนแล้ว...สะบัดตูดหนีเถอะคนแบบนี้ ผู้ชายยังมีอีกเยอะลองหาดู"
"ผู้ชายดีๆ มักมีแต่ในนิยาย หรือไม่ก็กลายพันธ์แบบแกหมด ฉันเข็ดแล้ว"
"นังบ้า มาแขวะเพื่อนตัวเองอีก"
มาลารินสะดุ้ง เมื่อเพื่อนด่าพร้อมกุหลาบสีชมพูสดปลิวว่อนมาร่วงแหมะที่หัวเข่าตน หญิงสาวหยิบขึ้นมาสูดดมแล้วทำตาหวานใสเพื่อนสุดพลัง
“แกเลิกเป็นตุ๊ดเถอะนะ มาคบกับฉันแทน มาเป็นแฟนฉันทีนะเพื่อน...นะเพื่อนรัก ฉันจะควงแกไปฉีกหน้าฮัน ให้เขาต้องอกแตกตาย"
"เออ ให้มันจริงเถอะ ป่านนี้นังน้ำหวานแมวขโมยนั่งคร่อมแฟนแกหัวเราะลั่นห้องไปแล้วมั้ง"
"พอเถอะ ฉันเศร้าอีกแล้ว"
ยังไม่ทันขาดคำ หยาดน้ำตาก็ร่วงพรู มาลารินเกลียดตัวเองที่สลัดคนใจร้ายออกไปจากใจไม่ได้เสียที
“ถ้ายังจมปลักอยู่แบบนี้มันก็จะไม่มีอะไรดีขึ้น มันมาเจ็บกับแกมั้ย มันสนใจความรู้สึกแกมั้ยถามหน่อย...มีแต่แกที่เอาแต่ฟูมฟาย ดูสารร่างสิ แม้แต่หมายังไม่มองเลย"
"ฉันเบื่อ อยากตาย"
"เออ ตายไปเลย คนโง่จะได้หมดไปอีกหนึ่งคน"
"เลิกด่าได้แล้ว จะให้ฉันทำไงล่ะ คนมันกำลังเสียใจจะให้นั่งหัวเราะเหรอ"
"ฉันแค่อยากให้แกลุกขึ้นอย่างเข้มแข็ง รักตัวเองให้มากๆ แต่งตัวสวยๆ แล้วออกไปจากโลกสีเทาซะ โลกใบนี้ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกมาก...ป่ะ ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว ฉันจะพาแกไปไล่จับผู้ชาย"
"นังบ้าเอ๊ย ในหัวมีแต่ผู้ชาย" พูดพลางลุกขึ้นแล้วทิ้งหมอนไปบนโซฟา เดินไปหลังร้านโดยมีเพื่อนดันหลังมาติดๆ ให้เข้าไปในห้องที่เปรียบเป็นที่นอนชั่วคราว โดยมาลารินมักมาอาศัยนอนเป็นประจำ
"ตุ๊กตาหมี อุอุ จะให้เราไปชิงตุ๊กตาหมีมาจากผู้กองหรัณย์ พูดเล่นใช่มั้ยครับ"
ฟุ่บ!
เสียงพูดกลั้วหัวเราะต้องหยุดลง เมื่อแผ่นกระดาษเป็นปึกๆ
ปลิวว่อนมากระแทกหน้า จนตกกระจายเกลื่อนพื้น
แดเนียลขบเขี้ยวเนี้ยวฟัน เขาถึงกับยกมือขึ้นเสยผมแล้วเดินพล่านไปมา กับการไม่ชอบที่ทีมงานไร้สมองสิ้นดี
"ผมไม่ชอบทำงานกับคนโง่...โง่ที่แม้กระทั่งเรื่องง่ายๆ ก็ยังคิดไม่ได้"
"อยู่ดีๆ ก็มีตุ๊กตาหมีมาเกี่ยวข้อง ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร"
"อดีตนาวิกโยธินที่ผันตัวไปอยู่หน่วยซีล พ่อเป็นอดีตทหารสายลับ คุณคิดว่าตุ๊กตาหมีที่เขาถืออยู่ในมือมันธรรมดาหรือไง"
ภาพซูมระยะใกล้ให้เห็นตุ๊กตาหมีธรรมดาในมือหรัณย์ ถูกเปิดให้ทุกคนในที่ประชุมได้ดู...แน่นอน มันถูกถ่ายมาจากวันที่เขากระหืดกระหอบไปแย่งมาจากมือมาลาริน
"แล้วทำไมถึงเจาะจงมาที่ผู้กองหรัณย์"
"สายของเราได้กลิ่นแปลกๆ คุณพ่อของผู้กองน่าจะรู้อะไรที่หลายคนอาจไม่รู้...โดยเฉพาะ...ของที่หายไป...ที่พวกเรากำลังตามหาว่ามันตกไปอยู่ในมือใคร"
"ล่าตุ๊กตากลับมาให้ได้ก่อน คุณจะบอกพวกเราแบบนี้สินะ"
"ใช่ ต่อให้มีคนตาย มันก็ไม่เท่ากับเราไม่ได้ของคืนมา"
"คิดถึงผู้กองจัง นอนไม่หลับทำไงดี"
'บ้าจริง! อะไรของเธอน่ะหวาน’
หรัณย์ถึงกับดีดผึงลุกนั่งจนแทบกระโดดออกจากอ่าง หลังจากกดอ่านข้อความกลางดึกสงัด มันมาพร้อมรูปถ่ายของเจ้าตัวในสภาพล่อแหลมที่เหลือเพียงชุดชั้นในอวดร่องอก...เขาไม่ใช่เด็กที่จะไม่รู้ว่าเธอจงใจ...เธอจงใจใช้ความเซ็กซี่ผ่านภาพถ่ายละลายใจให้หลงเดินไปในเกมของเธอ
"เครียดจังเลยค่ะ...T T"
"....."
ยังไม่ทันที่จะโต้ตอบอะไร ข้อความก็เด้งขึ้นมาอีกครั้ง "อ่านแต่ไม่ตอบ สงสัยอยู่กับเมีย"
หรัณย์กระตุกยิ้มเมื่อเขานึกอะไรขึ้นมาได้ ชายหนุ่มพิมพ์บางอย่างลงไปแล้วกดส่งโดยไม่ลังเล "รู้ก็ดี ฉันนี่แหละเมียเขา อย่าส่งอะไรแบบนี้มาอีกนะ มันดูไม่แพงเลยจ้ะ"
ได้ผล เหมือนทางโน้นจะตกใจที่ถูกสวนกลับไปแบบนั้น เขาไม่รู้ว่าเธอเชื่อหรือไม่ แต่ก็ทำให้หยุดรบกวนเขาไปในทันที
'คิดจะเล่นกับฉันเธอต้องไปฝึกสกิลมาใหม่นะหวาน มีแต่ผู้ชายหน้าโง่เท่านั้นแหละที่หลงกลเธอ'
หรัณย์เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าเช็ดตัวพันกายอย่างลวกๆ ชายหนุ่มเดินไปที่มุมแต่งตัวพร้อมสลัดผ้าออกไปจากกายอย่างไม่ใยดี เงาสะท้อนในกระจกบานใหญ่แลเห็นร่างกายกำยำเปลือยเปล่าท้าทายสายตา...เจ้าตัวเผยยิ้มพึงใจที่ยังคงรักษามาตรฐานเอาไว้...มาตรฐานที่ว่าสาวๆ มักชอบผู้ชายหุ่นดีมีซิกแพค ดูแข็งแรงและพร้อมจะปกป้องพวกเธอเหล่านั้นได้
ร่างหนักทิ้งกายลงบนที่นอนนุ่มหยุ่นหลังจากแต่งตัวเสร็จ
เพียงหัวแตะหมอนเขาก็แทบดำดิ่งสู่ห้วงฝัน...ไม่วายเหลือบมองไปอีกครั้ง มองไปยังหมีเพื่อนรักที่ส่งยิ้มราตรีสวัสดิ์ส่งเขาเข้านอน ชายหนุ่มส่งจูบให้มันแล้วพลิกกายนอนคว่ำซุกหน้ากับหมอน พลางนึกถึงภารกิจในวันพรุ่งก่อนหลับฝัน...เขาต้องไปที่นั่น...บาร์โฮสที่ซ่อนเร้นอยู่กลางเมืองพัทยา...
"คุณพ่อคะ"
เป็นครั้งที่เท่าไหร่เธอนั้นไม่ได้นับ รู้เพียงแต่ว่าตั้งแต่มายืนเรียกบิดาที่ห้องทำงานท่านก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอโน๊ตบุ๊ค ไม่ยอมสบตากับลูกสาวเลยสักครั้ง ครั้งสุดท้ายที่ทานข้าวด้วยกันเธอจำแทบไม่ได้...แต่มันก็นานจนชาชิน
มาลารินผ่อนลมหายใจอย่างกลัดกลุ้ม ก่อนลองเรียกอีกครั้ง "คุณพ่อคะ"
"หืม..." ได้ผล และเหมือนจะรู้ว่าอีกฝ่ายมายืนนานแล้วแต่ไม่สนใจ มาลารินก้มหน้างุด เพราะบิดาไม่เงยหน้ามองมาสักที...เธอมีความสำคัญน้อยกว่าตัวเลขในบัญชีที่วิ่งขึ้นลง นั่นคือเรื่องจริง
"คุณพ่อ...."
“มีอะไรก็พูดมาสิยายรัก พ่อไม่ว่างน่ะเห็นมั้ย"
เมื่อถูกสวนออกมาอย่างนั้นเพียงแค่คำไม่กี่คำแต่กระทบความรู้สึก...มาลารินจึงเปลี่ยนแผนทันที
"ไม่มีอะไรค่ะ รักขอตัวนะคะ"
ไม่เป็นไร หญิงสาวปลอบใจตัว ถึงอย่างไรเธอก็ยังเหลืออีก
คนให้ปรึกษา หญิงสาวคิดขณะเดินออกมาจากห้องทำงาน เพื่อไปหานฤบดินทร์พี่ชายตัว
แต่เหมือนเขากำลังจะออกไปข้างนอก หญิงสาวรู้ได้ด้วยตัวเองเมื่อเดินมาปะหน้ากันพอดี ยังไม่ทันจะพูดอะไรออกมาอีกฝ่ายก็ชิงสวนมาก่อนราวมีพรายกระซิบ
"พี่จะออกไปข้างนอก เอาอะไรมั้ย"
"อีกล่ะ ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลยนะ"
นฤบดินทร์ทำทีเป็นดูเวลาที่ข้อมือ ก่อนยื่นมือไปขยี้ศีรษะเล็กเพื่อหยอกล้อ "มีอะไรไว้คุยกันวันหลังนะ ไม่เอาอะไรใช่มั้ย"
ถามกันสักคำมั้ยว่าเธอกำลังเผชิญกับอะไรบ้าง นั่นคือสิ่งที่มาลารินคิดขณะส่ายหัวปฏิเสธในน้ำใจ ก่อนที่อีกฝ่ายจะรีบแยกตัวไปโดยที่ไม่ได้ผิดสังเกตเลยสักนิด ว่าใบหน้าของคู่สนทนานั้นมีทั้งความเศร้าและคราบหยาดน้ำตาที่เพิ่งจะแห้งเหือดไป...
ทุกคนรอบข้างล้วนคิดว่าเธอมีความสุขดี นั่นคือเปลือกนอกที่ห่อหุ้มความเปลี่ยวเหงาในหัวใจเอาไว้ ความสุขที่แท้จริงหาได้ที่ไหน หญิงสาวทิ้งกายนอนคว่ำซุกหน้ากับหมอน...หรือบางทีเธอต้องไปที่นั่น...บารโฮสที่ซ่อนเร้นอยู่กลางเมืองพัทยา
เสียงเตือนที่ดังมาจากโทรศัพท์ของตน ทำให้มาลารินชะงักมือที่กำลังขยี้ไปบนศีรษะเพื่อให้ผมแห้ง มันเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้ในวันนี้จะเกลียดและโกรธแค้นภาคิมมากแค่ไหน แต่ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเตือนเหล่านี้เธอก็อดที่จะหวังอยู่ลึกๆ ไม่ได้ว่า
อาจเป็นเขาที่ติดต่อมาหากัน
'นังหวานงูพิษ!’
มือที่กำโทรศัพท์สั่นระริกเมื่อพบว่าไม่ใช่ภาคิม แต่เป็นคนที่ไม่อยากได้ยินทั้งเสียงแล้วก็เห็นหน้า...รูปที่ส่งมามันช่างบีบคั้นใจคนถูกทิ้งเสียเหลือเกิน
รูปถ่ายสวีทหวานระหว่างภาคิมและอัญรินทร์ที่มีฉากหลังเป็นประเทศเกาหลีถูกส่งมาตอกย้ำสัมพันธ์รักที่ยังไม่เลิกรา...คนมองน้ำตาไหลรินขึ้นมาอีกครั้งหลังจากค้นพบว่าเธอยังรักเขา ยังตัดใจจากเขาไม่ได้เลยนั่นคือเรื่องจริง
ใจที่สั่นไหวพาให้มือสั่นเทายามกดพิมพ์ข้อความโต้ตอบไป เพราะไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นต้องการอะไร "เธอส่งมันมาทำไม" ดวงตาแดงช้ำที่จ้องบนจอภาพสั่นระริก คอยรอคำตอบที่จะได้รับกลับมา
"อุ๊ย! หวานส่งผิดเหรอคะ"
'ตอแหล’ มาลารินเหยียดยิ้มในใจ เธอนึกถึงใบหน้าท่าทางของอีกฝ่ายออกหากอยู่ต่อหน้า น้ำเสียงและท่าทางคงไม่ต้องบอกว่าน่าหมั่นไส้ขนาดไหน
"ขอโทษนะคะ หวานส่งผิด พอดีจะส่งให้ผู้กองแต่มือดันพลาดมาส่งหาคุณพี่ ไม่ได้ตั้งใจจะยั่วคุณพี่จริงๆ นะคะ"
"ฉันยังไม่แก่อย่าเรียกฉันแบบนี้ และฉันไม่ใช่ญาติโกโหติกาอะไรกับเธอ"
"พอดีเราเพิ่งไปเที่ยวเกาหลีกันมาสองต่อสอง สนุกมากๆ เลยค่ะ คุณพี่เคยไปกับผู้กองมั้ยคะ"
มาลารินขบกรามแน่น เธอถึงกับสะอึกเพราะเรื่องจริงคือเขาไม่เคยพาเธอไป
"สนุกมากมั้ยที่ขโมยเขากิน"
"หวานขอโทษ หวานไม่รู้จริงๆ ว่าผู้กองกำลังจะแต่งงาน"
มาลารินเหลืออดกับความเสแสร้งจอมปลอม จึงหลุดออกมาให้อีกฝ่ายปั่นหัวเล่นอย่างง่ายดาย "เธอจะไม่รู้ได้ยังไง อย่ามาตอแหลกับฉัน"
"ก็หวานเพิ่งย้ายมานี่คะ แล้ว...แล้วผู้กองเขาก็บอกเองว่ากำลังจะเลิกกับคุณพี่ เขาบอกเขารักหวาน อยากกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง"
"อะไรนะ!"
"เรารักกันมาก่อน หากจะให้ถูกก็คือคุณพี่มาทีหลัง หวานแค่อยากได้ของๆ ตัวเองคืน พอจะคืนให้ได้ไหมคะ"
"ทำไมฮันไม่เคยบอกฉัน..."
"ก็ไม่รู้สิคะ"
"ตอแหลทั้งคู่ ฉันขอแช่งให้พากันเจริญฮวบๆ ผีเน่ากับโลงผุเหมาะสมกันดีอยู่แล้ว"
คำก่นด่าไม่อาจกะเทาะเข้าไปถึงใจของคนฟัง อัญรินทร์ไม่ตอบโต้ด้วยคำหยาบ เธอโต้กลับมาด้วยข้อความที่เป็นเหมือนระเบิดหย่อนตูมเดียวคนในรัศมีตายสนิท "อุ๊ย! แค่นี้ก่อนนะคะ ผู้กองมาหาพอดี"
มาลารินยืนหายใจแรงกายสั่นเทิ้มเพราะความโกรธจนถึง
ขีดสุด รู้สึกได้ถึงสติที่กำลังขาดผึงจนควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป เสียงกรีดร้องด้วยความคับแค้นใจดังลั่นห้องนอน "กรี๊ดดด! อีหวาน ฉันจะฆ่าแก ฮือๆ"
โครม!
เสียงวัตถุกระแทกเข้ากับผนังดังตามมา มาลารินยืนมองซากโทรศัพท์ที่กระจายเกลื่อนพื้นพลางกำมือแน่นอย่างคับแค้นใจ รับรู้ได้ถึงลมหายใจที่ร้อนผ่าวตามแรงอารมณ์ มันพร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งจนราพณาสูร
"ไม่จบใช่มั้ย ได้ ได้เลย!"
หญิงสาวบดกรามเข้าหากันเพราะความแค้น ก่อนเดินไปแต่งตัวเพื่อออกไปข้างนอก จากที่ยอมถอยห่างออกมาไม่ขอยุ่งเกี่ยว แต่เมื่อถูกระรานเธอก็จะไม่ยอมอยู่เฉยให้อีกฝ่ายปั่นหัวเล่นอีกต่อไป...
"โอ๊ะ! คุณพี่"
อัญรินทร์มีสีหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อเดินมาเปิดประตูรั้วแล้วพบว่าใครที่มาเยือนยามวิกาล จังหวะที่กำลังยืนงงร่างนั้นก็แทรกช่องประตูเข้ามา แล้วถลามาที่เธออย่างรวดเร็ว
"โอ๊ะ! อย่า"
"เผียะ!"
เสียงฝ่ามือฟาดลงบนซีกหน้าอย่างแรง อัญรินทร์ร้องลั่นเมื่อถูกทำร้ายโดยไม่ทันตั้งตัว เธอไม่มีทางสู้เพราะอีกฝ่ายผลักเธอ
จนล้มลงแล้วโถมร่างตามลงมา
"ร่านนักใช่มั้ย ไม่สะใจใช่มั้ยถึงราวีฉันไม่เลิก วันนี้แกตายแน่!"
มือเล็กของมาลารินลงน้ำหนักบีบเคล้นไปที่ลำคออีกฝ่ายตามแรงโทสะ อีกฝ่ายพยายามดิ้นรนและเปล่งเสียงร้อง ขณะที่มาลารินนั้นโกรธจนขาดสติเสียแล้ว
"ฉันจะฆ่าแก!"
"หยุด! หยุด ทำอะไรกัน!"
เสียงนั้นดังมาก่อนตัว อัญรินทร์ใจชื้นเมื่อเหลือบตามองแล้วพบว่าคนที่มาช่วยเธอเอาไว้ได้ทันท่วงทีก็คือภาคิม
"ทำบ้าอะไรของคุณน่ะรัก ทำร้ายหวานทำไม!"
ภาคิมปราดเข้ามารั้งร่างมาลารินให้ออกห่างจากที่คร่อมร่างอัญรินทร์เอาไว้ ยื้อยุดกันอยู่สักพักจึงแยกทั้งสองออกจากกันได้สำเร็จ
"ปล่อยสิมาห้ามไว้ทำไม รักจะตบมันให้ตาย ผู้หญิงไร้ยาง อาย!"
"ผู้กอง ฮือๆ ช่วยหวานด้วย"
"ฮัน ผู้หญิงสะตอแบบนี้น่ะเหรอที่คุณชอบ คุณหลงมันจนโงหัวไม่ขึ้น ระวังมันจะเหมาทำผัวทั้งกองร้อยแล้วจะหาว่ารักไม่เตือน"
มาลารินฮึดฮัดฟึดฟัดเหมือนวัวบ้า เมื่อถูกขัดขวางซ้ำยังต้องทนมองภาพบาดตาจากการที่ภาคิมกำลังกอดคนอื่นที่ไม่ใช่
เธอเพื่อปลอบประโลม
"คุณบุกมาทำร้ายหวานถึงนี่เลยเหรอ!"
"ก็มัน..." ยังไม่ทันอ้าปาก คู่กรณีก็สวนทันควัน "หวานอยู่ของหวานดีๆคนของคุณก็มาหาเรื่องก่อน หวานไม่ยอมนะคะผู้กอง ฮือๆ"
"ผมบอกแล้วไงว่าต่างคนต่างอยู่ แล้วคุณจะอะไรอีก"
"ฮัน...นี่คุณ...เข้าข้างมันเหรอคะ"
"ผมไม่ได้เข้าข้างใคร แต่คราวนี้คุณมาหาเรื่องเขาก่อนนะรัก"
"แล้วรักล่ะคะ คุณไม่คิดจะปลอบใจกันเลยใช่มั้ย"
คนพูดข่มกลั้นหยาดน้ำตา เมื่อความจริงย้ำเตือนว่าในหัวใจของเขาตอนนี้ไม่เหลือเธอแล้ว มันฟ้องจากภาพตรงหน้า เขาเลือกใช้อ้อมกอดให้อีกคนได้ซับน้ำตา หาใช่เธอ
"ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ ผมรู้นิสัยหวานดีว่าเธอไม่เคยหาเรื่องใครก่อน คุณบุกมาแบบนี้จะให้ผมต้องแจ้งความมั้ย ผมไม่อยากทำแบบนั้นกับคุณเลยนะ"
"เอาสิคะ แจ้งจับเลย จะได้รู้กันไปว่าคุณทำกันได้ลง"
"ผู้กอง อย่าทำแบบนั้นเลยค่ะ หวานไม่โกรธเธอ หวานให้อภัยเธอก็แล้วกัน"
มาลารินถึงกับนิ่งอึ้งในการเปลี่ยนสีของอีกฝ่าย ไม่คิดเลยว่า อัญรินทร์จะเป็นคนเอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่นแบบนี้
"คุณกลับไปก่อน อย่าให้อะไรๆ มันรุนแรงมากไปกว่านี้เลย
นะ ผมขอร้อง"
มาลารินขบกรามแน่น ก่อนแค่นเสียงพูดออกมา "จำเอาไว้นะคะฮัน คุณจำเหตุการณ์วันนี้ไว้ให้ดี เมื่อคุณไม่เหลือใครเรื่องราวในวันนี้จะย้อนมาทิ่มแทงใจคุณ"
มาลารินหันหลังกลับด้วยใจที่ร้าวระบมซ้ำสอง ท่ามกลางสายตาที่มองตามมาอย่างผู้กุมชัยชนะของอัญรินทร์ ความสุขของเธอคือการได้เป็นที่หนึ่งแม้ว่าจะทำร้ายคนที่เป็นสะพานให้เธอก้าวไปสู่จุดหมายก็ตามที