“ผู้จัดการดาราเหรอ?” เสียงทุ้มที่ดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือที่พลอยรดาถือแนบหูอยู่ฉายความประหลาดใจ
“อื้ม แต่แค่ชั่วคราวน่ะ”
“ไหนเล่าให้น่านฟังหน่อยสิครับว่าทำไมพลอยรดาของผมถึงไปเป็นผู้จัดการดารา” น้ำเสียงที่ ‘น่าน นที’ แฟนหนุ่มของพลอยรดาเอ่ยนั้นฟังดูสบายๆ คล้ายจะหยอกเย้ามากกว่าโกรธ
พลอยรดาเล่าเรื่องทั้งหมดให้นทีฟัง รวมถึงข้อดีของการเป็นผู้จัดการดาราชั่วคราวด้วย
“งั้นนี่ก็เป็นผลดีกับตัวพลอยน่ะสิ” น้ำเสียงของนทีดูตื่นเต้นและดีใจแทนจนพลอยรดายิ้มแก้มปริ
“ใช่ไหมล่ะ”
“แอบหวงขึ้นมานิดหน่อยแล้วนะเนี่ย”
“หวงอะไร” พลอยรดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ เอาจริงเธอก็พอรู้ว่านทีหวงอะไร แต่เธอก็ยังอยากได้ยินเขาพูดออกมาเองมากกว่า
“หวงสิ แฟนน่านจะได้เจอดาราหล่อๆตั้งหลายคน เกิดพลอยไปหลงเสน่ห์ดาราพวกนั้นแล้วน่านจะทำยังไงล่ะ” นทีบีบเสียงให้ดูเหมือนออดอ้อน เขาชอบใช้น้ำเสียงแบบนี้เพราะรู้ว่าพลอยรดาแพ้ทางนี้ของนที
เป็นเด็กขี้อ้อนเฉพาะตอนอยู่กับแฟน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจในหน้าที่การงานและไม่เก็บมาคิดเป็นเรื่องส่วนตัว
“ดาราพวกนั้นต้องอิจฉาน่านต่างหากล่ะ ที่ได้หัวใจของพลอยไป” นทีหัวเราะ
“น่ารักจังครับคุณแฟน คิดถึงจนอยากไปหาแล้วเนี่ย”
“ถ้ามาแล้วใครจะอยู่ดูแลคุณปู่ของน่านล่ะ ร่างกายคุณปู่ยิ่งไม่ค่อยแข็งแรงอยู่”
“โธ่ ก็คิดถึงนี่ครับ” พลอยรดาอมยิ้ม
“งั้นวีดิโอคอลไหม พลอยก็คิดถึงน่านเหมือนกันนะ”
“ครับ ได้สิ”
วันนั้นทั้งวันพลอยรดายิ้มอารมณ์ดี ในสายตาของพลอยรดานทีทั้งสุภาพบุรุษ อบอุ่นและอ่อนโยน เขาตามใจเธอทุกอย่าง มีดุบ้างนิดหน่อยตอนที่พลอยรดาเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ แต่ก็ให้เกียรติเธอเสมอ นทีไม่เคยล่วงเกินเธอมากไปกว่าการกอดและจับมือตามที่พลอยรดาขอ
นั่นยิ่งทำให้พลอยรดาตกหลุมรักนทีมากขึ้นไปอีก เพราะคิดว่าเขาช่างเป็นผู้ชายที่ดีเป็นสุภาพบุรุษที่เข้าใจเธอดีจริงๆ
เสียงริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้นในช่วงเจ็ดโมงเช้า ปลุกให้คนที่นอนอยู่บนเตียงพลิกตัวไปมาแต่ก็ไม่คิดจะรับสาย แต่ทว่าปลายสายยังไม่ย่อท้อ ยังคงโทรจิกจนต้องยกหมอนขึ้นมาอุดหูราวกับจะทำสงครามประสาทว่าใครจะพ่ายแพ้ก่อนกัน
แม้จะเอื้อมมือมาปิดเสียงหลายต่อหลายครั้ง แต่สุดท้ายฝ่ายพ่ายแพ้คือคนที่นอนมองเพดานห้องอยู่บนเตียง ร่างของชายหนุ่มในวัยยี่สิบเก้าปีเด้งตัวขึ้นมาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง เขาใช้มือยีหัวตัวเองข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ขยี้ขี้ตาให้พอไล่ความงัวเงียออกไปได้บ้าง
ชายหนุ่มหันไปมองโทรศัพท์เจ้ากรรมที่ยังส่งเสียงน่ารำคาญไม่หยุด เขาหยิบมันขึ้นมาดูว่าใครที่มันบังอาจมารบกวนการนอนของเขา ในหัวคิดหาคำด่าสารพัดกะจะด่าอีกฝ่ายให้แหลกแต่พอเห็นชื่อบนหน้าจอแล้วแทบจะกลืนคำด่าลงไปไม่ทัน
“ครับพี่เอ๊ะ”
“ไงไอ้เสือ เพิ่งตื่นหรือไง” ปลายสายเอ่ยทักด้วยสรรพนามที่เจ้าตัวยอมให้อีกฝ่ายเรียกได้คนเดียว ‘ไอ้เสือ’ ในบริบทที่อีกฝ่ายใช้เรียกเขาไม่ใช่คำหยาบหรือคำดูถูก แต่มันเป็นคำที่เหมือนแม่พูดกับลูกมากกว่า
“ก็...ประมาณนั้นครับ เนี่ย ผมว่าวันนี้จะไปเยี่ยมพี่อยู่พอดีเลย”
ชายหนุ่มใช้เสียงสองเข้าอ้อน มีไม่กี่คนหรอกที่จะได้ยินเสียงของ ‘เสือ คณาธิป’ ในรูปแบบนี้นอกจากคนที่เจ้าตัวสนิทใจจะพูดด้วยจริงๆ และเอ๊ะก็เป็นหนึ่งในนั้น คณาธิปให้ความเคารพรักผู้จัดการส่วนตัวจนมีแต่คนบอกว่าชื่อเสือเสียเปล่าแต่กลับหงอเหมือนแมวเชื่องๆกับผู้จัดการส่วนตัวซะได้
...ก็จะไม่ให้เชื่องได้ยังไงไหว เขาน่ะโดนอีกฝ่ายปราบซะอยู่หมัดจนต้องยอมถอดเขี้ยวเล็บแบบที่เห็นนี่แหละ
“แถลื่นเป็นปลาไหลเลยนะ ฉันฟื้นขึ้นมาเมื่อวานแต่ไม่ยักจะมาเยี่ยม”
“โธ่ อย่างอนนะครับ น้า พี่ก็รู้ตารางงานผมนี่นา เมื่อวานติดถ่ายโฆษณาตั้งสามตัว”
“ไม่ต้องมาอ้างเลย รีบลุกไปอาบน้ำแล้วมาหาฉันที่โรงพยาบาลตอนสิบโมงเช้า”
ผู้จัดการสาวยื่นคำขาด คณาธิปรีบหันขวับไปมองนาฬิกาบนหัวเตียงก่อนจะโอดครวญ
“สามชั่วโมงไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอครับ” คณาธิปทำปากทำเสียงมุบมิบ กะให้อีกฝ่ายเห็นใจและยอมยืดเวลานัดออกไป แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม
“หรือจะให้ฉันเลื่อนเวลาเป็นแปดโมงเช้า?”
“พี่เอ๊ะอ่า” คณาธิปเริ่มงอแงใส่อีกฝ่าย แม้อายุอานามจะปาเข้าไปเกือบสามสิบแต่ยังชอบทำตัวเหมือนเด็กอายุยี่สิบต้นๆไม่มีผิด
“แปดโมงหรือสิบโมง เลือกมา”
“บ่ายโมงได้ไหมอ่า” คณาธิปต่อรอง จะแปดโมงหรือสิบโมงเขาก็ไม่พร้อมทั้งนั้นแหละ แต่ถ้าบ่ายโมงน่ะพร้อมแน่
“ได้สิไม่มีปัญหา” คณาธิปยิ้มกว้างที่ลูกอ้อนได้ผล แต่พอได้ฟังประโยคถัดมาจากผู้จัดการเขาก็หุบยิ้มแทบไม่ทัน
“งั้นฉันคงต้องโทรไปปฏิเสธละครที่ทางช่องเพิ่งทาบทามมาแล้วล่ะ น่าเสียดายนะ ได้ข่าวว่าผู้กำกับชื่อดังจากเรื่อง ‘รักสื่อรัก’ จะมากำกับให้ด้วยมั้ง...ก็ดีนะ แกตัดสินใจแบบนี้ก็ดี จะได้มีเวลาพักผ่อนยาวๆ”
คำประกาศิตจากผู้จัดการให้ความรู้สึกเหมือนกำลังโดนมีดจ่อคอหอย วินาทีนั้นคณาธิปรีบละล่ำละลักเลือกเวลาที่อีกฝ่ายเสนอมาจนเสียงหลง
“สิบโมงครับ สิบโมงถึงโรงพยาบาลแน่นอนครับพี่เอ๊ะ!”
“ต้องอย่างนี้สิเด็กดี ห้ามเลทนะ ถ้าเลทไปแม้แต่นาทีเดียวฉันจะกดโทรออกแล้วยกเลิกงานของแกทันที”
คณาธิปเบะปากจนอยากจะร้องไห้ ในวงการบันเทิง งานละครของผู้กำกับคนนี้ได้รับเรตติ้งสูงชนิดที่ว่านักแสดงแทบทุกคนทั้งนักแสดงหลัก นักแสดงสมทบ หรือแม้แต่นักแสดงตัวประกอบอยากร่วมงานด้วย คณาธิปก็เป็นหนึ่งในนั้น มันเป็นโอกาสที่ไม่ได้มีมาบ่อยๆ ในเมื่อเขาได้โอกาสนั้นมาเขาก็ต้องคว้าไว้สิ เขาไม่ยอมโดนตัดสิทธิ์นั้นเพราะไปหาผู้จัดการสายหรอก!
คณาธิปครางฮึ่มฮั่มในลำคอ
พี่เอ๊ะนะพี่เอ๊ะ เพราะแบบนี้ไง เสืออย่างเขาถึงได้กลายเป็นแมวทุกที!