Episode-๐๓ เป็นไปตามข้อตกลง

1296 Words
“พ่อเล่นตลกอะไรกับผมเนี่ย” ผมโวยวายใส่คนตรงหน้ายกใหญ่เมื่อกลับมาถึงบ้าน “มัธยมยังเรียนไม่จบเลย” “แล้วยังไง? แป๊บเดียวก็เรียนจบแล้วแกจะโวยวายทำไม มันก็เป็นไปตามข้อตกลงนี่ ฉันไม่บังคับแกแล้วไง อยากจะเรียนอะไร อยากจะทำอะไรตามใจเลยตามสบายไม่ห้ามสักอย่าง” “พ่อ!” เหมือนก้าวเท้าเข้าห้องขังไปข้างหนึ่งเลยครับ “ไม่รู้แหละ ยังไงผมก็ไม่มีทางหมั้นตอนนี้แน่นอน” “แล้วใครบอกว่าจะให้หมั้นตอนนี้?” “...” “ระหว่างนี้แกมีหน้าที่ดูแลน้อง” “ดูแลยังไง?” ผมถามกลับแทบจะทันทีตั้งแต่เกิดดูแลแค่ตัวเองมาโดยตลอดเลยครับ “แล้วทำไมผมต้องดูแลด้วย” “แกเป็นยังไงปันหยาก็เหมือนแกนั่นแหละ” จบประโยคพ่อก็เดินออกไปเลยแถมยังทิ้งปมปริศนาไว้ให้ผมอีก หลายวันผ่านไป “เรื่องเรียนเป็นยังไงบ้างลูก” “ก็ดีครับ ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด” ผมว่าพลางมองหน้าแม่นิ่ง ๆ ปกติไม่ค่อยถามสักเท่าไหร่ วันนี้มาแปลกดูท่าทางคงมีอะไรอีกตามเคยสินะ “ดีจัง...” “แม่อยากพูดอะไรกับผมหรือเปล่า?” “เรื่องหนูปันหยาน่ะ จริงหรือเปล่าที่ลูกรับข้อเสนอของพ่อ” “พ่อต่างหากที่รับข้อเสนอของผม” “คิดดี ๆ นะภาม” “ผมคิดดีแล้วครับ กับปันหยาคงไม่มีปัญหาอะไรอยู่ด้วยกันไม่ได้เดี๋ยวก็แยกย้ายไปเองแหละ” ผมตอบกลับอย่างไม่คิดอะไรมากนักและไม่ได้ประชดด้วย คนไม่ได้รักกันจะอยู่ด้วยกันนานสักแค่ไหนกันเชียวเว้นแต่ว่ามีความอดทนและเหตุผลส่วนตัวแค่นั้นแหละ “ถ้างั้นก็คิดซะว่าปันหยาเป็นน้องสาวของภามคนหนึ่งแล้วกันนะ” ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจเรื่องของปันหยานักหรอกครับ แต่พอได้ยินแม่พูดแบบนี้แล้วในใจมันก็เกิดคำถาม “ผมรู้สึกเหมือนแม่กำลังสงสารปันหยาเลย มีอะไรมากกว่านี้หรือเปล่า?” “มี... แต่ภามไม่ต้องกังวลหรอกเพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับลูก” “ในเมื่อไม่เกี่ยวแล้วทำไมผมต้องดูแลปันหยาด้วย” “เพราะน้องเลือกภาม” “...” ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งถามกลับยิ่งไม่ได้คำตอบ “อ่อ! อีกสองวันลูกต้องย้ายไปอยู่กับน้องนะ เป็นคอนโดของเรานั่นแหละที่นั่นสะดวกสบายใกล้โรงเรียนน้องและยังใกล้มหาวิทยาลัยของภามอีกด้วย” “แม่ว่าไงนะ?” ทุกอย่างเหมือนถูกวางไว้ทั้งหมดเลยครับ แค่รอเวลาที่ผมกับปันหยาเดินเข้ามาเท่านั้นเอง “ผมรู้นะว่ายังไงก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้วแต่ทำไมมันเร็วแบบนี้ล่ะครับ” “ช้าหรือเร็วก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่ดี ลูกเตรียมตัวให้พร้อมก็พอ จงระลึกไว้เสมอไม่ชอบหน้ากันยังไงก็ห้ามทำร้ายกันเด็ดขาด” จบประโยคแม่ก็เดินจากไปทิ้งผมไว้ท่ามกลางความไม่เข้าใจอยู่แบบนั้น รู้สึกเหมือนชีวิตจะวุ่นวายมากกว่าเดิมซะอีก สองวันต่อมา และแล้ววันนี้ก็มาถึง ทุกอย่างมันกระชั้นชิดรวดเร็วไปหมดเลยครับดีที่มีสองห้องนอนไม่อย่างนั้นคงอึดอัดมากกว่านี้ “เก็บของเสร็จแล้วออกมาคุยกันหน่อยนะ” “ค่ะ” อย่างที่รู้ว่าผมเป็นพวกไม่ค่อยสุงสิงกับใครแต่กับปันหยารู้สึกว่าจะคุยกันง่ายครับ เธอดูเป็นคนเงียบ ๆ แต่ก็นั่นแหละไม่รู้ว่าจะเงียบนานแค่ไหน “เอ่อ... พี่มีอะไรจะคุยกับหยาเหรอคะ” “เลิกทำท่าทางตื่นกลัวใส่ฉันสักทีเหอะ เห็นแล้วรำคาญว่ะ” เห็นแล้วหงุดหงิดครับผมก็ไม่ได้น่ากลัวแบบนั้นไหม? “ขอโทษ หยาแค่ทำตัวไม่ถูก” “เงยหน้าด้วยเวลาพูดอ่ะ” “คะ? ค่ะ” ขานรับอย่างเข้าใจก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้ามองผม “ทำไมถึงไม่ปฏิเสธ?” “...” “รู้ไหมว่าการอยู่กับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก ไม่ได้รู้สึกมันเจ็บปวดมากแค่ไหน? หรือว่าพ่อยื่นข้อเสนออะไรให้เหรอถึงได้เต็มใจมาอยู่ตรงนี้” ผมถามไปตามความคิดและมั่นใจว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้ “หยาไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วพี่ไม่ต้องห่วงนะคะ หยาจะไม่ทำให้พี่เดือดร้อน จะไม่วุ่นวายกับพี่ด้วย ถ้าพี่มีคนรักหรือมีคนในใจหยาก็จะไม่ก้าวก่ายเลย” “มีเหตุก็ต้องมีผลแต่ในเมื่อไม่อยากบอกก็จะไม่ถามอีก” ผมไม่ชอบยุ่งกับใครก็รู้อยู่ “ห้ามพาคนอื่นเข้ามาที่นี่ จะไปไหนมาไหนต้องบอกทุกครั้งและข้อสุดท้ายห้ามทำอะไรเลอะเทอะหรือทำห้องรกเด็ดขาด!” ผมรักสะอาดครับ จะว่าเจ้าสำอางก็ได้แหละเห็นอะไรขวางหูขวางตาแล้วมันหงุดหงิดไปหมด “ค่ะ” “ถามจริง ๆ พ่อยื่นข้อเสนออะไรให้เธอ” “ช่างมันเถอะค่ะ พี่คงไม่อยากรู้เรื่องราวของหยาหรอกเอาเป็นว่าหยาเต็มใจที่จะอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน” “แต่ฉันไม่เต็มใจ!” “งั้นพี่ก็ต้องจัดการความรู้สึกตัวเองค่ะ เพราะมันเป็นปัญหาของพี่ไม่ได้เป็นปัญหาของหยา” “ต่อปากต่อคำเก่งเหมือนกันนี่” “หยาเปล่า ก็แค่พูดไปตามความคิดเท่านั้นเอง” “ช่างเถอะ! ข้อตกลงของเราก็มีเท่านี้แหละ” “ค่ะ” หลังจากพูดคุยกันจบเราก็แยกย้ายกันเข้าห้องครับ ผมอยู่ห้องใหญ่ส่วนปันหยาอยู่ห้องเล็ก ก๊อก ๆ ๆ “อะไรอีก” “หิวค่ะ” น้ำเสียงใสเอ่ยพร้อมกับมองหน้าผมนิ่ง ๆ “ในครัวมี อยากกินอะไรก็ทำเอาเลย” “คือว่า... หยาทำไม่เป็น” ประโยคหลังเสียงแผ่วเบาเชียวครับ “เฮ้อ...” คำว่าดูแลของพ่อเนี่ยมันขนาดไหนกันนะ “ยังไม่ได้ซื้อของสดเข้ามา มีแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินไปก่อนแล้วกัน” “ค่ะ” จากนั้นผมก็เดินนำมายันโซนห้องครัว “นั่งรอตรงนี้” เธอไม่ได้ตอบอะไรแค่พยักหน้ารับเท่านั้นเอง รู้สึกเหมือนกำลังประคบประหงมเด็กน้อยเลยครับ โน่นก็ทำไม่เป็น นี่ก็ทำไม่ได้ ... “พี่ไม่กินด้วยกันเหรอคะ” เธอเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าผมเอามาแค่ถ้วยเดียว “ไม่ล่ะ ตามสบาย เสร็จแล้วเรียกนะเราจะไปซื้อของกัน” ผมว่าพลางนั่งรอที่โซฟาพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเพื่อค่าเวลา “ค่ะ” หยาเป็นผู้หญิงที่ทำอะไรช้ามากครับ แค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถ้วยเดียวใช้เวลาเกือบชั่วโมง เห็นแล้วโคตรหงุดหงิดอะไรจะเชื่องช้าขนาดนี้ “บอกไว้ก่อนเลยนะถ้าตอนเช้าไปเรียนแล้วช้าแบบนี้จะให้ไปเอง” ผมไม่ได้ขู่ครับ ผมพูดจริง “จะพยายามปรับตัวให้ได้นะคะ” “คิดได้แบบนี้ก็ดี” มาถึงห้างสรรพสินค้าผมก็ตรงไปยันโซนของสดทันที แต่รู้สึกว่าคนที่มาด้วยจะไม่ค่อยอยากเดินตามสักเท่าไหร่ ผลัก! “อ๊ะ! ขอโทษค่ะ” “มองทางบ้างเวลาเดินน่ะ เหม่ออะไรอยู่” “อยากได้อันนั้น” เธอว่าพลางชี้มือไปที่หมอนรูปการ์ตูนชื่อดังครับ “มันกำลังลดราคา” “อยากได้อะไรก็หยิบมา” “พี่พูดจริงนะ?” “อืม” “ขอบคุณค่ะ” ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินไปเลือกมา ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองมีภาระมากกว่าน้องสาวอีกครับ ที่ยอมทำตามอย่างว่าง่ายเพราะมันอยู่ในข้อตกลงของพ่อต่างหากล่ะ ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD