Episode-๐๒ ทางที่เลือกเอง

1385 Words
วันเวลายังคงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เราสามคนสนิทกันมากขึ้นครับ กับไอ้แนนนี่แมน ๆ ใส่กันได้เลยแต่น้ำตาลคงเป็นข้อยกเว้น “แป๊บเดียวจะจบปีสองแล้วอ่ะ ไวเนอะ” น้ำตาลเอ่ย “ก็ดีแล้วไงที่เรียนจบ” “ก็ใช่... แต่แหมมันเร็วไปหน่อย” มีการบ่นด้วยครับ “อย่ามัวแต่บ่นอยู่ ผู้ชายมารอรับแล้วน่ะ” “อย่าแซวดิ งั้นเราไปก่อนนะ” “เออ เจอกัน” “โอเค” คล้อยหลังน้ำตาลผมก็กลับบ้านตามปกติ ที่ผิดปกติคือไอ้แนนหายครับ ไม่มาเรียนสองวันแล้วไม่รู้ว่าแอบไปเที่ยวกับผู้ชายที่ไหนหรือเปล่า แค่เพียงไม่นานก็ถึงบ้านแล้วครับ แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถจอดอยู่หลายคัน แต่ช่างเถอะคงจะเป็นแขกของพ่ออีกตามเคยล่ะมั้งขออย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดไว้แล้วกัน “ภามมาพอดีเลย แม่จะแนะนำให้รู้จักนะ” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่พยายามหาคนนั้นคนนี้มาให้ผมได้รู้จัก และทุกครั้งผมก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายปฏิเสธเสมอ “ผมมีธุระต้องไปทำต่อขอโทษด้วย” จบประโยคก็เดินเลี่ยงขึ้นชั้นบนไปโดยไม่สนใจว่าแม่หรือใครจะทำหน้ายังไง ผมสนแค่ตัวเองมากกว่า นานนับชั่วโมงที่เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องจนกระทั่งบานประตูถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับใบหน้าเรียบเฉยที่คุ้นเคย “บางทีฉันอาจจะต้องคุยกับแกอย่างจริงจังสักครั้งนะ” “พ่อจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ” “ฉันตั้งใจมีแกเพราะอยากได้ลูกชาย ลูกชายที่เป็นผู้ชายจริง ๆ น่ะ” “...” “จะมองว่าใจแคบก็ได้ ถ้าให้พูดกันตามตรงฉันใจไม่กว้างพอที่จะยอมรับมัน” “พ่อหมายถึงอะไร?” “แกรู้อยู่แก่ใจ” “ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ” “แกชอบผู้ชายใช่ไหม?” “ผมเปล่า” ผมตอบกลับแทบจะทันที ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะเงียบหรือไม่มีคำตอบให้ก็ได้ครับ “ผมไม่รู้หรอกว่าพ่อรู้อะไรมาบ้าง ผมยอมรับว่าเคยรู้สึกดีกับคนคนหนึ่ง แต่นั่นมันก็ผ่านมาแล้ว มันก็แค่เคย” “ภาม... พ่อจะไม่ถามว่าเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไง แต่ในเมื่อแกใช้คำว่าแค่เคยพ่อจะถือว่าภามกลับตัวกลับใจเปลี่ยนความรู้สึกตัวเองได้แล้วนะ” พ่อก็คือพ่ออยู่วันยันค่ำนั่นแหละ เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เคยเข้าใจ “นี่สินะ คือเหตุผลที่พ่อกับแม่พาใครต่อใครมาวุ่นวายกับชีวิตผม” “ใช่ แต่ไม่ทั้งหมด” “...” “และเตรียมตัวให้ดีด้วยพรุ่งนี้แกต้องไปเจอใครคนหนึ่ง ห้ามปฏิเสธ!” “ได้! แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยน” “อะไร?” “ผมจะเลือกคนที่พ่อหาให้ แต่พ่อต้องเลิกบังคับผม” “...” “ผมอยากทำอะไรด้วยตัวเองโดยที่พ่อกับแม่ไม่ต้องคอยชี้นำว่ามันดีหรือไม่ดี อยากใช้ชีวิตบนเส้นทางที่ตัวเองเลือกเองแม้ว่ามันจะแย่หรือผลลัพธ์ของมันจะออกมาไม่ดีก็ตาม ผมขอแค่นี้พ่อให้ผมได้ไหม?” เรื่องคู่ชีวิตช่างมันก่อนครับ มันคงไม่เป็นปัญหากับผมนักหรอก แต่เรื่องงานเรื่องเรียนทุกอย่างเกี่ยวกับแบบแผนชีวิตมันสำคัญครับ “ในเมื่อกล้าขอ ฉันก็กล้าให้แต่แกต้องหมั้นกับหนูปันหยา” “พ่อจะให้ผมหมั้นกับใครนะ?” “หนูปันหยาลูกสาวของเพื่อนพ่อเอง” “แต่พ่อครับ!” “ไม่มีแต่!! ถ้าแกบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้ชอบผู้ชายจริง ๆ ก็หมั้นสิทำไมต้องอิดออดด้วย ฉันอุตส่าห์รับข้อแลกเปลี่ยนของแกแล้วไง” “หน้าตาเป็นยังไงยังไม่รู้เลย จู่ ๆ ก็ให้หมั้นกันมันไม่เร็วไปหน่อยเหรอครับ นิสัยใจคอเขาเป็นยังไงผมไม่รู้ด้วยซ้ำ” “คำพูดฉันถือเป็นคำขาด และพรุ่งนี้ก็ไปตามนัดด้วยไอ้ลูกชาย” พลางตบบ่าผมสองครั้งแล้วเดินจากไป รู้สึกเหมือนคิดผิดเลยครับที่ยื่นข้อเสนอไปแบบนั้น จากตอนแรกที่คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรตอนนี้ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิ หมั้นทั้งที่ยังไม่เคยเจอหน้ากัน บ้าไปแล้ว... เช้าอีกวันผมก็มาเรียนเหมือนเดิมและเย็นวันนี้ก็มีนัดด้วยครับ ไม่อยากไปคนเดียวคงต้องพึ่งไอ้แนนอีกตามเคย “ไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ” ผมเอ่ยบอกมันที่กำลังเล่นเกมส์ในมือถืออยู่ “ไปไหน” “พ่อจะให้ไปเจอใครบางคนน่ะ ไปเป็นไม้กันหมาให้หน่อย” “ครั้งนี้ถ้ามึงไม่บอกอะไรให้กูรู้บ้างเลยกูจะเลิกช่วยจริง ๆ ละ” “เฮ้อ... กูไม่รู้จะเริ่มยังไง” ผมตอบไปตามความจริง “โอเค กูตั้งคำถามเองแล้วกัน” “...” “มึงยังชอบผู้ชายอยู่ไหม?” “...” “ภาม ถ้ามึงไม่พูดอะไรออกมาเลยกูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยมึงได้ประมาณไหน” “ที่กูเคยบอกว่าชอบอ่ะ กูไม่ได้หมายถึงแบบนั้น” “อะไรวะ กูงงนะเนี่ยก็ตอนนั้นมึงบอกกูกับไอ้ตาลว่ามึงชอบผู้ชายไง” “ใช่! แต่ไม่ได้ชอบทุกคนไง กูแค่รู้สึกว่าตัวเองพิเศษกับใครคนหนึ่งเท่านั้นเอง และใครที่ว่าเนี่ยมันก็เป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่มัธยม กูไม่รู้ว่าไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรเรียกว่าอะไรและมีแค่มันที่ทำให้กูรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกดูแล ถูกเอาใจใส่ อยู่กับมันแล้วกูสบายใจอ่ะแต่กูไม่เคยแสดงตัวหรือสารภาพอะไรกับมันเลยนะ ภายนอกก็เพื่อนกันแมน ๆ นี่แหละ เพียงแต่ว่าความรู้สึกบางอย่างมันต่างออกไปเท่านั้นเอง” ผมเล่าความรู้สึกของตัวเองให้ไอ้แนนได้ฟังไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเข้าใจไหม “ที่กล่าวมาทั้งหมดเนี่ยเป็นเพราะมึงไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้จากใครเลยใช่ไหม?” “...” “กูไม่ได้เข้าใจมึงอย่างสุดซึ้งอะไรหรอกนะ แต่กูเองก็เป็นเหมือนกันแถมยังต้องแบกหน้ายิ้มตลอดเวลาอีกด้วย บางครั้งกูก็อยากพึ่งพาใครสักคนชนิดที่ว่าหันไปเจอเขาแล้วกูสบายใจขึ้นมาทันทีเลยอ่ะ” “แต่มีอย่างหนึ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้” “อะไร?” “ความรู้สึกจริง ๆ ของกูไง ตอนอยู่ใกล้กันมันก็ดีแต่พอห่างกันกูกลับรู้สึกเฉย ๆ ไม่ได้คิดถึง ไม่ได้โหยหา ส่วนเรื่องที่พ่อกูพาลูกสาวชาวบ้านมาทำความรู้จักเนี่ยกูก็ไม่ได้อะไรนะ สวย น่ารัก แต่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นไง กูเลยไม่แน่ใจว่าตัวเองชอบอะไรกันแน่ จะว่าสับสนก็คงไม่ใช่หรอก” ผมพูดจริงครับ มันเฉย ๆ หรือเป็นเพราะผมไม่คิดจะสนใจด้วยมั้ง “กูไม่รู้จะอธิบายยังไงให้มึงเข้าใจเอาเป็นว่าวันหนึ่งถ้ามึงเจอใครสักคนที่ใส่ใจมึงทุกอย่าง วันนั้นมึงจะได้คำตอบเอง” “...” เลิกเรียนผมก็มาตามนัดเลยครับเป็นร้านเบเกอรี่แห่งหนึ่ง “พี่...” น้ำเสียงใสเอ่ยพร้อมกับหยุดยืนตรงหน้าผม “น่ารักว่ะ” ไอ้แนนกระซิบบอก น่ารักจริงครับไม่เถียง “อยู่มอปลาย?” ผมว่าพลางไล่สายตามองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า... พ่อนะพ่อ ทำกันได้ลงคอ “ค่ะ คุณลุงให้หยามารอพี่ที่นี่หยาก็เลย...” “ซื่อบื้อ! ใครสั่งให้ทำอะไรก็ทำตามไปซะหมด” “...” “อยู่มออะไร?” “มอหกค่ะ” “แล้วรู้ไหมว่าผู้ใหญ่นัดให้เรามาเจอกันเพื่ออะไร?” “รู้ค่ะ” ตอบเสียงดังฟังชัดเลยครับ “แล้วรู้ไหมว่าเราต้องหมั้นกัน” “ระ รู้ค่ะ” “เต็มใจมาสินะ” “...” ผมไม่รู้เลยว่าพ่อกำลังล้อเล่นอะไรอยู่หรือเปล่า เธอยังอยู่มัธยมอยู่เลยครับ สิบแปดหรือยังก็ไม่รู้แล้วดูสิจะให้ผมหมั้น ให้ตายเหอะ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD