2

2231 Words
ฟ้ารุ้งจะไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินแม้แต่บาทเดียว เรื่องนี้อีกฝ่ายก็รู้ดี แต่ก็ยังหน้าด้านเข้ามาขอ ซึ่งหากอยู่นิ่งๆ เธออาจจะแบ่งเงินให้เป็นค่าน้ำใจที่ดูแลบิดามาหลายปี “อย่ามาปากดี ถ้าแกขายที่แล้วไม่แบ่งเงินให้ฉัน รับรองแกได้เห็นดีแน่” ฟ้ารุ้งบอกอย่างโมโหที่เห็นสายตาเหยียดๆ ของเด็กสาวจ้องมองมายังเธอด้วยความสมเพชและถือดี “ถ้าคุณลองเข้ามาเหยียบบ้านหลังนี้อีกครั้ง คุณเองก็จะได้เห็นดีเหมือนกัน เพราะฉันจะแจ้งตำรวจจับคุณ” เขมมิกาตอกกลับอย่างไม่กลัว “หึ! อีกไม่ถึงเดือนบ้านหลังนี้ก็จะถูกยึดแล้ว ถ้าแกโง่ก็โอบกอดความโอหังต่อไป แต่หากแกฉลาดพอก็ควรจะขายตอนที่มันยังขายได้ราคางามๆ ซะ” “คุณจะมาเดือดร้อนอะไร เท่าที่ผ่านมาก็ได้จากพ่อของฉันไปเยอะแล้วไม่ใช่เหรอ” “มันไม่พอ ฉันยังอยากได้ส่วนแบ่งก้อนสุดท้ายจากแก” “งั้นก็ไปฟ้องร้องเอาเถอะค่ะ หากศาลตัดสินให้ฉันแบ่งเงินให้กับนางบำเรอของพ่อ ถึงตอนนั้นฉันจะแบ่งให้คุณ” “กรี๊ด...ฉันไม่ใช่นางบำเรอ ฉันเป็นเมียพ่อของแก” ฟ้ารุ้งกรีดร้องขึ้นอย่างเจ็บใจที่ถูกเด็กวันซืนตอกกลับด้วยถ้อยคำที่เจ็บแสบ “ขอตัวนะคะ” เขมมิกายักไหล่นิดๆ ก่อนจะเดินกลับขึ้นบ้าน “แกมันก็แค่อีเด็กโอหังที่กำลังจะถังแตก ฉันจะคอยดูวันที่แกไม่เหลืออะไร” ฟ้ารุ้งตะโกนด่าตามหลัง “ก็ถ้าคุณไม่รีบตายตามพ่อของฉันไปซะก่อน ก็อาจจะต้องรอไปจนแก่” เขมมิกาหันไปตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้อีกฝ่าย “กรี๊ด...อีโยโกะ แก...” ฟ้ารุ้งกรีดร้องและกระทืบเท้าไปมาอย่างโมโห พยายามนึกหาถ้อยคำมาด่าคืน แต่ก็ถูกอีกฝ่ายพูดแทรกขึ้นอีกครั้ง “คนที่บ้านคุณเขาไม่ได้เน้นเรื่องมารยาทเหรอคะ ถึงได้เติบโตมาเป็นคนแบบนี้” เขมมิกาต่อว่าก่อนจะปิดประตูใส่หน้าไปอย่างคนชนะ ปัง! “กรี๊ด...” ฟ้ารุ้งกรีดร้องด่าทอตามหลังไปชุดใหญ่ แต่ก็ไร้การตอบกลับจากเด็กสาว จึงขับรถกลับที่พักไปอย่างขุ่นเคืองใจ พลางคิดหาวิธีบีบบังคับให้อีกฝ่ายแบ่งเงินให้ เพื่อที่เธอจะได้นำไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ หลังจากได้ยินเสียงรถของแม่เลี้ยงแล่นออกไป เขมมิกาก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง แล้วครุ่นคิดถึงข้อเสนอของหนุ่มหล่อ ซึ่งจะว่าไปแล้ว หากตอบรับ ก็เท่ากับว่าเธอกำลังจะเป็นในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะด่าฟ้ารุ้งไป นั่นก็คือ...นางบำเรอ ‘เฮ้อ...ทำไมเขาต้องทำให้เราลังเลด้วยนะ ทั้งที่ทางออกมันก็แค่ขายไร่แห่งนี้ให้จบๆ ไป’ ด้านขุนพัน...ที่ขับรถกำลังกลับเพนต์เฮาส์อย่างอารมณ์ดี เพื่อให้ทนายเตรียมร่างสัญญาให้เหมือนเช่นเคย แม้ว่าครั้งนี้...จำนวนเงินที่ต้องจ่าย มันอาจจะสูงไปกว่าทุกๆ ครั้ง แต่ก็นั่นแหละ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่ความพอใจ และเธอทำให้เขาพอใจมาก ทั้งเรือนร่างที่อรชรอ้อนแอ้น น้ำเสียง กลิ่นหอมอ่อนๆ ใบหน้างดงามที่ทำให้รู้สึกประหม่าจนหัวใจเต้นแรงตึกตัก ‘พระเจ้า! สวยๆ แบบนี้มากกว่ายี่สิบล้านเขาก็ยอมจ่าย’ เช้าวันต่อมา... เขมมิกาตื่นขึ้นมาก็ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยดังแว่วอยู่ชั้นล่างของบ้าน จึงรีบลุกจากเตียงแล้วเดินลงไปดู ก็เห็นมีอาหารวางเรียงอยู่เต็มโต๊ะ “ตื่นแล้วเหรอคะ” หริ่งที่จัดโต๊ะอาหารเสร็จ ก็หันไปส่งยิ้มหวานไปให้บุตรสาวของเจ้านายผู้ล่วงลับ หลังได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ “ป้าหริ่ง?” เขมมิกามองแม่บ้านที่อยู่กับเธอมานานอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะกลับมาหาเธอ “แฮ่ๆ ป้าเองค่ะ คือว่าป้ากลับไปอยู่บ้านของตัวเองแล้วนอนไม่หลับ ก็เลยนั่งรถกลับมา คุณโยโกะไม่ต้องห่วงเรื่องเงินนะคะ ป้าพอมีเงินเก็บติดตัวอยู่บ้าง ตั้งใจว่าจะอยู่เป็นเพื่อนคุณโยโกะที่นี่จนถึงวินาทีสุดท้ายของไร่เดชาค่ะ” แม่บ้านวัย 57 ปี เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือนิดๆ “ป้าหริ่ง ฮึก...” เขมมิกาน้ำตาคลอหน่วยรีบเดินเข้าไปสวมกอดอีกฝ่ายอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ “โธ่! คนดีของป้า” หริ่งเอ่ยพลางลูบแผ่นหลังบางเบาๆ ขณะที่น้ำตาของเธอเองก็ไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่ “ขอบคุณนะคะที่กลับมาหาโยโกะ” เขมมิกาบอกก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย บรื้น... ขณะที่สองสาวต่างวัยกอดกันร้องไห้ได้เพียงครู่ อยู่ๆ ก็มีเสียงรถกระบะแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน “ใครมาคะ?” เขมมิกายกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง แล้วเงยหน้าขึ้นถามอย่างเต็มไปด้วยความสงสัย “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” หริ่งรีบเช็ดน้ำตาตาม ก่อนจะชะเง้อมองลอดผ่านบานเกล็ดของประตูหน้าต่าง “คุณหนูครับ คุณหนู” น้ำเสียงเรียกที่คุ้นหู ทำให้เขมมิกาผละออกจากแม่บ้าน แล้วเดินแกมวิ่งออกไปที่หน้าบ้าน ทันทีที่เห็นว่าใครยืนอยู่ บ่อน้ำตาที่เพิ่งจะแห้ง ก็เจิ่งนองขึ้นมาอีกครั้ง “ลุงเบิ้ม ป้าดาว” เธอจ้องมองหัวหน้าคนงานกับภรรยา และเหล่าคนงานอีกนับสิบกว่าคนอย่างรู้สึกตื้อไปทั้งหัวใจ “ผมเองครับ ผมกับคนงานจะมาช่วยคุณหนูเก็บลำไยครับ” เบิ้มบอกก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาบุตรสาวของเจ้านายอย่างรู้สึกผิด ที่ทิ้งให้อีกฝ่ายอยู่ที่นี่ลำพัง “ขอบคุณนะคะ ขอบคุณทุกคนมากๆค่ะ” เขมมิกายกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งน้ำตานองหน้า “พวกผมยินดีครับ” เบิ้มกับภรรยารีบเดินเข้าไปสวมกอดบุตรสาวของเจ้านาย ที่เห็นมาแต่อ้อนแต่ออด “ใช่ครับ มาคิดๆ ดูแล้ว พวกผมอยากจะอยู่สู้ไปกับคุณหนูให้ถึงที่สุดครับ” อาทิน (รองหัวหน้าคนงาน) เอ่ยสมทบตามทั้งน้ำตา “ขอบคุณค่ะพี่ทิน” เขมมิกายกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างตื้นตันใจ ในขณะที่คนงานคนอื่นๆ ต่างพากันร้องไห้ หลังจากที่เก็บของออกเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดกันตั้งแต่ตอนเช้ามืดเมื่อวาน แต่พอไปกันได้ครึ่งทางก็รู้สึกผิดที่ทิ้งบุตรสาวของอดีตเจ้านายผู้ล่วงลับเอาไว้คนเดียวในไร่อันแสนกว้างใหญ่ กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น จึงตกลงกันว่าจะอยู่เป็นเพื่อนและช่วยงานเขมมิกาจนกระทั่งสิ้นเดือนหรือจนกว่าอีกฝ่ายจะขายไร่เดชา แล้วค่อยพากันเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดอีกครั้ง “แหม...ดีจังมีคนช่วยทำกับข้าวแล้ว” หริ่งเอ่ยแซวเมื่อเดินออกมาแล้วเห็นคนงานในไร่กลับมากันพร้อมหน้า โดยไม่ได้นัดหมาย “ฉันเป็นแม่ครัวนะยายหริ่ง” ภรรยาหัวหน้าคนงานผละออกจากบุตรสาวของผู้เป็นนาย แล้วหันไปมองค้อนแม่บ้านใหญ่อย่างขำๆ “ทราบแล้วเจ้าค่ะคุณดาว” หริ่งเอ่ยตอบอย่างรู้สึกหมั่นไส้ “พวกผมขอแยกย้ายเอาของไปเก็บก่อนนะครับ พรุ่งนี้ต้องเตรียมตัวเก็บลำไยกันแต่เช้า” อาทินบอกพร้อมกับพยักหน้าให้คนงานขึ้นรถ “ค่ะ ตอนเที่ยงมากินข้าวด้วยกันนะคะ” เขมมิการีบเอ่ยชวนทุกคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ครับ/ค่ะ” คนงานชายหญิงขานรับก่อนจะพากันแยกย้ายขึ้นไปนั่งบนท้ายรถกระบะที่จอดอยู่สามคัน “คุณหนูจะทำอะไรกินดีคะ” แม่ครัวใหญ่ถามยิ้มๆ “หมูกระทะค่ะ” เขมมิกาหันไปตอบทันใด “โอเคค่ะ งั้นขอดาวไปจัดของที่บ้านพักก่อน แล้วอีกชั่วโมงหนึ่งจะไปช่วยคุณหนูซื้อของที่ตลาด” ดาวเรืองบอกกำหนดการ “แกไม่ต้องไปหรอกดาว อยู่เคลียร์สถานที่รอดีกว่า” หริ่งรีบหันไปบอก เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะใช้เวลานาน แล้วทำให้ทุกอย่างล่าช้า “แกยกของไหวเหรอ?” ดาวเรืองถามอย่างเป็นห่วง “สบายมาก” หริ่งพยักหน้าตอบยิ้มๆ “งั้น...ฉันจัดโต๊ะรอนะ” ดาวเรืองบอกยิ้มๆ “ตามนั้น” หริ่งสรุป ก่อนจะชวนคุณหนูกลับเข้าไปทานมื้อเช้าในบ้าน และเตรียมตัวออกไปซื้อของ ในขณะที่คนงานพากันเดินทางกลับไปยังบ้านพักที่อยู่ห่างไปประมาณสามร้อยเมตร สองชั่วโมงต่อมา...ดาวเรืองมองของต่างๆ ที่อยู่บนท้ายรถกระบะอย่างรู้สึกอึ้ง “โห...ซื้อของมาเยอะเลยนะคะ” “จัดเต็มค่ะ” เขมมิกาที่ก้าวออกจากรถเสร็จ ก็เอ่ยตอบยิ้มๆ “คุณหนูจะตั้งเตากี่โมงครับเนี่ย” อาทินเดินเข้ามาถามพร้อมกับช่วยยกของลงจากรถ “อืม...อีกสักชั่วโมงหนึ่งค่ะ เดี๋ยวพี่ทินใส่ถ่านรอย่างได้เลย” เขมมิกาบอกยิ้มๆ “จัดหมูกระทะตอนบ่ายเลยเหรอครับ” อาทินถามอย่างแปลกใจ “ลุงว่าดีแล้วครับ เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องตื่นไปทำงานกัน” เบิ้มเดินเข้ามาบอกพร้อมกับช่วยยกของลงจากรถ “แกจะกินตอนเย็นก็ได้นะทิน” ดาวเรืองหันไปเอ่ยหยอกอย่างขำๆ “แหม...ป้าดาวล่ะก็ ตอนเที่ยงก็ตอนเที่ยงสิครับ” อาทินมองค้อนก่อนหิ้วของเดินตรงไปที่ห้องครัว “เราไปหมักหมูกับทำน้ำจิ้มกันดีกว่าค่ะ” หริ่งเอ่ยชวนด้วยสีหน้ายิ้มๆ หลังช่วยกันขนของลงจากรถเสร็จ “ค่ะ” เขมมิกาขานรับก่อนจะเดินตามกันเข้าไปในห้องครัวใหญ่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ชั่วโมงต่อมา...หลังจากที่หมักหมู ปั่นน้ำจิ้มหมูกระทะ ล้างผัก และเตรียมของต่างๆ เสร็จ ก็ช่วยกันทยอยยกออกไปวางเรียงที่ด้านนอกจนครบ หัวหน้าคนงานก็หันไปบอกลูกน้องทันใด “ทินไปเรียกคนงานมากินหมูกระทะเร็ว” “ครับ” อาทินขานรับก่อนจะมุ่งตรงไปยังรถกระบะคันใหญ่ จากนั้นก็ขับไปตามเส้นทางภายในไร่อย่างรวดเร็ว “ไม่น่าเชื่อนะคะว่าจะเสร็จภายในหนึ่งชั่วโมง” หริ่งหันไปชวนคุย “นั่นสิคะ” เขมมิกาพยักหน้ารับยิ้มๆ “ดีนะคะที่เราซื้อเนื้อหมูแบบที่เขาหั่นและหมักน้ำมันงามาแล้ว เลยประหยัดเวลาไปได้เยอะเลย” หริ่งเอ่ยเสริม เพราะหมูหมักน้ำมันงาที่ซื้อมานั้น แค่เพียงเติมส่วนผสมเครื่องปรุงเข้าไปคลุกเคล้า ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว “ใช่ค่ะ เราตักใส่จานวางตามโต๊ะเลยดีไหมคะ” เขมมิกาเสนอ “ค่ะ/ค่ะ” หริ่งกับดาวเรืองขานรับก่อนจะตักหมูหมักหอมๆ ใส่ถาดใบเล็ก ส่งให้เขมมิกากับเบิ้มเอาไปวางตามโต๊ะต่างๆ ยี่สิบนาทีต่อมา...คนงานที่ล้างตะกร้าใส่ลำไยและทำความสะอาดโกดังเสร็จ ร่วมยี่สิบคนที่เดินทางมาถึงก็พากันเอ่ย “โห...อลังการมากๆ เลยครับคุณหนู” “ถ้าไม่พอลุกไปตักอีกได้ไม่อั้นนะคะ” เขมมิกาบอกพร้อมกับฉีกยิ้มหวานส่งให้กับทุกคน จะว่าไป! ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะถังแตกจนไม่มีเงินติดตัวหรืออะไรหรอก จริงๆ มันก็พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง จึงอยากจะตอบแทนน้ำใจของคนงานที่กลับมาหาเธอ “ครับ/ค่ะ” ทุกคนขานรับด้วยก่อนจะพากันเข้าไปนั่งตามโต๊ะที่จัดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “บรรยากาศเป็นใจซะด้วยนะครับ” เบิ้มออกความเห็น หลังเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าที่มีเมฆหนา บดบังแสงแดดของอาทิตย์ แถมยังมีลงเย็นๆ พัดผ่านมาเป็นระยะๆ อีกด้วย “ใช่ค่ะ” เขมมิกาพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย “โอ้โห...มีทั้งปลาหมึกกรอบ ปลาหมึกสด กุ้ง ตับ สไบ แมงกระพรุน ไส้กรอก ลูกชิ้นปลา เต้าหู้ไข่ไก่ เห็ดเข็มทอง เห็ดหูหนู จัดเต็มจริงๆ ครับคุณหนู” คนงานชายเอ่ยชม “สุดยอดครับ” คนงานอีกคนที่นั่งข้างๆ ก็เอ่ยพลางยกนิ้วให้ “รักคุณหนูที่สุดเลยค่ะ” คนงานหญิงเอ่ยสมทบตามอย่างรู้สึกหิวได้ไม่ขาดคำ อยู่ๆ ก็มีรถสปอร์ตหรูแล่นเข้ามาจอดที่บริเวณหน้าเรือนใหญ่ บรื้น... “รถสวยเว่อร์” อาทินที่กำลังจะเข้าไปนั่งร่วมวงทานหมูกระทะกับคนงาน หันไปมองอย่างรู้สึกตื่นเต้นที่นานๆ จะได้เห็นรถสวยๆ ในระยะใกล้ๆ แบบนี้ คนที่ทำใจกล้าหน้าด้านขับรถเข้ามาในไร่แห่งนี้เป็นครั้งที่สอง ก้าวออกมาจากรถ แล้วหันไปเอ่ยทักทายนางฟ้าคนสวยที่ยืนอยู่ อย่างรู้สึกเขินนิดๆ “สวัสดีครับ” “สวัสดีค่ะ” เขมมิการู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าอย่างบอกไม่ถูก ที่อีกฝ่ายเล่นบุกมาหาแบบนี้ “กำลังจะกินหมูกระทะกันเหรอครับ?” ขุนพันเอ่ยถามพลางหันไปส่งยิ้มและก้มหัวลงนิดๆ ให้กับเหล่าคนงานที่กำลังจับจ้องมายังตนเป็นสายตาเดียว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD