1

2238 Words
ซีรีส์ ‘หลอกเด็ก’ ประกอบด้วย... 1 อุ้มรักอสูรเถื่อน เรื่องราวของหนุ่มเสน่ห์แรงอย่าง...จอมพล สิรางประกรณ์ ที่เรียนจบบริหารธุรกิจ แต่ดันหลงใหลในวิถีชีวิตแบบชาวสวน ปลูกผักออร์แกนิคกับผลไม้หลากหลายสายพันธุ์บนที่ดินหลายร้อยไร่ และยังเป็นเจ้าของคอนโดหรูใจกลางเมือง รวมไปถึงหอพักที่อยู่ใกล้กับมหา’ลัย. ดัง อีกหลายแห่ง เขาเป็นหนุ่มฮอตที่มีข่าวฉาวเรื่องสาวๆ นัดตบตีกันออกสื่อมากที่สุดในกลุ่ม แต่กระนั้น...ก็หาได้แยแสไม่ เพราะชีวิตทั้งหมดของเขา ทุ่มเทให้กับผักและผลไม้ในไร่เพียงอย่างเดียว 2 อุ้มรักจอมบงการ เรื่องราวของหนุ่มหล่อมาดผู้ดีอย่าง...ขุนพัน ดิลกสาร ที่ร่วมหุ้นเปิดบริษัทขนส่งเอกชนภายในประเทศกับเพื่อนรัก และยังทำธุรกิจเนื้อหมัก (โคขุน) รวมไปถึงการเปิดร้านอาหารสไตล์ปิ้งย่างที่มีสาขามากมายอยู่ทั่วประเทศ เขาเป็นชายหนุ่มที่หล่อ รวย และหวงแหนอิสรภาพจัด ถึงขั้นจับสาวที่จะขึ้นเตียงด้วยมาเซ็นสัญญาห้ามเปิดเผยความสัมพันธ์ เพื่อแลกกับค่าตอบแทนราคาแพง 3 อุ้มรักซาตานลวง เรื่องราวของหนุ่มเพลย์บอยตัวพ่ออย่าง...แม่ทัพ อินธิรากรณ์ เสี่ยใหญ่ใจป้ำ เจ้าของค่ายมวยดังและเป็นเจ้าของฟาร์มโคขุนขนาดใหญ่ อีกทั้งยังร่วมหุ้นทำบริษัทขนส่งภายในประเทศกับขุนพันจนขึ้นมาติด TOP 10 หนุ่มหล่อรวยแห่งปี ทำให้เหล่าดารา-นางแบบในวงการต่างพากันถวายตัวให้อย่างไม่ขาดสาย แต่เขาก็ไม่เคยยอมให้สาวคนไหนเข้ามามีอิทธิพลในชีวิต ตอนที่ 1 โยโกะ เขมมิกา พิกุลณากร เด็กสาวที่บ้านล้มละลาย บิดาก็ชิงตัดช่องน้อยแต่พอตัว แต่ทว่า...หนี้สินต่างๆ ไม่ได้ตายตามบิดาไปด้วย ทุกอย่างยังคงอยู่เช่นเดียวกับแม่เลี้ยง ซึ่งพยายามบีบให้เธอขายบ้านไร่เดชาชดใช้หนี้สินและแบ่งเงินให้กับอีกฝ่าย ­­ เธอเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ต่อ มืดแปดด้าน ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร คิดอยู่อย่างเดียวคืออยากจะรักษาความทรงจำสุดท้ายของพ่อกับแม่ บนผืนดินแห่งนี้เอาไว้ให้นานที่สุดตราบเท่าที่เธอยังมีลมหายใจอยู่ แต่นั่นดูจะเป็นเพียงความฝันของเด็กสาวที่เพิ่งจะเรียนจบปริญญาตรี ใช้หลอกตัวเอง ขณะที่กำลังขบคิดถึงปัญหาและนั่งจ้องมองทิวทัศน์ของไร่ อยู่ๆ ก็มีรถสปอร์ตหรูแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน...ซึ่งไม่มีแม้แต่คนงานหลงเหลืออยู่สักคน เพราะหลังงานศพของบิดา แม่เลี้ยงก็ประกาศสถานะทางการเงินว่าไม่มีปัญญาจะจ้างใครต่อ จากนั้นอีกฝ่ายย้ายออกไปอยู่ข้างนอก โดย 2-3 วันจะขับรถแวะเข้ามาเกลี้ยกล่อมให้เธอขายบ้านและไร่แห่งนี้ ชายหนุ่มที่สูงราวๆ 190 เซนติเมตร ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลา เพราะถูกรายล้อมด้วยเคราที่ตัดแต่งมาอย่างดี ทำให้ดูมีเสน่ห์ คมคาย นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทาอ่อน คล้ายหนุ่มลูกครึ่งทางฝั่งยุโรป ก้าวออกมาจากรถและส่งยิ้มอันแสนจะสะกดใจมาให้ พร้อมกับเอ่ยทักทาย “สวัสดีครับ ผมขุนพัน ดิลกสาร” เขมมิกาที่กำลังเหม่อลอย ถึงกับตื่นตกใจ กระพริบตามองซ้ำๆ อย่างคนที่ทำอะไรไม่ถูก ‘เขามีถ่ายหนังถ่ายโฆษณากันแถวนี้หรือเปล่านะ?’ เธอถามตัวเองในใจพลางจ้องมองเขาอย่างเอียงอาย ก่อนจะเอ่ยทักทายตอบไปอย่างเขินๆ “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ โยโกะ มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” “เอ่อ...ผมจะมาขอเที่ยวชมไร่น่ะครับ คุณโยโกะช่วยพาผมทัวร์ไร่หน่อยจะได้ไหม” ขุนพันถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ เดาว่าสาวเจ้าคงจะเพิ่งตื่น เพราะหน้าสด มัดผมขึ้นสูง ใส่เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่กับกางเกงนอนสีฟ้าอ่อน แลดูคล้ายเด็กสาวอายุ 16-17 ก็ไม่ปาน แต่กระนั้น...เธอก็ยังดูสวยและมีเสน่ห์เย้ายวนสมคำล่ำลือที่ได้ยินมาค่อนข้างจะหนาหู “ได้ค่ะ” เขมมิกาฉีกยิ้มให้อีกฝ่ายบางๆอย่างเข้าใจ ‘อ้อ! ที่แท้ก็มาดูไร่ ข่าวไปไกลเหมือนกันนะเนี่ย ขนาดคนไม่รู้จักไม่เคยพบหน้า ก็ยังขับรถมาดูที่’ “คุณอายุเท่าไหร่เหรอครับ?” ขุนพันเอ่ยถามพร้อมกับออกเดินนำ เพื่อจะเบี่ยงเบนสายตาของตัวเองให้หันไปมองทิศทางอื่น ที่ไม่ใช่ใบหน้าอันงดงามนั้น “22 จะ 23 ค่ะ” เขมมิกาออกเดินตามร่างสูงสมบูรณ์แบบที่ดูราวกับ ท็อปโมเดลไปด้วยหัวใจสั่นๆ “กำลังเรียนอยู่เหรอครับ?” ขุนพันหันไปเอ่ยถามพร้อมกับจ้องมองใบหน้างามอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ “เรียนจบแล้วค่ะ กำลังจะเข้าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า” เขมมิกาบอกด้วยสีหน้าเจื่อนๆ เมื่อนึกไปถึงแผนที่ตัวเองวางไว้ ว่าหากขายไร่เดชาเมื่อไหร่ เธอก็คงจะย้ายไปอยู่คอนโดที่พ่อซื้อให้ตอนเรียนอยู่ปีหนึ่งอย่างถาวร และเข้าทำงานในบริษัทที่มีความมั่นคงระยะยาว ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากคอนโดของเธอเท่าไหร่นัก “ผมได้ข่าวว่าคุณจะขายที่ดินผืนนี้” ขุนพันเอ่ยเข้าเรื่องอย่างไม่รอช้า “...” เขมมิกาถึงกับสตั๊นไปทันใดกับคำถามตรงๆ ของอีกฝ่าย “ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่าครับ?” “เปล่าค่ะ ฉันแค่ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะขายดีหรือเปล่า” เขมมิกาตอบพลางส่ายหน้านิดๆ “แสดงว่าลึกๆ แล้วคุณไม่อยากขายมัน” “ใช่ค่ะ ฉันวิ่งเล่นบนที่ดินผืนนี้มาตั้งแต่เด็กๆ” “แต่ผมทราบมาว่ามันกำลังจะถูกธนาคารยึดในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า” ขุนพันกัดฟันเอ่ยเรื่องที่รับรู้มา เพื่อจะปูทางสู่บทสนทนาต่อไป “ค่ะ” เธอเอ่ยรับด้วยสีหน้าเศร้าๆ เพราะชายหนุ่มไม่ใช่คนแรกที่เข้ามาคุยเรื่องนี้กับเธอ อย่างน้อยก็ยังมีฟ้ารุ้งอีกคน ที่พยายามอยากจะให้เธอขายไร่แห่งนี้ให้กับคนที่ติดต่อผ่านอีกฝ่ายมา “ขอโทษด้วยที่ผมเสียมารยาท” ขุนพันรีบบอก เมื่อเห็นใบหน้างามเศร้าสลดลงไปทันตา “ไม่เป็นไรค่ะ ต่อให้วันพรุ่งนี้ฉันถูกรางวัลที่หนึ่งก็คงไม่สามารถจะโอบกอดทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้เหมือนเดิมได้ ที่ฉันยังคงอยู่ที่นี่ก็เพราะอยากจะซึมซับทุกช่วงเวลาไปจนถึงวินาทีสุดท้ายก็เท่านั้น” “คุณติดหนี้ธนาคารเท่าไหร่ครับ” ขุนพันเอ่ยถามทั้งที่รู้เรื่องจากคนสนิทที่ให้ตามสืบมาหมดแล้ว “20 กว่าล้านค่ะ” เขมมิกาบอกก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกเครียดนิดๆ “ถ้าขายที่นี่ราคาก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 70 กว่าล้านบาท” ขุนพันประเมินราคาที่ต่ำสุดให้ฟังคร่าวๆ “มั้งคะ” เขมมิกาพยักหน้ารับ เบาๆ กับตัวเลขที่ฟ้ารุ้งเองก็เคยเข้ามาเสนอให้เธอ เมื่อสองอาทิตย์ก่อน “คุณเป็นทุกข์กับเงิน 20 กว่าล้านบาท แต่ไม่ยอมเป็นสุขกับเงินอีก 50 ล้านบาทที่จะได้?” “ของบางอย่าง...วัดที่เงินไม่ได้ค่ะ แค่คิดว่าจะต้องขาย ใจของฉันก็ไม่เคยเป็นสุขอีกเลย” “แล้วถ้ามีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างที่ทำให้ไม่ต้องขายที่ผืนนี้ล่ะครับ” ขุนพันเอ่ยถามหยั่งเชิง “ฉันยินดีจะทำมันทันทีเลยค่ะ” เขมมิกาหันไปตอบยิ้มๆ กับข้อสมมุติของอีกฝ่าย “...” ขุนพันได้ฟังคำตอบก็แอบจุดพลุในใจอย่างเข้าทาง “มีอะไรหรือเปล่าคะ” เขมมิกาถามอย่างแปลกใจที่อยู่ๆ เขาก็เงียบไป ขุนพันหันไปจ้องมองใบหน้างามนิ่ง ก่อนจะยื่นข้อเสนอ “ถ้าคุณยอมเป็นผู้หญิงของผมภายใต้สัญญาและเงื่อนไขที่จะไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ ยี่สิบล้านเป็นราคาที่สูงมาก แต่ผมยินดีจะล้างหนี้ที่ธนาคารให้กับคุณ” “หมายความว่า...” เขมมิกาถามกลับด้วยหัวใจสั่นๆ “ก็ตามที่ผมเสนอไปครับ มันอาจจะฟังดูทุเรศและเห็นแก่ตัวไปสักนิด แต่หากคุณไม่อยากจะขายไร่จริงๆ ก็รับไว้พิจารณาดูก่อน หรือหากอยากจะขายที่จริงๆ ก็รบกวนติดต่อผมมาเป็นคนแรก” ขุนพันบอกทางเลือกอย่างใจเย็น ขณะเดียวกันก็แปลกใจที่สาวเจ้าไม่ได้โกรธ แต่กลับมีท่าทีนิ่งกว่าที่คิด “...” เขมมิกาอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ กับสิ่งที่เธอนั่งคิดในใจไปก่อนหน้าที่เขาจะมาเพียงไม่กี่นาที ว่าขอให้มีปาฏิหาริย์ช่วยให้เธอไม่ต้องเสียไร่แห่งนี้ไป ไม่ว่าข้อแลกเปลี่ยนนั้นจะเป็นอะไร เธอจะยอมทำตามอย่างไม่มีข้อแม้ ‘หึ! นี่สินะ! ข้อแลกเปลี่ยนที่ว่า’ “โยโกะ! คุณโอเคไหม?” ขุนพันเอ่ยถามอย่างรู้สึกเป็นกังวลนิดๆ ที่สาวเจ้าใช้เวลาคิดคำตอบนาน “เมื่อกี้คุณพูดจริงเหรอคะ” เขมมิกาเงยหน้าขึ้นถาม พร้อมกับปลอบตัวเองในใจ ‘เอาน่าโยโกะ! อย่างน้อยเขาก็หล่อบาดใจ ไม่ได้อายุ 50-60 สักหน่อย’ “จริงสิ! ผมพูดจริงทุกคำครับ” ขุนพันยืนยันเจตนาและข้อเสนอ “แล้วฉันต้องอยู่ภายใต้สัญญาไปกี่ปีคะ” เธอถามพลางลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ “5 ปีครับ” ขุนพันส่งยิ้มบางๆ ไปให้ หลังสาวเจ้ายอมเปิดใจ “หมายถึง...ถ้าครบ 5 ปีแล้วฉันจะ...” “คุณจะเป็นอิสระจากพันธะทุกอย่าง และจะได้ครอบครองที่ดินผืนนี้ต่อโดยสมบูรณ์ นี่เบอร์โทรของผม หากคุณสนใจ คืนนี้ผมจะให้ทนายร่างสัญญามาให้คุณอ่านดูคร่าวๆก่อน” ขุนพันบอกพร้อมกับล้วงมือถือออกมาให้สาวเจ้ากดเพิ่มไอดีไลน์ลงไปในช่องเพิ่มเพื่อน “ค่ะ” เขมมิการับมือถือของเขามากดใส่ไอดีไลน์ของตัวเองลงไป จากนั้นก็กดค้นหา แล้วเพิ่มเพื่อนไปพร้อมกับส่งสติ๊กเกอร์ให้ตัวเอง ก่อนจะส่งมือถือคืนให้อีกฝ่าย ‘เอาน่า ไหนไหนก็มาถึงขั้นนี้แล้ว โลกสวยไป ก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนอะไรได้นะโยโกะ’ “เอ่อ...ยังไงผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีต้องไปธุระต่อ” ขุนพันรับมือถือมาเก็บใส่กระเป๋า พลางเหลือบมองใบหน้างดงามอีกครั้งอย่างดีใจ ที่สาวเจ้ายอมรับฟังเงื่อนไขของข้อเสนอ “ค่ะ” เขมมิกามองตามร่างที่ดูสูงสง่าและดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า เข้าไปนั่งในรถ “ผมไปก่อนนะ” ขุนพันส่งยิ้มหวานไปให้นางฟ้าคนสวย ก่อนจะกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์อย่างครึ้มอกครึ้มใจ “ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ” เธอส่งยิ้มตอบอย่างรู้สึกเขินๆ “ครับ” ขุนพันขานรับก่อนจะขับรถออกไปตามทาง เขมมิกายืนมองตามอยู่ครู่หนึ่ง ก็เตรียมจะเดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกที่สับสน เหมือนจะดีใจ เสียใจและหน้าชานิดๆ อยู่ในคราเดียวกันอยู่ๆ ก็มีรถเก๋งแล่นเข้ามาจอดห่างจากจุดที่เธอไปเพียงสามคืบ บรื้นนนน หญิงสาววัย 41 ปี รูปร่างอวบ ก้าวออกมาจากรถแล้ว เอ่ยถามด้วย สีหน้าตื่นๆ “เขาอยู่ไหน?” “คะ...ใครคะ?” เขมมิกาถามกลับด้วยสีหน้าซื่อๆ “ก็คนที่มาดูไร่ไง?” ฟ้ารุ้งเริ่มจะไม่สบอารมณ์ที่เด็กสาวทำมึนใส่ “ไม่มีนี่คะ” เธอยังคงยืนยันในคำตอบเดิม “ไม่มีได้ยังไง ก็ยัยน้ำเพิ่งจะโทรไปบอกฉันว่ามีรถสปอร์ตหรูขับเข้ามาที่นี่” ฟ้ารุ้งขึ้นเสียงใส่อย่างโมโห เพราะผิดหวังที่พอเปิดพินัยกรรมเสร็จ ทรัพย์สินทุกอย่างเป็นของเขมมิกาทั้งหมด รวมทั้งหนี้สินที่ยังคงติดค้างกับธนาคาร ซึ่งหากอีกฝ่ายขายไร่เดชาเมื่อไหร่จะมีเงินไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท และเธอต้องได้ครึ่งหนึ่งในฐานะภรรยาของพ่อเลี้ยงธนินที่อยู่กินกันมาได้ 5 ปีกว่าๆ “คนหลงทางน่ะค่ะ” เขมมิกาบอกอย่างรู้สึกขำๆ กับอาการร้อนรนของหญิงสาวที่สุดแสนจะตอแหล นี่หากพ่อของเธอยังอยู่ อีกฝ่ายคงไม่กล้าขึ้นเสียงใส่เธอแบบนี้ “จริงเหรอ?” ฟ้ารุ้งถามย้ำอย่างไม่เชื่อ “มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ” เขมมิกาถามตัดบททันที “อย่าให้ฉันรู้ว่าเธอแอบขายที่โดยไม่บอกฉัน” “ทำไมต้องบอกด้วยล่ะคะ คุณเองก็ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับคุณพ่อ จะมาเรียกร้องอะไร” เขมมิกายกยิ้มมุมปากขึ้นนิดๆ ที่อีกฝ่ายเรียกร้องสิ่งที่ไม่ควรได้ เพราะก่อนจะมาอยู่ที่นี่ บิดาของเธอก็ได้เรียกคนงานในไร่มารวมตัวกันและประกาศต่อหน้าทุกคนว่า หากวันใดที่ท่านจากไปอย่างกะทันหัน!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD