ตอนที่4 บ้าบอ
เก้า นักร้องหนุ่มมาดเซอร์เจ้าของคิ้วเข้มหนา ริมฝีปากหยักสวย นักศึกษาคณะบริหารปีที่สี่ เพียงแววตาวาวระยับก็ดึงดูดใจบรรดาสาวไฮโซอยู่หมัด บีน่ามองเขาจากชั้นสองของผับอย่างภูมิใจ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ชนะที่ได้หัวใจของหนุ่มเจ้าเสน่ห์คนนี้
“อิทธ์ มานั่งด้วยกันสิ” สองเท้าที่กำลังจะเดินผ่านกลุ่มของบีน่าไปหยุดชะงัก เพื่อนเธอก็ชวนเขานั่งด้วยทุกคืนเขาก็นั่งด้วยบ้างไม่นั่งด้วยบ้าง
“มึงก็พยายามนะสรพงษ์ ชวนทุกคืน”
“อีเจ๊! หยุดเรียกกูด้วยชื่อนั้น”
พรึ่บ
อิทธิกรนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับบีน่า แต่มันเป็นที่นั่งที่เธอเว้นไว้ให้นักร้องหนุ่มต่างหาก
“ขอให้การที่ลูกถวายดอกบัวพระแม่ตลอดมาช่วยเพื่อนของลูกได้ปัวเร็ว ๆ ด้วยเถอะนะคะ”
“ไปนั่งกับเจแปนสิ ตรงนี้ฉันเว้นไว้ให้เก้า”
“อีเจ๊! นั่นเจ้าของร้านค่า” บีน่าไม่สนใจเสียงเพื่อนเพราะที่ว่างข้างเธอมันควรว่าง อยู่ ๆ มานั่งเก้าก็ไม่มีที่นั่งสิ
“นาย ไปนั่งกับเจแปน”
“ก็ให้ไอ้เก้ามันนั่งตรงนั้นสิ”
“นี่! เก้าน่ะคนสำคัญของฉัน นายไม่ใช่” บีน่าพูดแข่งกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม และเธอมัวแต่สนใจเขาเลยไม่ได้รู้ว่าคนที่เธอรอไม่ได้ลงจากเวทีแล้วตรงมาหา จนจังหวะเพลงเปลี่ยนเป็นของดีเจเธอถึงรู้ตัว
“เก้าลงแล้วเหรอ ไปไหนแล้วล่ะ”
“ชะนีโต๊ะอื่นคาบไปแดกแล้วมั้ง”
“อีเจ! ปากเหรอน่ะที่พูด” เจแปนกรอกตาใส่เธอหลายตลบ บีน่าเล่นตามเฝ้าพ่อนักร้องคารมดีเป็นผีเจ้ากรรมนายเวร 'หลงเกิ๊น’
“เพิ่งเจอกันได้กี่วัน มันสำคัญขนาดนั้น”
“ยุ่ง”
“เจอวันเดียวอีนี่มันก็คบแล้วอิทธ์ มันขาดความอบอุ่นจากผู้ชาย”
“รักแท้ไม่ต้องการเวลาไม่เคยได้ยินเหรอ”
“จ้า เดี๋ยวร้องไห้เหมือนหมากูจะซ้ำให้” บีน่ายกแก้วเหล้าขึ้นดื่มลืมไปเลยว่าเก้าตัวเองหายไปไหน พักหนึ่งจึงนึกขึ้นได้
“มึง เก้าหายไปนานแล้วนะ”
“ป่านนี้เสร็จกันไปหลายน้ำแล้วอีเจ๊ เรื่องอื่นฉลาดแต่เรื่องแบบนี้ล่ะโง่นัก” ลูกศรถูกเจ้าตัวเบะปากใส่เมื่อต่อว่าให้เธอมีสติ ทุกคนระแวงว่าบีน่าจะเอาตัวรอดจากการถูกหักหลังไม่ได้
พรึ่บ
“มึงจะไปไหน”
“กูจะไปดูเก้า เผื่อไปเป็นลมตรงไหน”
“โอ๊ย! อีนี่ก็เกิดโลกสวยขึ้นมา ไปเลยไปหารอบเดียวไม่เจอก็กลับมานั่งที่เดิมค่ะ” หญิงสาวเดินผ่านหน้าเจ้าของผับไปราวกับเขาไร้ตัวตน กลิ่นหอมกรุ่นจากน้ำหอมแบรนด์เนมช่างชวนขย้ำจนเผลอหลุดเข้าไปในภวังค์ชั่วหนึ่ง
“อิทธ์ ช่วยอีเจ๊มันหน่อยสิ”
“ช่วย? เรื่องอะไร”
“อีเจ๊มันดูฉลาดนะ แต่มันโง่ ไอ้เก้าปอกมันเหลือแต่อะโบ๊ะจะมะแน่”
“ผมไม่ยุ่งเรื่องของพนักงานหรอก”
“ก็คิดซะว่ายุ่งเรื่องของอีเจ๊สิ ไม่สนใจมันบ้างเหรอ มันสวยกว่าดาราอีกน้าาา” ลูกศรตะล่อมชายหนุ่มแต่คงลืมไปว่าอิทธิกรนั่นก็เสือตัวหนึ่ง คนสวย ๆ เขาผ่านมามากแล้ว
“ผมไม่ยุ่งดีกว่า เพื่อนพี่ลูกศรร้ายจะตาย”
“ไม่เจอว่ะ แต่รถมอเตอร์ไซต์น้องยังจอดอยู่”
“ตามห้องน้ำชายมึงดูยัง”
“ดูแล้ว อย่างกับรังผสมพันธุ์แหนะ ผับนายนี่น่าจะสร้างโรงแรมใกล้ ๆ นะ จะได้ไม่ต้องไปเอากันในห้องน้ำ” คนหน้างอบ่นยาวเหยียดแต่ยังมิวายออกความคิดเห็นเชิงธุรกิจ
“มานั่งลงอีเจ๊ เดี๋ยวน้องมันคงมาเองแหละ” หลังจากที่นั่งลงข้างอิทธิกรดังเดิมบีน่าก็เงียบขรึมผิดนิสัยของเธอ
“ถามจริง ๆ นะอีเจ๊ มึงได้กันยัง”
“หึ”
“เออ ก็ยังดีที่มึงยังไม่ยอม”
“ยอม เร็ว ๆ นี้แหละกูต้องเสียตัว อี เจ แปน” อิทธิกรเกือบสำลักเหล้าฝีมือการชงจากลูกศร ‘บ้าบออะไรของยัยเจ๊นี่วะ’ เขายังลบภาพผู้บริหารวันนั้นของเธอไม่หมดจากสมองเลย
“รักษาภาพพจน์หน่อยก็ได้มั้ง”
“พี่บีรอผมอยู่หรือเปล่าครับ” หนุ่มหน้าใสเดินกลับเข้ามาในผับอีกหลังออกไปแล้วครั้งหนึ่งเกือบครึ่งชั่วโมง
“เก้า หายไปไหนมาไม่เห็นบอกพี่เลย”
“มอเตอร์ไซต์ของผมน่ะสิครับงอแงตั้งแต่มาแล้ว เลยไปดูสักหน่อยว่าอาการเป็นยังไง” เหมือนโลกทั้งใบในตอนนี้ไม่มีใครอีกเมื่อบีน่าขยับตัวเบียดเจ้าของผับเพื่อให้เก้ามีที่นั่ง อิทธิกรลอบมองเสี้ยวหน้าหญิงสาวด้วยความหมั่นไส้ชั่วขณะก่อนจะยอมถอนตัวออกไป ‘ก็เมื่อกี้บอกเจอแต่มอเตอร์ไซต์แล้วทำไมไม่เจอกัน’
“ช่วงนี้มีคนเอาอะไรแปลก ๆ เข้ามาในผับหรือเปล่า กูรู้สึกว่ามีจับคู่กันมากกว่าเมื่อก่อน”
“มีครับ รักแรกพบ”
“คืออะไร”
“พวกเด็ก ๆ มันเอาเหล้าผสมกับยาคลายเครียดและก็อะไรอีกนี่แหละเฮีย แต่มันไม่ใช้ยาเสพติดนะเพราะตรวจฉี่ไม่เจอ” อิทธิกรนั่งขมวดคิ้วคิดตามที่ผู้จัดการร้านรายงาน ถึงจะไม่กลัวกฏหมายแต่การไม่มีสิ่งเหล่านั้นในผับย่อมดีกว่า รักแรกพบ… ต้องลองสักหน่อย