ใช้เวลาจัดการตัวเองประมาณสิบนาทีก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ทว่าเสื้อฉันมันเปียกแล้วก็บางมากเลยต้องใช้กระเป๋าสะพายมาปิดตรงส่วนหน้าอกไว้กันโป๊
“อ้าว! พี่สายฟ้า”
ตกใจที่ออกมาจากห้องน้ำหญิงก็เห็นพี่สายฟ้ายืนอยู่เหมือนกำลังดักรอฉัน
“นี่ครับ”
เสื้อแจ็กเกตสีเทาเข้มถูกยื่นมาให้
“ขอบคุณค่ะ”
ฉันรู้ความหมายดีเลยไม่ต้องซักถามว่าเขาเอามาให้ฉันทำไม รีบหยิบเสื้อตัวนั้นมาสวมทับเสื้อที่เปียกน้ำทันที
“น้องมินรออยู่ด้านนู้น”
เหมือนรู้ใจว่าฉันจะถามอะไรอีกคนเลยรีบเอ่ยบอกแล้วเดินนำทาง
“กลับกันเลยไหม”
พอมาถึงมินตรารีบเอ่ยถามเพราะวันนี้ฉันอาศัยรถเธอมา
“อืม” ฉันพยักหน้าตอบแล้วหันไปมองพี่สายฟ้า
“เดี๋ยวน้ำซักมาคืนนะคะ”
“ไม่ต้องเกรงใจครับ เดี๋ยวพี่เดินไปส่งที่รถ”
เป็นผู้ชายที่ทั้งหล่อและอบอุ่นจริง ๆ แต่น่าแปลกใจตรงที่จนป่านนี้พี่เขายังไม่มีแฟนสักคน ไม่รู้ว่ามีลับ ๆ หรือเปล่า แต่เท่าที่เรายังคงติดต่อกันอยู่ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนโทร. หาเขาหรือแม้แต่ข้างกายเขาจะมีผู้หญิงเข้ามาพัวพันเลยสักคน
“แป๊บนะ”
กำลังเดินรั้งท้ายเพื่อน ๆ มือถือฉันก็สั่นขึ้น
“ค่ะเฮียมาคส์”
คุณแฟนสุดที่รักโทร. มาน่ะ
[ออกมาหรือยัง]
“กำลังลงไปชั้นจีค่ะ”
รถยัยมินยอกอยู่ชั้นนั้นน่ะ
[ไม่ต้องไปที่นั่น ฉันรออยู่ลายน้ำพุหน้าห้าง]
“คะ? เฮียมาคส์มารับน้ำ?”
[อืม รีบลงมาเลยฝนกำลังจะตก]
อา...แอบมารับฉันก็ไม่บอกกันสักคำ ดีนะที่ยังไม่ออกจากห้างไม่งั้นคงคลาดกันไปแล้ว
“เดี๋ยวน้ำบอกยัยมินกับพี่สายฟ้าก่อนนะคะ”
ตัดสายอีกคนเสร็จจึงรีบเรียกทั้งสองคนที่เดินนำหน้าไปที่ประตูลิฟต์
“น้ำวานพี่สายฟ้าลงไปส่งยัยมินทีนะคะ พอดีเฮียมาคส์รออยู่ด้านล่างน่ะค่ะ”
“อ้าว เฮียมาคส์มาเหรอ”
ฉันพยักหน้าตอบเพื่อนสนิท
“งั้นแกรีบไปเถอะ พี่สายฟ้าไม่ต้องไปส่งมินก็ได้ค่ะ เราแยกกันตรงนี้เลยแล้วกันจะได้ไม่เสียเวลา”
ฉันเลิกคิ้วถามเธอทางสายตาว่าแน่ใจนะที่ตัดสินใจแบบนี้
“เอางั้นเหรอ” พี่สายฟ้าเลิกคิ้วมองฉันกับมินตราสลับกัน
“ไม่ต้องคิดมากค่ะ นี่ในห้าง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก”
ดูเพื่อนฉันพูดเข้าสิ ไม่รู้จักกลัวภัยรอบตัวเลย
ติ๊ง!
ก่อนที่จะได้ยื้อกันไปกันมา ประตูลิฟต์ก็เปิดออก ยัยมินเลยรีบเข้าไปข้างในคนเดียวก่อนจะโบกมือลาพวกเรา
“งั้นพี่เดินลงไปส่งเราแล้วกัน วันนี้พี่กลับแท็กซี่”
“รถเสียเหรอคะ?”
“เปล่าครับ พอดีตอนคุณยากิตะโทร. มาพี่กำลังเดินถ่ายวิวแถวนี้อยู่พอดี”
อ้อ แบบนี้นี่เอง
“งั้นเดี๋ยวน้ำให้เฮียมาคส์ไปส่งดีไหมคะ”
“พี่ว่าอย่าเลยครับ เกรงใจแฟนเรา” พี่สายฟ้ายิ้มหล่อให้ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำฉันลงบันไดเลื่อนเพื่อนไปส่งที่หน้าห้าง
ปี๊ด ๆ
เสียงรถสปอร์ตคันหรูสีแดงเพลิงบีบแตรเรียกตอนที่ฉันกำลังมองหารถเขาอยู่พอดี
“ไม่ให้น้ำไปส่งแน่นะคะ”
ถามอีกคนที่อุตส่าห์เดินมาเป็นเพื่อให้แน่ใจ
“ครับ พี่เดินไปสองช่วงตึกก็ถึงรถแล้ว”
เอ้า! ไหนตอนแรกบอกจะกลับแท็กซี่
แต่ช่างเถอะ อากาศคงดี พี่สายฟ้าเลยอยากเดินกินลมถ่ายภาพธรรมชาติไปด้วยมั้ง
“ไว้น้ำจะซักมาคืนนะคะ”
ฉันจับชายเสื้อแจ็กเกตขึ้นสำทับคำพูด อีกคนเลยพยักหน้ายิ้มให้แล้วเป็นฝ่ายเดินจากไปก่อน
ปึง!
รีบวิ่งมาขึ้นรถเพราะกลัวอีกคนจะรอนาน
“เสื้อใคร?”
ทันทีที่ขึ้นรถเฮียมาคัสก็จ้องเสื้อแจ็กเกตบนตัวฉันด้วยสีหน้าราบเรียบ ทว่าแววตาเหมือนมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่
“พอดีน้ำซุ่มซ่ามทำน้ำส้มหกใส่เสื้อ พอไปล้างในห้องน้ำเสื้อมันเลยบาง พี่สายฟ้าเลยให้ยืมเสื้อมาคลุมค่ะ”
ปากอธิบาย มือก็ยื่นไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด
ทว่า...
หมับ!
มือฉันถูกหยุดก่อนที่จะได้เสียบตัวเข็มขัดเข้าช่องเสียบ
“ถอด”
“คะ?”
“ถอดเสื้อออกครับ”
อา...ทำไมน้ำเสียงฟังแล้วดูเยือกเย็นแบบนี้นะ นี่เขาไม่พอใจอะไรอยู่งั้นเหรอ
“จะถอดเองหรือให้ฉันถอด”
สายตาเขาบ่งบอกว่ากำลังหงุดหงิดอย่างมากที่มีเสื้อตัวนี้อยู่บนตัว
“ถ้าฉันถอด...มันอาจจะหลุดทั้งชุด”
“น้ำถอดเองค่ะ”
นี่ก็ขยันแกล้ง ใครจะบ้าให้เขาทำแบบนั้นกลางวันแสก ๆ กันเล่า
เฮียมาคัสพาฉันมาส่งที่คอนโดฉันเองโดยที่ตลอดทางเขาไม่ชวนฉันคุยเลยสักคำ จนมาถึงคอนโดเขาก็เอาแต่จอกรถนิ่งไม่ยอมมองหน้าฉันด้วยซ้ำ
“โกรธน้ำเหรอคะ”
พอจะเดาอารมณ์เขาออกแหละ แต่ยังคิดไม่ตกว่าเขาโกรธเรื่องอะไร
“คิดว่าไงครับ”
แม้ท้ายประโยคจะมีหางเสียง แต่เส้นเสียงเขาแข็งประมาณหนึ่งเลย
“อย่าคิดมากสิคะ พี่สายฟ้าก็แค่หวังดี”
“ครับ หวังดี แต่ฉันไม่ชอบให้มีของผู้ชายคนอื่นมาอยู่บนตัวของรักของฉัน”
เสียงเขาฟังดูกรุ่นโกรธ ทว่ามีเส้นเสียงของความอบอุ่นซ่อนอยู่ตรงคำว่า ‘ของรักของฉัน’ จนหัวใจดวงเล็ก ๆ ฉันเต้นตึกตัก ๆ แทบควบคุมไม่ได้
“หึงน้ำ?”
“ไม่ให้หึงเราแล้วจะให้หึงใคร หืม?”
แก้มฉันร้อนผะผ่าวเมื่อสายตาอีกคนจ้องมา
เฮียมาคัสค่อย ๆ ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จนฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา
“จำไว้น้ำแข็ง เธอคือของรักของฉัน อย่าให้ใครแตะต้องเธอได้ นอกจากฉันคนเดียว”
หน้าผากฉันอุ่นวาบขึ้นมาทันทีเมื่อริมฝีปากหยักลึกจู่โจมลงมาอย่างแผ่วเบา
“ขึ้นห้องเถอะ ฉันยังต้องไปดูงานที่ไซต์งานอีก คืนนี้ดึก ๆ จะมาหานะ”
เหมือนถูกมนตร์สะกดของอีกคน ฉันทำได้แค่พยักหน้าแล้วเดินลงมาจากรถหรูคันนั้น
ยกมือขึ้นจับหน้าผากที่ยังมีความอุ่นจาง ๆ ให้รู้สึกได้อยู่ ยกมือกุมแก้มทั้งสองข้างเมื่อรู้สึกว่ามันร้อนมากโดยเฉพาะเวลคิดถึงประโยคนั้นของเขา
‘จำไว้น้ำแข็ง เธอคือของรักของฉัน อย่าให้ใครแตะต้องเธอได้ นอกจากฉันคนเดียว’
“คนบ้า! มาพูดให้เขินแล้วก็ชิ่งเนี่ยนะ”
เหมือนฉันจะยังไม่ชินกับคำหวานของผู้ชายคนนี้สักเท่าไร
ค่อย ๆ เดินไปกดลิฟต์เหมือนคนถูกสะกดจิต
แบบนี้ต้องโทร. ไปเมาต์อวดพวกยัยมินตรากับบรรดาเจ๊ ๆ สักหน่อยแล้วละ
[แหวะ อิจฉาคนมีฟามรัก] เสียงเจ๊สุ่ม
[กำลังจะกินก๋วยเตี๋ยว สงสัยน้ำตาลไม่ต้องใส่แล้วละงานนี้] เจ๊บอลลูนเอาบ้าง
[นี่ตั้งใจโทร. มาขิงให้พวกเราอิจฉากันว่างั้น] ยัยมินตราก็ไม่ไว้หน้าเพื่อนเลยนะยะ
“ช่วยรับฟังหน่อยเถอะ หลัง ๆ เฮียมาคส์รุกหนักมาก น้ำยังไม่ค่อยชินน่ะ”
พูดไปก็เขินไป
[โอ๊ย หน้าแดงใหญ่แล้วลูกฉัน]
[เจ๊สุ่ม เราควรต้องตัดชุดเพื่อนเจ้าสาวไว้รอไหมอะ]
[เออ พูดถูก สงสัยคงต้องรีบตัดแล้วละ หวานไม่เกรงใจมดขนาดนี้]
ดูพวกเจ๊ ๆ ฉันสิ แซวใหญ่เลย รู้งี้ไม่น่าโทร. มาเมาต์ให้พวกเธอฟังเลยจริง ๆ
[แบบนี้พรุ่งนี้พวกเราคงไม่ได้ฉลองวันเกิดกันแล้วสิ]
มินตราพูดเหมือนตัดพ้อ
“ตายจริง!”
ฉันอุทานขึ้นอย่างตกใจจนคนที่ประชุมสายกันอยู่ต่างมองตาขวาง
[มดกันกีเหรอคะลูกขา ร้องซะตกใจเลย] เจ๊บอลลูนแขวะเข้าให้
“ขอโทษทีค่ะ น้ำลืมเรื่องสำคัญไปเลย”
ฉันกับเฮียมาคัสเพิ่งคบกันได้แค่หกเดือน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดฉัน แต่ฉันเป็นพวกขี้เผือกรู้ว่าเขาเกิดวันไหน นั่นคืออีกสามเดือนหลังจากนี้
[ลืมเรื่อง?] มินตราถามขึ้น