“ดีใจอะไรกันหนักหนา ประเดี๋ยวก็สั่งประหารล้างโคตร!”
เงียบกริบกันทั้งท้องพระโรงอีกครา มีเพียงวิรัลย์เท่านั้นที่กลั้วหัวเราะในลำคออย่างขบขัน
หวงราวกับเป็นทรัพย์ล้ำค่าเช่นนี้ พระอิศวรคงจะทรงปลาบปลื้มพระทัยยิ่งอย่างแน่นอนที่ไอศูรย์รักใคร่เทวดาที่ส่งมาอุบัติเป็นสองเขี้ยวน้อยเช่นนี้
คิดเช่นนั้นโดยหารู้ไม่ว่าสีหน้าของไอศูรย์นั้นดำมืดไปหลายส่วนราวกับถูกราหูอมไปเรียบร้อยแล้ว...
***
ถึงจะตกปากรับคำ แต่ใจก็มิได้ยินดี ครั้นออกจากท้องพระโรงมา ปล่อยให้ข้าราชบริพารได้รับรองคณะทูตจากสราลีแล้วสิ้น ในหัวก็ขบคิดเป็นการใหญ่ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
เดินครุ่นคิดมาเรื่อยเปื่อย รู้ตัวอีกคราก็มาอยู่ที่ตำหนักของเจ้าวรรศแล้ว สายตาเหลือบมองไปยังพลับพลาหน้าตำหนัก เห็นโอรสองค์โตนอนเอกเขนกชมนกชมไม้ พลันก็เดินเข้าไปหา ปากส่งเสียงร้องเรียก
“เจ้าวรรศ”
อสุราหนุ่มที่นอนไขว่ห้างรับลมหันมามองตามต้นเสียง ครั้นเห็นว่าเป็นบิดาก็รีบลุกขึ้น ยกมือประนมแนบอก
“พ่อยักษ์ใหญ่มีธุระสำคัญใดรึ ถึงได้มาหาลูกจ๋าถึงที่ตำหนักเช่นนี้”
ไอศูรย์ไม่พูดในทันที ทิ้งตัวลงนั่งก่อน ถอนหายใจอีกระลอกใหญ่ เมื่อเห็นสายตาของเจ้าวรรศมองมาอย่างสงสัยถึงได้เอ่ยขึ้น
“เมื่ออรุณรุ่งมีคณะราชทูตจากแคว้นสราลีมาทาบทามน้องเจ้าให้ไปดูตัวกับองค์ยุพราชของพวกมัน”
เจ้าวรรศร้องอ๋อ เรื่องนี้เขาได้ยินมาแต่เช้าแล้ว หากทว่าหาได้ใส่ใจด้วยไม่เห็นว่าเป็นธุระกงการใดของตน
“แล้วอย่างไรรึพ่อจ๋า”
“องค์ยุพราชของพวกมันมีนามว่าองค์นวิน พวกมันว่ากันว่ารูปงามองอาจ สมบุรุษยักษา”
เรื่องนั้นเจ้าวรรศก็รู้ แต่...
“แล้ว?”
ถามออกไปจนได้ ไอศูรย์ระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ก็ไม่อย่างไร พ่อแค่อารมณ์เสีย พ่อไม่อยากให้เจ้าศวรรย์ไปดูตัว แต่พ่อยักษ์น้อยของเจ้ากลับเห็นดีเห็นงามด้วยยิ่ง”
“ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่าพ่อยักษ์ใหญ่ตกปากรับคำไปแล้ว?”
ไอศูรย์พยักหน้า ถอนหายใจออกมาอีกครา พานทำให้เจ้าวรรศพยักหน้ารับด้วยอีกคน แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี อารมณ์เสียเรื่องนี้แล้วแวะเวียนมาหาเขา เขาจะช่วยการใดได้
ทว่าอีกไม่กี่เพลาให้หลังก็ตระหนักได้ทันควันเมื่อฉับพลันไอศูรย์ก็คิดการชั่วออก
“พ่อมาคิดๆ ดู จะว่าไปแล้ว เทียบเจ้ากับเจ้าศวรรย์ เจ้านั้นมีปัญญาเล่ห์เหลี่ยมมากกว่าน้องของเจ้าอยู่โข หากสราลีมาทูลขอเจ้าไปดูตัว พ่อคงจะยินดี ไม่มีบ่ายเบี่ยง เพราะพ่อเชื่อว่าเจ้าเอาตัวรอดได้ดีกว่าเจ้าศวรรย์ยิ่งนัก”
คนฟังย่นคิ้วทันที สมองประมวลผล เข้าใจความนัยของบิดาได้ฉับพลัน
“ทั้งหมดทั้งมวลที่พ่อยักษ์ใหญ่กล่าวมา ใจความเดียวคือจะให้ลูกจ๋าไปดูตัวแทนเจ้าศวรรย์ใช่หรือไม่”
เจ้าวรรศถามไปตามตรง ไอศูรย์เลิกอ้อมค้อมแล้ว พยักหน้าอย่างจำนน
“ฉลาดเฉลียวยิ่งนัก และใช่ ช่วยไปแทนน้องเจ้าที”
ได้ฟัง เจ้าวรรศก็ปั้นหน้างองุ้ม เขานอนเล่นชมนกชมไม้อยู่เฉยๆ แท้ๆ จู่ๆ ก็มีเรื่องชวนปวดหัวเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว ฤๅสวรรค์จะลงโทษที่เขาเอาแต่เตร็ดเตร่ ไม่ยอมฝึกวิชาหรือเรียนรู้ศาสตราใดเช่นเจ้าศวรรย์กัน?
“เหตุใดลูกจ๋าต้องไป”
เจ้าวรรศถามอย่างอิดออด ไอศูรย์เห็นก็รู้ว่าโอรสองค์โตของตนเกียจคร้านในการทำเรื่องยุ่งยาก เขาจึงไม่ใคร่อยากจะให้เจ้าวรรศได้ลำบากใจนักถึงได้ไม่เคี่ยวเข็ญใดๆ ทั้งที่ในภายภาคหน้าเจ้าวรรศจะต้องขึ้นรั้งเป็นกษัตริย์ต่อจากเขา อีกทั้งเพลานี้ก็เป็นถึงองค์ยุพราช แต่ครานี้จำเป็นต้องให้ลำบากใจแล้ว อย่างน้อยก็ทำหน้าที่ยุพราชเสียหน่อยเถิด
“เพราะเจ้าศวรรย์ช่างไร้เดียงสา”
ได้ยินความในใจของบิดา เจ้าวรรศก็เบ้หน้าโดยพลัน
“เจ้าศวรรย์เนี่ยนะ?”
มีเพียงแต่เขาที่รู้กระมังว่าแฝดผู้น้องนั้นเจ้าเล่ห์จะตาย ภายใต้ท่าทางเซื่องๆ ไม่ประสา หัวอ่อนว่านอนสอนง่ายนั้น แฝงไปด้วยความร้ายกาจเกินผู้ใดจะล่วงรู้ แม้แต่บิดาทั้งสองของเขาเอง แม้แต่เขายังไม่อยากจะวิวาทมีปากเสียงกับเจ้าศวรรย์เลย เพราะรู้ดีว่ากระทำไปก็เสียเปล่า ท้ายที่สุด เขาก็จะเป็นฝ่ายผิดเพราะผู้อื่นเข้าข้างเจ้าศวรรย์ด้วยเอ็นดูแฝดผู้น้องกันหมด
มารยาสาไถยจะตายชัก!
แต่ไอศูรย์ก็ยังคงเชื่อในสิ่งที่เห็นเช่นนั้น พอเจ้าวรรศทำท่าไม่เชื่อ เขาก็ว่าออกมาอีก
“ใช่ เอาเถิดน่า ไปแทนน้องที แล้วช่วยเป็นหูเป็นตาให้พ่อด้วยว่าองค์นวินเป็นเช่นไร กล้าแกร่งดั่งคำที่ราชทูตแคว้นสราลีกล่าวไว้หรือไม่ พ่อจะได้เบาใจว่าหากพ่อสิ้นไป องค์นวินจะได้ปกป้องน้องได้หากน้องของเจ้าจำต้องอภิเษกเป็นคู่ตุนาหงันกับองค์นวินจริง”
เป็นห่วงแต่เจ้าศวรรย์นั่นล่ะ!
เจ้าวรรศหาได้อิจฉาริษยาผู้เป็นน้องหรอก เพียงแต่คิดว่าพ่อยักษ์ใหญ่ของเขานั้นถูกอนุชาตัวดีหลอกเสียจนหมดสิ้น ผู้ใดว่าเขาเจ้าเล่ห์กัน เขาก็แค่มีอุปนิสัยเปิดเผย หาได้ชอบเสแสร้งแกล้งทำไร้เดียงสาดั่งเช่นเจ้าศวรรย์
“วันๆ เจ้าเอาแต่เกียจคร้าน ไม่ปฏิบัติราชกิจเฉกเช่นที่องค์ยุพราชควรจะกระทำ เพลานี้ได้โอกาสก็จงไปเสีย ไม่เช่นนั้นแล้วพ่อจะทำโทษให้เจ้าไปอยู่ที่ชายแดนกับทัพทหาร”
เห็นเจ้าวรรศไม่ตอบตกลงเสียทีก็แสร้งขู่ แต่มีหรือที่เจ้าวรรศจะสะทกสะท้าน จะส่งเขาไปแห่งหนตำบลใดก็เท่านั้นล่ะ อย่างไรเสียเขาก็เกียจคร้านอยู่ดี ได้ออกไปนอกเขตพระราชฐานเป็นเรื่องดีเสียด้วย เพราะอุดอู้อยู่แต่ในนี้ช่างน่าเบื่อนัก
ทว่าเจ้าวรรศก็หาได้ตอบโต้สิ่งใด คิดเพียงแต่ว่าได้เดินทางไปดินแดนแคว้นอื่นบ้างก็ดี คงจะเพลิดเพลินอยู่ไม่น้อยหากได้ชมความรุ่งโรจน์ของสราลี จึงเหลือบมองบิดาแล้วยื่นมือไปตรงหน้า
“มีอันใด”
ไอศูรย์ย่นคิ้วยู่ ถามบุตรชายที่ยกยิ้มเผล่
“หากลูกจ๋าตกปากรับคำแล้วไซร้ ของรางวัลของลูกจ๋าล่ะ”
“ไหว้วานเท่านี้ จำต้องมีของรางวัลด้วยรึ”
เจ้าวรรศดึงมือกลับ เชิดหน้าขึ้นทันที
“แล้วแต่พ่อยักษ์ใหญ่นะ ไม่มีของแลกเปลี่ยนลูกจ๋าก็ไม่ไป เสียเวลาเล่นสนุก ทั้งยังเสี่ยงให้พ่อยักษ์น้อยขุ่นเคือง สู้นอนเล่นอยู่ที่ตำหนักดีกว่า”
ไอศูรย์ถึงกับกัดฟันกรอด
เล่นแง่แสนกลนัก เจ้าเล่ห์เพทุบายได้ผู้ใดมา!