ไร้เดียงสาถึงเพียงนี้ ไอศูรย์จะไม่เป็นห่วงกว่าเจ้าวรรศได้อย่างไรกัน!
อยากจะปฏิเสธเต็มแก่ ทว่าก็ต้องชะงักงันเมื่อวิรัลย์ที่นั่งเคียงข้างลดหลั่นลงมาจากบัลลังก์เอ่ยขึ้น
“สราลีนั้นอยู่สุดแคว้นตะวันตก ห่างไกลจากปรมะอยู่โข กระนั้นข้าก็ได้ยินมาหนาหูว่าแคว้นของพวกเจ้าอุดมสมบูรณ์ยิ่ง ทรัพย์ในดิน สินในน้ำก็มากมี อาณาเขตแผ่ขยายกว้างไพศาล แคว้นน้อยใหญ่ที่รายล้อมต่างยอมศิโรราบโดยดุษณี ไร้ซึ่งการเสียเลือดเสียเนื้อ”
“นั่นเพราะพวกกระหม่อมชาวสราลีเป็นยักษ์รักสงบพ่ะย่ะค่ะ หากไม่จำเป็นต้องสู้รบก็จะไม่จัดทัพ มีข้อพิพาทคราใด กษัตริย์ของกระหม่อมก็ทรงมีพระบัญชาให้ส่งคณะราชทูตไปเจรจาสงบศึก”
“หากเป็นเช่นนั้นก็น่าเป็นที่ยกย่องเหลือเกินว่าแคว้นสราลีเป็นแคว้นแห่งปราชญ์ ใช้ปัญญาเข้าแก้ไขปัญหามากกว่ากำลัง”
ได้ยินคำเอ่ยชมจากวิรัลย์เช่นนั้น ราชทูตจึงไม่รอช้าที่จะกราบแนบพื้นอย่างนอบน้อม
“ขอบพระทัยองค์วิรัลย์ยิ่งพ่ะย่ะค่ะ แคว้นสราลีจะสมบูรณ์ได้แน่หากได้ดองกับปรมะ ดินแดนหนึ่งอุดมด้วยปัญญา อีกดินแดนเลื่องลือด้วยกำลัง ต้องยิ่งใหญ่กว่าผู้ใดในแผ่นดินเป็นแน่แท้พ่ะย่ะค่ะ”
ประโยคหลังนั้นจงใจเอ่ยเพื่อล่อลวงไอศูรย์ด้วยคิดว่าจอมทัพอสุราผู้นี้น่าจะนิยมชมชอบด้วยอำนาจ หากแต่หารู้ไม่เลยว่าทุกครั้งที่เอื้อนเอ่ยว่า ‘ดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน’ เขี้ยวของไอศูรย์ก็งอกยาวขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงหางตา
บัดซบนัก! ผู้ใดอยากจะดองกับพวกเจ้ากัน!
อันที่จริงคือไม่อยากให้โอรสองค์เล็กไปไกลหูไกลตามากกว่า ขณะที่วิรัลย์กลับเห็นดีด้วย
“เรื่องเป็นใหญ่กว่าแว่นแคว้นใดนั้น หาใช่เรื่องที่ข้าสนใจนัก ข้าสนใจเพียงสินทรัพย์ทางปัญญาของพวกเจ้า”
“หากเป็นดองกันแล้วไซร้ ไม่ว่าสิ่งใดกษัตริย์ของกระหม่อมก็ทรงยินดีถวายให้พ่ะย่ะค่ะ”
ราชทูตเปล่งเสียงตามที่ได้รับสั่งมา ก่อนจะต้องสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ ไอศูรย์ก็หมดสิ้นซึ่งความอดทน แผดเสียงขึ้นมา
“ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ไม่ยกลูกของข้าให้!”
ไม่เพียงแต่ราชทูตสราลีที่ตกใจอกสั่นขวัญแขวน เสนาอำมาตย์ของปรมะก็พากันหน้าซีดเผือดเช่นเดียวกัน
กษัตริย์ของพวกเขาอารมณ์ไม่ดีแล้ว อีกประเดี๋ยวคงจะได้เห็นองค์เทพประทับจอมทัพอสุราตนนี้ให้เต้นผาง
แต่กระนั้นก็มีอำมาตย์ใจกล้าผู้หนึ่งยกมือประนมที่หน้าอกเพื่อกราบทูล
“ทูลองค์ไอศูรย์ แต่การดองกับแคว้นสราลีเป็นการดีนะพ่ะย่ะค่ะ สราลีมั่งคั่งด้วยทรัพย์ในดิน อีกทั้งยังเป็นมหามิตรกับแว่นแคว้นทางตะวันตกมาเนิ่นนาน ความยิ่งใหญ่หาได้ยิ่งหย่อนไปกว่าปรมะเลยแม้แต่น้อย เป็นทองแผ่นเดียวกันก็ล้วนเป็นประโยชน์แก่ปรมะ ทรงไตร่ตรองก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม...”
“ข้าบอกว่าไม่ก็คือไม่! ลูกของข้า ข้าไม่ยกให้ผู้ใดทั้งนั้น!”
อับจนคำพูดกันทั้งท้องพระโรงโดยพลัน เหล่าเสนาอำมาตย์ชำเลืองมองไปทางวิรัลย์อย่างขอความช่วยเหลือ ขณะที่วิรัลย์พ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง เหลือบมองไอศูรย์อย่างเสียมิได้
“ไอศูรย์...ลูกเรานั้นก็ถึงเพลาสมควรแก่การมีคู่ครองแล้ว จะผิดแผกอะไรหากจะส่งไปให้ได้ดูตัว”
…ดูตัว ใช่แล้ว ที่ราชทูตกราบทูลมาทั้งหมดนั้นเป็นเพียงทูลขอให้ไอศูรย์ยินยอมส่งเจ้าศวรรย์ไปดูตัวกับองค์ยุพราชแห่งสราลีในกำหนดระยะเวลาสามเดือนเท่านั้น หาใช่ให้อภิเษกกันเป็นคู่ตุนาหงันแต่อย่างใดทั้งที่จริงแล้วอยากจะให้เป็นอย่างนั้น ทว่าก็ใช่ว่าสราลีจะไม่รู้ว่าจอมทัพอสุราผู้นี้หวงแหนลูกเพียงใด หากบุ่มบ่ามขอลูกมาเป็นเขยขวัญ มีหวังดินแดนได้พินาศย่อยยับไปกับตาเป็นแน่ จึงได้หยอดชักชวนเพียงเท่านี้ก่อน การต่อไปจะเป็นเช่นไร ค่อยวางแผนให้แยบยลอีกครา
“แต่น้องวิรัลย์ เจ้าเขี้ยวน้อยทั้งสองของพี่นั้นยังเล็กนัก”
เห็นพ่อขวัญตาไม่เข้าข้าง ไอศูรย์ก็ส่งเสียงโอด
“สิบแปดขวบปี หาได้เล็กแล้ว”
ไอศูรย์ถึงกับหรี่ตา ไม่แน่ใจว่าที่ยอดดวงใจบอกว่าไม่เล็กนั้นหมายถึงสิ่งใด วิรัลย์เห็นแววตานั้นก็รู้ทัน รีบโพล่งออกมาก่อนที่อีกฝ่ายจะคิดเป็นอื่น
“ตัวโตเป็นยักษ์ฉกรรจ์แล้ว ข้าหมายความเช่นนั้น”
ไอศูรย์ร้องอ๋อ ทำเอาวิรัลย์ถึงกับย่นคิ้ว
โง่งมจริงหรือแสร้งโง่กัน!
กระนั้น ไอศูรย์ก็ไม่ยอมอยู่ดี
“แต่พี่อยู่ไม่ได้หากไม่มีเจ้าเขี้ยวน้อยทั้งสองของพี่”
“ผู้ใดว่าต้องส่งไปทั้งคู่กันเล่า ทางสราลีร้องขอเพียงเจ้าศวรรย์เท่านั้น”
ก็เจ้าศวรรย์นั่นล่ะ แก้วตาดวงใจของเขาเลยนะ! ลูกคนเล็กเช่นนั้นจะยกให้ผู้ใดได้อย่างไรกัน!
“แต่เจ้าศวรรย์ช่างไร้เดียงสา...”
“หากเจ้าเป็นห่วงลูกในอุทรนักก็ลองคิดดูสิว่าเมื่อเจ้าตายไป เจ้าศวรรย์จะมีผู้ใดดูแล เป็นปึกแผ่นกับแคว้นสราลีก็หาได้แย่ อีกทั้งองค์ยุพราชของสราลีนั้นก็องอาจเข้มแข็ง หากทั้งสองมีจิตปฏิพัทธ์ต่อกัน เจ้าศวรรย์ก็จะได้มีผู้ดูแลตราบสิ้นอายุขัย ให้ลองไปดูจะไม่เป็นการดีกว่ารึ”
เรื่องเป็นปึกแผ่นกับแคว้นสราลีนั้น ไอศูรย์หาได้สนใจหรอก แต่ที่เงียบงันไปนั้นก็เพราะได้ยินว่าเมื่อเขาสิ้นไป เจ้าศวรรย์จะได้มีคนดูแล เขาก็อดไม่ได้ที่จะคล้อยตามขึ้นมา
แม้จะรักสุดดวงใจแค่ไหน แต่ก็มิอาจอยู่ยืนยงค้ำฟ้าเป็นเทวดาปกปักลูกรักได้ชั่วนิรันดร์...
ไอศูรย์ตระหนักได้ถึงข้อเท็จจริงนี้แล้ว พลันระบายลมหายใจออกมาราวกับจะศิโรราบ กระนั้นก็ไม่ยอมพ่ายแพ้
“แต่องค์ยุพราชแห่งสราลีเป็นยักษา เจ้าศวรรย์ก็เป็นยักษา ไยจะครองคู่กันได้”
“แล้วข้าเป็นยักษีหรือไร”
ถูกวิรัลย์ตอกหน้าคืนมาเช่นนี้ ไอศูรย์ก็พูดต่อไม่ออก ย่นปากมองยอดรักราวกับจะโอดครวญ ก่อนที่วิรัลย์จะถามขึ้นอีก
“ว่าอย่างไร เจ้าจะยินยอมให้เจ้าศวรรย์ไปดูตัวหรือไม่”
ดวงเนตรคู่สวยจ้องมองราวกับคาดคั้นเอาคำตอบ ถึงครานี้ ไม่ตกลงก็ต้องยอมแล้ว
“แค่ดูตัวใช่ไหม”
“อืม”
“หากเจ้าศวรรย์หาได้มีจิตปฏิพัทธ์ก็จะกลับคืนสู่อ้อมอกพี่ใช่ไหม”
“ใช่”
ไอศูรย์พ่นลมหายใจออกมาอีกครา
“ก็ได้ ไปก็ไป”
เหล่าเสนาอำมาตย์ถึงกับเก็บความดีใจกันไว้ไม่อยู่ ยิ้มร่าออกนอกหน้ากันพัลวัน ทำเอาไอศูรย์แยกเขี้ยวขู่