อารัมภบท
กล่าวกันว่านอกอารัญมีแคว้นราพณาสูรอันศิวิไลซ์เป็นที่เรียกขานว่า ปรมะ กษัตริย์ผู้ปกครองนครเรืองรองแห่งนี้เป็น จอมทัพอสุรา ผู้เกรียงไกรนามว่า ไอศูรย์ ข้างกายจอมทัพอสุราตนนี้มียอดพธูซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทั้งราชครูและยอดชู้เคียงกาย ยักษ์ตนนั้นมีนามว่า วิรัลย์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงราชกุมารท้ายแถวแห่งแคว้นเวรุฬา หากแต่บัดนี้เป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่กว่าจอมทัพอสุรา ด้วยนอกจากจะเป็นสหายคู่คิดแล้ว ยังเป็นคู่เคียงครองที่ไอศูรย์ยอมสละทุกสิ่งเพื่อที่จะได้มีวิรัลย์ข้างกาย
แม้คู่ชู้ชื่นนี้จะเป็นยักษาด้วยกันทั้งคู่ ทว่าทั้งไอศูรย์และวิรัลย์กลับมีโอรสซึ่งสืบเชื้อสายอสุรขัตติยากันถึงสองตนด้วยกัน เป็นที่รู้กันถ้วนหน้าว่าโอรสทั้งคู่นั้นเกิดจากดินที่ผ่านการบริกรรมคาถาจากพระฤๅษีผู้ควบคุมเขตอาคมระหว่างแดนมนุษย์และแดนยักษ์ ถึงวิรัลย์จะไม่ได้คลอดออกมาเองจากร่าง แต่โอรสทั้งสองก็มีเลือดเนื้อเชื้อไขของไอศูรย์และวิรัลย์อย่างเต็มเปี่ยม อีกทั้งยักษ์น้อยทั้งสองยังเป็น...ฝาแฝด
เจ้าวรรศ...แฝดผู้พี่
เจ้าศวรรย์...แฝดผู้น้อง
เป็นแฝดยักษ์ยังไม่น่าประหลาดใจเท่ากับการเป็นโอรสที่เกิดจากการร้องวิงวอนขอจากเทวดา เป็นยักษ์ที่กำเนิดแบบสังเสทชะ ซึ่งก็คือกำเนิดจากเหงื่อไคล ทั้งที่ยักษ์ประเภทนี้มีฤทธาอำนาจ เป็นอสุราชั้นสูง ถิ่นที่อยู่คือวิมานบนสวรรค์ แต่กลับมาเดินดินเช่นนี้ก็สร้างความน่าอัศจรรย์ใจ จนสองแฝดยักษ์น้อยเป็นที่กล่าวขวัญกันไปทั่วหล้าว่ามีบุญญาธิการยิ่งนัก ชื่อเสียงเลื่องลือขจรขจาย ไม่ว่าผู้ใดที่มาเยือนยังปรมะก็ล้วนแล้วแต่ปรารถนาจะได้พบพานสองอสุราให้เป็นวาสนา
ได้พบก็ว่าเป็นบุญแล้ว แต่เมื่อได้ประสบพบพักตร์กลับเป็นบุญตายิ่งกว่า ด้วยสองยักษ์แฝดนั้น นอกจากจะมีต้นกำเนิดผิดแผกจากยักษ์ทั่วไปแล้ว ยังมีรูปโฉมงดงามชวนให้หลงใหลทั้งที่ยังเยาว์วัย และได้รับความเอ็นดูอย่างล้นเหลือถึงขนาดที่ปรมะเคยเกิดศึกเพราะกษัตริย์แคว้นอื่นหลงในรูปลักษณ์ของสองยักษ์น้อยจนหมายจะช่วงชิงมาครอบครอง และเป็นที่แน่นอนว่าบิดาอย่างไอศูรย์นั้นไม่ยอมเป็นอย่างยิ่ง หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร สองดวงแก้วอสุราของเขาก็จะไม่ยกให้ผู้ใดทั้งนั้น!
จากศึกครั้งนั้นทำเอาแคว้นชั่วพินาศสิ้น กลายเป็นที่ประจักษ์กันอีกว่าไอศูรย์หวงแหนโอรสทั้งสองของตนมากเพียงใด
ถึงขั้นเขี้ยวโค้งงองุ้มเกือบถึงปลายจมูกเช่นนั้น เห็นทีแม้แต่ปลายเกศาของสองเจ้ายักษ์แฝดก็คงจะมิอาจแตะต้องได้
กระนั้นความหวงแหนของไอศูรย์ก็หาได้ทำให้ผู้ที่พบเห็นเจ้าวรรศและเจ้าศวรรย์ละเลิกความหลงใหลได้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งทั้งสองเติบใหญ่ ความน่าเสน่หาก็มากขึ้นทบเท่าทวี
รูปโฉมงดงามชวนให้ผินหน้ามองตามยามเดินผ่าน ผิวเนื้อนวลสีทองอร่าม เส้นผมพลิ้วไสวดุจแพรไหม...เหล่านี้ล้วนเป็นทรัพย์ที่ได้จากวิรัลย์
ทว่าในขณะเดียวกัน กล้ามเนื้อตามร่างกายเป็นมัด ท่าทางองอาจผ่าเผย ดวงตาเรียวยาวฉายประกายความเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยเพทุบาย เหล่านี้กลับได้มาจากไอศูรย์
ผนวกรวมกันแล้ว งดงามหยาดฟ้ามาดินราวกับเทวดาลงมาอุบัติ ต่อให้ไอศูรย์หวงแหนแสนรักอย่างไรก็มิอาจทำให้แว่นแคว้นอื่นหักห้ามที่จะได้ครอบครองหรือดองเป็นแผ่นดินเดียวกับปรมะได้ ยิ่งบัดนี้เจ้าวรรศและเจ้าศวรรย์อยู่ในวัยครองเรือนแล้ว อายุอานามก้าวย่างสิบแปดขวบปี รูปโฉมสง่างามกว่าเดิมเป็นที่เลื่องระบือ เหล่าราชทูตจากต่างแคว้นก็พากันแห่แหนมาทูลขอให้องค์ยุพราชของตนบ้าง ราชกุมารหรือพระธิดาในกษัตริย์ของตนบ้าง
...เป็นเช่นนี้ไม่เว้นวัน ทำเอาไอศูรย์ถึงกับเขี้ยวงอกยาวกว่าเดิมวันละสามเวลา
เสน่หาของกุมภัณฑ์สองตนนี้ช่างเป็นที่น่าปวดเศียรเวียนเกล้าเสียเหลือเกิน
ทั้งที่ได้ชื่อว่าหวงแหนลูกแฝดราวกับพญาจงอางหวงไข่ แต่ก็มิวายมีแว่นแคว้นมาทาบทามสองยักษ์น้อยให้ได้ดองกับแคว้นของตนอยู่ร่ำไป สิ่งนั้นช่างกวนใจบิดาอย่างไอศูรย์เสียเหลือเกิน ยิ่งเจ้าสองเขี้ยวน้อยของเขาเติบใหญ่ถึงวัยครองเรือน ก็มีราชทูตจากดินแดนอื่นแวะเวียนมายังท้องพระโรงของกษัตริย์ปรมะไม่เว้นวัน
วันนี้ก็เช่นกัน...เป็นคราวของแคว้นสราลีอันเป็นดินแดนทางสุดตะวันออกที่ยกพลราชทูตมาทาบทามโอรสหัวแก้วหัวแหวนของกษัตริย์ปรมะ
บนบัลลังก์ปรากฏร่างจอมทัพอสุราที่นั่งฟังราชทูตจากสราลีกราบทูลไป แยกเขี้ยวโค้งพรายไปด้วยไม่สบอารมณ์ยิ่ง มีอย่างที่ไหน ถูกวิรัลย์ยาใจปลุกให้ตื่นแต่เช้าเพื่อมาฟังถ้อยคำของเจ้าพวกที่จะพรากลูกตนไปจากอก มันใช้ได้หรือ!?
อยากจะบั่นหัวเจ้าพวกยักษ์ไม่รู้จักกาลเทศะ ทั้งยังโอหัง คิดการใหญ่กำเริบเสิบสาน หมายจะพาโอรสของตนไปครองคู่กับองค์ยุพราชของตน
...ใช่ องค์ยุพราช ไอศูรย์ฟังไม่ผิดแน่ ใบหน้าถึงได้ถมึงทึงราวกับพร้อมจะสู้รบถึงปานนี้
“องค์ยุพราชของชาวสราลีนั้นเก่งกล้าสามารถ ไม่ว่าจะเป็นแว่นแคว้นดินแดนใดในทางตะวันตก พระองค์ก็ล้วนแล้วแต่เหยียบย่างเอาซึ่งชัยไปทุกที่ อีกทั้งรูปร่างก็องอาจ ใบหน้าก็งดงามคมคายสมบุรุษยักษา หากองค์ไอศูรย์ทรงมีพระเมตตา ยินยอมยกองค์ศวรรย์ให้ได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกับสราลีแล้วไซร้ ปรมะและสราลีจะต้องยิ่งใหญ่กว่าผู้ใดในหล้าแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงของราชทูตนั้นแทบไม่เข้าหูไอศูรย์เลย เขาได้แต่นั่งคิ้วกระตุกเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยชื่อเจ้าศวรรย์ออกมา
ทูลขอใครไม่ขอ มาขอลูกคนเล็ก สงสัยจะไม่อยากกลับแผ่นดินมาตุภูมิแล้วกระมัง!
แต่ก็มีเพียงเหล่าข้าราชบริพารในปรมะเท่านั้นที่รู้ดีว่าไอศูรย์หวงแหนโอรสองค์เล็กมากเพียงใด กับองค์โตนั้นก็ไม่ใช่ว่าไม่หวงแหน หากทว่าเจ้าวรรศนั้นเล่ห์เหลี่ยมเพทุบายมากล้น ทั้งยังกะล่อนลื่นไหล จึงไม่น่าเป็นห่วงเท่าใดนักหากถึงคราวต้องเอาตัวรอด ต่างจากเจ้าศวรรย์ผู้เป็นน้องยิ่ง ด้วยเจ้าศวรรย์นั้นมีลักษณะคล้ายกับวิรัลย์ผู้เป็นบิดาอีกคน ไม่ช่างพูดช่างเจรจา สีหน้าท่าทางดูซื่อใสราวกับไม่ประสา