ตอนที่ 6 ชื่อตอน ท่านลุงหยาง

1555 Words
ในชาติที่แล้วนางมิได้ใส่ใจท่านอาแปดนัก แต่ในชาตินี้เมื่อได้พบกันในงานไหว้พระจันทร์ ท่านอาแปดได้กลับมาร่วมงานไหว้พระจันทร์ พร้อมๆกับบุรุษชราท่านหนึ่งที่เป็นสหายของท่านอาแปด นางจึงนึกขึ้นได้ว่าบุตรของท่านอาแปดนั้นคลอดออกมาในวังหลวง ทำคลอดวันเดียวกันกับวันกำเนิดของร่งฉีที่ถูกนำกลับมาด้วยพร้อมๆกับองครักษ์ของบุตรของท่านอาแปดที่มีนามว่าฉวนชิง ท่านอาแปดว่าร่งฉีนั้นคือเด็กกำพร้าที่เก็บมาจากข้างถนน แต่สองคนนั้นกำเนิดมาจากมารดาที่ไปอยู่รับใช้คนในวังหลวง ท่านพี่ฉวนชิงนั้นแม้เป็นบุตรชายของท่านอาแปด แต่ทว่าในยามนั้นท่านอาแปดนั้นเศร้าโศกที่สตรีของตนเองนั้นจากไป จึงส่งบุตรชายพร้อมทารกอีกสองคนมาที่เมืองหวยเหอบ้านเกิดของตนเอง ท่านพ่อของนางยังมิมีบุตร จึงรับท่านพี่ฉวนชิงให้เป็นบุตรชายคนแรกให้มีโอกาสสืบสกุลเซี่ยเป็นผู้แรก ในภายหลังนั้นท่านอาแปดก็รักษาผู้คนในวังหลวง แล้วไปพัวพันวุ่นวายกับความตายของฝ่ายใน จนชีวิตนั้นมิค่อยจะปลอดภัยนัก และหมอหลวงของทุกรัชกาลหากว่าองค์ฮ่องเต้มิทรงกริ้วแล้วทรงมีพลานามัยสมบูรณ์ ยามสุดท้ายของพระชนม์ชีพของพระองค์ บางคราก็จะกลบฝังข้าราชบริพารลงไปด้วยกัน ท่านอาแปดจึงตัดสินใจมิเลี้ยงบุตรตนเองไว้ให้เป็นหมอหลวงอีก เพราะชีวิตหมอหลวงนั้นวุ่นวายและข่มขื่นจนมิอาจจะอดทนได้ นับจากนั้นนางก็เล่นกับพี่ชายฉวนชิงและบ่าวชายทั้งสองมาโดยตลอด พอยามบุรุษเติบโตก็ต่างไปฝึกวิชาปกครองเมือง ร่งฉีเลือกเรียนวิชาดาบและขอติดตามนางเป็นองครักษ์ข้างกายนาง ผู้ใดค้านก็มิฟัง ร่งฉีหวงนางมากสุดท้ายเมื่อชนะองครักษ์ของท่านพ่อได้ ท่านพ่อจึงยิ้มกว้างเตะร่งฉีมายืนปกป้องนางอย่างเต็มใจ เช่นนั้นต่อจากนั้นนางจึงมีร่งฉีมาตลอดจนถึงคราสุดท้ายในชีวิตของนาง ในวันนี้สิ่งที่นางสนใจก็คือชายชราผมขาวที่แต่งกายสีทึบทึมดูร่างกายกำยำ สวรรค์ หากนางนั้นมองมิผิดพลาด คนผู้นี้นั้นคือร่งฉีในยามที่แก่ชราชัดๆ ร่งฉีถูกท่านอาแปดเรียกไปรับขนมของฝาก และท่านอาแปดก็ให้ร่งฉีถอดผ้าตรวจร่างกายโดยละเอียด ชายชราผู้นั้นตาโตแล้วมองไปที่ปานที่แผ่นหลังของร่งฉีแล้วพยักหน้าขึ้นมาเบาๆ “เจ้าหนุ่มผู้นี้ช่างมีร่างกายที่ดีนัก ระหว่างที่ข้าอยู่ที่นี่จะฝึกฝนเพลงดาบให้ซักเล็กน้อย ต่อไปคงเคลื่อนกายได้ดีขึ้น “ ชายชราผู้นั้นที่ภายหลังท่านพ่อแนะนำว่าชื่อท่านลุงหยาง ตบบ่าของร่งฉีเบาๆแล้วไต่ถามหาบิดามารดาของร่งฉีขึ้นมา “แล้วเจ้าหนุ่มผู้นี้เป็นบุตรของผู้ใดเล่า “ “ฮร่า เรื่องมันยาวนัก ในยามนั้นข้านั้นนั่งรถม้าออกมาจากวังหลวง ระหว่างทางนั้นเจอรถม้าประสบภัยเข้า สตรีโยนทารกออกมาจากรถม้าแล้วข้านั้นรับเอาไว้ นางและรถม้าตกลงไปในหุบผา ยามนั้นค่ำมืดแล้ว ข้ามีทารกอยู่สองคน และเพิ่มทารกขึ้นมาอีกหนึ่งคน สุดท้ายจึงควบม้าออกมาอย่างมิคิดชีวิตให้ทารกทั้งหมดนั้นมีนมดื่มก่อน และหลังจากนั้นมีความวุ่นวายมาก กว่าจะกลับไปสำรวจที่จุดนั้นอีกครา ก็มิพบร่องรอยใดๆแล้ว เจ้าร่งฉีผู้นี้ก็มีเพียงปานนี้เท่านั้นติดกายมา จะตามหาบิดามารดาให้ที่ใดก็มิพบหลักฐานแล้ว เรื่องผ่านมานานข้าเองก็วุ่นวายในวังหลวง จึงมิได้พาร่งฉีไปในจุดรถม้าตกเหวนั้นเลยแม้แต่คราหนึ่ง หากว่าวันใดข้าผ่านไปทางนั้นอีกครา คิดว่าจะพาร่งฉีไปไหว้มารดาซักครั้งหนึ่งในชีวิต นางคงดีใจมากที่บุตรของนางนั้นยังคงอยู่รอดจนมาถึงในวันนี้” ท่านลุงหยางตกตะลึงและพยักหน้าออกมามิหยุด คล้ายท่านลุงหยางใจบางๆและคล้ายมีน้ำตารื้นขึ้นมาในดวงตาแล้ว ร่งฉียิ้มน้อยๆและเอ่ยขอบคุณท่านอาแปดขึ้นมา “ขอบคุณนายท่านแปดขอรับ หากมิมีท่านคงมิมีร่งฉีในวันนี้แล้ว ต่อไปร่งฉีจะดูแลคุณหนูให้ดี รวมถึงคุณชายฉวนชิงด้วยขอรับ “ “ฮ่า ฮ่า ดีๆรักกันให้มาก พวกเราล้วนคือครอบครัวเดียวกันแล้ว “ ร่งฉีสะอึกน้อยๆที่ได้เป็นครอบครัวเดียวกับคุณหนูของตนเองไปแล้ว “ ผู้ใดถามข้าหรือไม่ว่าข้าอยากใช้แซ่เซี่ยหรือไม่ แซ่เดียวกันจะแต่งงานกันได้เช่นใด นี่มันช่างเป็นเรื่องที่ข้านั้นมิอยากจะยอมรับเลย “ ร่งฉีใบหน้าเบี้ยวหันมองไปทางคุณหนูของตนเองหลายครา จนท่านลุงหยางนั้นหัวเราะขึ้นมาน้อยๆ คล้ายถูกใจสิ่งใดอยู่มากๆ หลังจากนั้นทั้งสามคนล้วนฝึกหนัก บุรุษในสกุลเซี่ยก็ย่อมฝึกหนักตามกันไปด้วย มิน่าเชื่อว่าเพลงดาบของท่านลุงหยางนั้นคล้ายเป็นหนึ่งในแผ่นดิน ร่งฉีดีใจมากเพียงแค่ท่านลุงนั้นรำดาบ ร่งฉีก็ทำตามท่องตามไปทุกท่วงท่า คล้ายจะมิยอมกินมิยอมนอน จนนางนั้นต้องมาตามคนไปนอนเสีย ท่านลุงหยางกับร่งฉีสนิทกันมากขึ้นมา ในที่สุด ท่านลุงหยางนั้นขอให้ท่านพ่อของนางมอบร่งฉีให้เป็นบุตรของสกุลหยาง มิน่าเชื่อท่านพ่อของนางยกให้ไปอย่างมิคิดอันใด ร่งฉีเองก็งุนงงมากแต่ทว่ากลับชื่นชอบท่านลุงหยางอยู่มิน้อย เช่นนั้นยามที่ได้แซ่ใหม่จากท่านลุงหยาง ร่งฉีก็มาคุกเข่าที่ข้างเตียงนาง จุมพิตฝ่าเท้าของนางเล่นและกอดรัดฝ่าเท้านางแนบใบหน้าขึ้นมา “ข้านั้นคนล่ะแซ่กับท่านแล้ว ต่อไปหากข้ามีเงินมาก ข้าก็อาจจะมีโอกาสแต่งงานกับท่านได้ ข้านั้นรักสกุลเซี่ย แต่แซ่เดียวกันร่วมกราบไหว้ฟ้าดินกันมิได้ เช่นนี้ต่อไปข้าจะรู้สึกผิดน้อยลงไปข้อหนึ่งแล้ว “ “คิก คิก เจ้าคนทึ่ม “ หลันเสวี่ยหัวเราะคนบ้าของนางขึ้นมา มิคิดว่าบุรุษผู้นี้จะคิดสิ่งน่าตลกเช่นนี้ขึ้นมาได้ นางรู้สึกเอ็นดูเจ้าทึ่มผู้นี้ขึ้นมาแล้ว นึกดีใจที่เจ้าคนผู้นี้นั้นมีชีวิตอยู่กับนางทุกๆวัน “ร่งฉีถ้าหากว่าท่านลุงหยางให้เจ้าติตตามไป เจ้าก็ตามไปเถิด เจ้าเป็นบุรุษหากว่ามีอนาคตในเมืองหลวง ก็จะดีกว่าการมาติดตามสตรีเช่นข้า “ “ฮึ่ม ข้าจะมิเพียงติดตามท่าน หากว่าท่านขับไล่ข้าเช่นนี้ มิสู้ข้าไปขอร้องท่านพ่อให้หมั้นหมายท่านเอาไว้ ให้ท่านติดตามข้าไปทุกๆที่ ท่านล่อลวงข้าทุกราตรี ทั้งยังทำร้ายเจ้านกเขาน้อยๆกลืนกินมันลงไปแล้ว หากว่าท่านขับไล่ข้า ท่านคิดจะหาเจ้านกเขาตัวใหม่มากลืนเล่นอีกหรืออย่างไร ท่านเป็นสตรีเช่นใดกันแน่นะ คุณหนูเซี่ย “ บุรุษขมวดคิ้วทำหน้าเบี้ยว หายใจฟึดฟัดขึ้นมาเสมือนจะร่ำไห้ และกรุ่นโกรธนาง หลันเสวี่ยกระพริบดวงตาขึ้นมาเบาๆ นางมิคิดว่าบุรุษผู้นี้จะทำหน้าตาได้น่าตลกเช่นนี้เลย ตลอดมาร่งฉีผู้นี้มีเพียงแต่หน้าตาที่ขึงขัง ยามนี้นางคงหยอกล้อคนมากจนเกินไป บุรุษผู้นี้จึงหน้าเขียวหน้าแดงไปได้ทั้งวัน หรือว่านางนั้นหยอกล้อคนเล่นมากจนเกินไปแล้วนะ หลันเสวี่ยครุ่นคิดขึ้นมา สลับกับมองขึ้นมองลงไปตามร่างกายแกร่ง แล้วแย้มรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง “หากว่าท่านพ่อนั้นยินยอมได้ ข้าก็จะหมั้นหมายกับเจ้าแล้วร่งฉี แต่ข้ารักท่านพ่อมาก หากท่านพ่อมิยินยอมได้ ชาตินี้ข้าคงตัดวาสนากับเจ้าแล้ว อรื้อ “ ยามที่นางเอ่ยออกไปเช่นนั้น คนด้านล่างเตียงลุกขึ้นมาคล่อมกายนาง และปล้ำจูบลงไปเสีย นางถูกปลุกปล้ำดูดดึงผิวเนื้อ ทรมานกายให้กลั้นเสียงร้องไปตลอดทั้งราตรีกาล ตื่นขึ้นมาอีกครา ร่งฉีก็หายไปแล้ว ทั้งยังแต่งกายให้นางอย่างมิดชิด รู้ตนอีกคราก็รู้ว่าร่งฉีขโมยเสื้อผ้าบางเบาของนาง ไปซ่อนเอาไว้แล้ว นางถึงกับส่ายหัวออกมาในที่สุด ลงท้ายก็ต้องยอมแต่งกายจืดชืดเหมือนนางชี และออกไปสนทนากับเจ้าหลิงหว่านอย่างนางชีผู้มีเมตตาธรรมจริงๆ ผู้หนึ่งแต่งกายงดงาม จึงมาคู่กับนางที่แต่งกายจืดชืด เช่นนั้นสตรีที่มีบุรุษนั้นรุมตอม จึงเป็นบุบผางามเช่นเจ้าหลิงหว่านนั่นเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD